สีหศักดิ์ยอมรับ 12พฤศจิกายน ปล่อย‘18เชลย’

“นายกฯ” ไม่ตอบปม​ไทยจ่อปล่อย 18 เชลยศึก​กัมพูชา ขณะที่ “สีหศักดิ์” รับเตรียมปล่อย 12 พ.ย.นี้ ด้าน “บิ๊กเล็ก” เผยมีเงื่อนไขต้อง “ถอนอาวุธหนัก-เก็บกู้ทุ่นระเบิด” สำเร็จค่อยพิจารณา ยันกัมพูชายังต้องทำครบทั้ง 5 ข้อตกลง สะพัดทหารเขมร 7 นายขอทำฟันให้เสร็จก่อนส่งตัวกลับ

เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 7 พฤศจิกายน  2568 ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6)  นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย พร้อมด้วยนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.การคลัง, นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์, นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ, น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เดินทางเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของนายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ เพื่อกระชับความสัมพันธ์และผลักดันความร่วมมือในสาขาต่างๆ ระหว่างสองประเทศ โดยมีความสำคัญเป็นพิเศษในโอกาสครบรอบ 60 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สิงคโปร์

โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง​ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง​ ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามถึงกรณีกระแสข่าวการปล่อยตัวเชลยศึกกัมพูชาทั้ง 18 คน​ แต่นายกรัฐมนตรี​ไม่ได้ตอบคำถาม โดยใช้มือชี้ที่นาฬิกา เพื่อเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาที่ต้องเดินทางแล้ว

ด้านนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่า  ทราบว่าจะมีการปล่อยตัววันที่ 12 พ.ย. แต่ต้องยืนยันกับทางฝ่ายทหารอีกครั้ง ซึ่งการจะปล่อยตัวเป็นไปตามเงื่อนไขที่ทางการไทยกำหนดไว้ คือการเคลื่อนย้ายอาวุธหนักต่างๆ และการเปิดพื้นที่ให้ทางไทยเข้าไปเก็บกู้วัตถุระเบิด ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไข

ทั้งนี้ ไม่ได้มีข้อแลกเปลี่ยนอะไร และไม่มีแรงกดดันจากต่างชาติ ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่าอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องภาษีนำเข้าสินค้าไทย นายสีหศักดิ์ปฏิเสธว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน

ขณะที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องนี้เป็นผลมาตั้งแต่การประชุมวันที่ 10 ก.ย. โดยมีการตกลงเงื่อนไข 4 ข้อ คือ 1.ถอนอาวุธหนัก 2.เก็บกู้ทุ่นระเบิด 3.จัดการสแกมเมอร์ และ 4.การบริหารจัดการบริเวณชายแดน โดยเราให้เขากลับไปคุยกัน แต่ปรากฏเขาคุยกันไม่สำเร็จ ทำให้ต้องนำกลับมาในที่ประชุมเมื่อวันที่ 23 ต.ค. ซึ่งก็คุยกันเรื่องเดิมอีก และถือมีความคืบหน้า โดยเห็นว่ารายละเอียดให้ไปตกลงกันในที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) และการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) อย่างเช่นการถอนอาวุธหนักจะถอนอย่างไร หรือที่บริเวณบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว จะทำอย่างไร ซึ่งหลังจากที่นายกรัฐมนตรีไปลงนามถ้อยแถลง (Joint Declaration) หลังจากที่ส่วนล่วงหน้าไปคุยกันแล้วกับทางกัมพูชาและประเทศที่เป็นพยาน โดยมีการระบุว่าเขาอยากให้มีการปล่อยเชลยศึก เพราะเป็นเรื่องของมนุษยธรรมและเก็บไว้ก็ไม่มีอะไร แต่เราได้ต่อรองขอให้ปฏิบัติข้อตกลงทั้ง 4 ข้อให้เป็นรูปธรรมก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขั้นตอนการปล่อยตัว 18 เชลยศึกกัมพูชา ภายหลังกัมพูชาถอนอาวุธหนักเฟสที่ 1 เรียบร้อยแล้ว รวมถึงไม่ขัดขวางการเก็บกู้ทุ่นระเบิดใน 5 พื้นที่ จากเดิมกัมพูชาแจ้งว่าจะดำเนินการเรียบร้อยวันที่ 21 พ.ย. แต่ได้แจ้งฝ่ายไทยกลับมาว่าสามารถดำเนินการเสร็จ 10 พ.ย.

ทั้งนี้ หากกัมพูชาสามารถดําเนินการภายในวันที่ 10 พ.ย.จริง ฝ่ายไทยจะส่งตัวเชลยศึกทั้ง 18 นายตามสัญญา โดยก่อนส่งตัวจะมีขั้นตอนการตรวจร่างกาย และมีเจ้าหน้าที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่สหประชาชาติ (UNSC) และคณะผู้แทนอาเซียน (AOT) ฝ่ายไทยมาสังเกตการณ์

จากนั้นจะเคลื่อนย้ายเชลยศึกจากพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ไป จ.จันทบุรี พื้นที่กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กป.ชต.) พักค้างคืน 1 คืน และวันรุ่งขึ้นนำตัวไปยังบริเวณหน้าด่านศุลกากร หรือตรวจคนเข้าเมือง จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ส่งมอบให้กัมพูชา ในวันที่ 12 พ.ย.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด เฉลยศึกกัมพูชาจำนวน 7 นาย ร้องขอทําฟันให้เสร็จก่อนส่งตัวกลับ โดยทางทหารไทยทําเรื่องมาสอบถามผู้บังคับบัญชา โดยผู้บังคับบัญชาได้สอบถามจะทําคนละกี่ซี่ ได้รับแจ้งว่าทําทั้งปาก คาดว่ามีรายจ่ายคนละประมาณกว่า 10,000 บาท ทางผู้บังคับบัญชาแจ้งว่าให้เชลยศึกกลับไปทำฟันที่บ้านของตัวเอง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ