"เอกนิติ" การันตีเศรษฐกิจไทยโตพ้นหล่ม กางผลงาน 1 เดือนเร่งเข็นมาตรการกระตุ้น ดันจีดีพีไตรมาส 4/68 โตไม่ต่ำกว่า 1% มั่นใจทั้งปีทะลุ 2% แน่นอน เดินเครื่องแก้หนี้ภาคเกษตร เข็น ธ.ก.ส.ผุด AMC ภายในสางหนี้เสีย 1 แสนราย วงเงิน 7-8 พันล้านบาท ปักธงไม่เกิน พ.ย.เห็นแน่
เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ ‘Unlocking Growth and Shared Prosperity ก้าวต่อไปของไทย : ปลดล็อกการเติบโตสู่ความมั่งคั่งที่ทุกคนเข้าถึงได้’ ในงานสัมมนา The Standard Economic Forum 2025 ‘Thailand’s Next Frontier’ ว่า ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลได้เร่งผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงการเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, โครงการคนละครึ่งพลัส และโครงการเที่ยวดีมีคืน ซึ่งเป็นไปตามแนวทางเสาหลักที่ 1 ตามนโยบายของรัฐบาลในการฟื้นเศรษฐกิจเรียบร้อยแล้ว ทำให้มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยพ้นจากหล่มอย่างแน่นอน จากเดิมคาดว่าไตรมาส 4/2568 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้เพียง 0.3% แต่ขณะนี้มั่นใจว่าจะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 1% และทั้งปี 2568 จะขยายตัวได้เกิน 2% แน่นอน
นายเอกนิติกล่าวว่า หลังจากนี้รัฐบาลได้เร่งเดินหน้าเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งถือเป็นปัญหาสำคัญของเศรษฐกิจไทย ที่ยังไม่มีใครลงมาจัดการอย่างจริงจัง ซึ่งล่าสุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบโครงการแก้ปัญหาหนี้เสียผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company : AMC) ในกลุ่มที่มีหนี้เสียต่ำกว่า 1 แสนบาท โดยการดึงเม็ดเงินที่เหลือจากโครงการคุณสู้ เราช่วย จำนวนกว่า 2 หมื่นล้านบาทมาดำเนินการซื้อหนี้เสียดังกล่าว พร้อมทั้งออกมาตรการตัดต้น ลดดอก ยืดอายุหนี้ เพื่อช่วยเหลือให้ลูกหนี้สามารถมีลมหายใจต่อไปได้ และหากลูกหนี้มีวินัยผ่อนชำระดี ก็จะมีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อใหม่ในระบบได้ด้วย ตรงนี้ถือเป็นการสร้างโอกาสให้ลูกหนี้กลับมามีชีวิตใหม่ได้อีกครั้ง และถือเป็นการแก้หนี้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ จะเริ่มดำเนินการในเฟสแรก กับลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ และนอนแบงก์ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์ ราว 2 ล้านราย วงเงิน 6 หมื่นล้านบาท จากลูกหนี้ทั้งหมด 3.5 ล้านราย 4.7 ล้านบัญชี วงเงิน 1.2 แสนล้านบาท
ขณะเดียวกัน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะเร่งจัดตั้ง AMC ภายในขึ้นมาเพื่อเข้ามาช่วยแก้ปัญหาหนี้เสียของลูกหนี้ภาคเกษตร ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ราว 1 แสนราย วงเงิน 7-8 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในเดือน พ.ย.2568 ส่วนหนึ่งที่ ธ.ก.ส.ต้องดำเนินการจัดตั้ง AMC ภายในขึ้นมาบริหารจัดการเองนั้น เพราะสินเชื่อภาคเกษตรมีความเฉพาะตัวมาก ไม่เหมือนกับสินเชื่อทั่วไป โดยที่ผ่านมาได้หารือกับนายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธ.ก.ส.เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง ธ.ก.ส.มีความพร้อมและเตรียมทำการบ้านมาแล้วส่วนหนึ่ง
“หัวใจสำคัญของการปลดล็อกให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืนนั้น คำตอบอยู่ในนโยบายเศรษฐกิจที่ได้มีการแถลงต่อสภาไปเรียบร้อยแล้ว โดยรัฐบาลมีธีมชัดเจนว่าใน 4 เดือนจะทำอะไรบ้าง ซึ่งหลักเลยคือต้อง Quick-Big และ Win ต้องกระจายตัว โดยสิ่งสำคัญตอนนี้คือการกระตุ้นสั้น เราเร่งดำเนินการแล้ว ใน 4 อาทิตย์ 1 เดือน ผลักดัน 4 มาตรการ ทำให้มั่นใจแล้วว่าวันนี้เศรษฐกิจไทยเราพ้นหล่ม ขณะเดียวกันผลในระยะยาวรัฐบาลก็ได้มีการวางรากฐานไว้แล้ว แม้จะมีเวลาเพียง 4 เดือน แต่รัฐบาลทำให้เห็นได้ชัดเจนว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง” นายเอกนิติกล่าว
นายเอกนิติกล่าวอีกว่า อีกหนึ่งเสาเศรษฐกิจที่รัฐบาลเร่งดำเนินการคือ เสาที่ 5 ผ่านการลงทุนเพื่ออนาคต ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยด้วย โดยต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาไทยไม่ได้มีการลงทุนมานาน เมื่อไม่มีการลงทุนแล้วจะเอาแรงส่งที่ไหนมาขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจเติบโต สิ่งที่รัฐบาลเห็นทางออก นั่นคือการใช้เครื่องมือทางการเงินที่ไม่ก่อให้เกิดหนี้สาธารณะ เช่น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFF) มาช่วยทำให้เกิดการลงทุนสำหรับอนาคตใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยหนึ่งในโครงการสำคัญที่สามารถดำเนินการผ่านกองทุน TFF คือโครงการ Floating Solar (โซลาร์ลอยน้ำ) ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจอย่างมาก หลักการคือ รัฐบาลจะนำรายได้ในอนาคต (Future Income) จากโครงการดังกล่าวมาขายให้กับนักลงทุนบางส่วน จะช่วยให้เรามีเงินทุนเข้ามาเพื่อนำไปขยายการลงทุนในพลังงานสะอาดใหม่เพิ่มขึ้น โดยที่่ กฟผ.ไม่ต้องกู้เงิน
นอกจากนี้ จะเร่งเพิ่มทักษะของแรงงานไทย เพื่อสร้างคนเก่งให้สอดรับกับการลงทุนเพื่ออนาคต โดยเตรียมจะดึงเม็ดเงินจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท เพื่อมาใช้ในการ Up-Skill/ Re-Skill ให้แรงงานไทยเก่งขึ้น ขณะเดียวกันจะมีการเร่งปลดล็อกกฎ กติกา และระเบียบต่างๆ ที่ยังเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนผ่านการขอรับการส่งเสริมการลงทุน ผ่านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่ยังมีเม็ดเงินค้างท่ออีกราว 4.7 แสนล้านบาท เพื่อเร่งผลักดันเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว
“ยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยยังมีอนาคต และเชื่อมั่นว่ายังไม่สายเกินไปที่จะเร่งยกระดับในทุกมิติ แม้รัฐบาลจะมีเวลาเพียง 4 เดือน แต่เชื่อว่าเวลาตรงนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้เข้มแข็งและเติบโตได้อย่างยั่งยืน รวมทั้งยังสามารถยืนได้อย่างมั่นคงในเวทีโลก" นายเอกนิติกล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


