ที่ปรึกษา รมว.กห.ยัน “บิ๊กเล็ก” ไม่ได้สั่งแม่ทัพกุ้งหยุดยิง ส่วน “บิ๊กดุลย์” บอกไม่จำเป็นต้องเก็บ 18 เชลยศึก เผยหลายคนมีความสุขอยากอยู่ไทยต่อ แนะสื่อรอสัมภาษณ์วันปล่อยตัว
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 พ.ย.2568 ยังคงมีความต่อเนื่องในกรณี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบก อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวตอนหนึ่งเมื่อวันเสาร์ที่ 8 พ.ย. ถึงเหตุการณ์ปะทะกับทหารกัมพูชาเมื่อวันที่ 24 ก.ค. ว่ามีคำสั่งให้หยุดตั้งแต่ 6 ชั่วโมงแรก
โดยนายวันวิชิต บุญโปร่ง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์เฟซบุ๊กถึงการเข้ามาเป็นที่ปรึกษา พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม โดยเฉพาะรายละเอียดการพูดคุยถึงคำสั่งให้หยุดยิง ซึ่ง พล.อ.ณัฐพลระบุว่าไม่เคยโทร.ไปหรือสั่งการใดๆ กับกุ้ง หรือแม้แต่ ผบ.ทบ.เลย เป็นทหารทำไมจะไม่รู้
“คนมักกล่าวหาใส่ความอย่างมีอคติ ว่าท่านเป็นสปาย เป็นไส้ศึก ผมบอกว่าถ้าคิดอย่างนี้ทั้งกองทัพไทยก็เป็นไส้ศึกกันหมด ผู้บัญชาการทหารสูงสุดท่านปัจจุบันเติบโตมาจากกรมยุทธการทหารบก ตามรอยพี่เล็กมาเลย หรือเสนาธิการทหารบกเป็นเพื่อนรักสนิทสนมกับ ผบ.ทบ.มาก ท่านยังเป็นน้องรักกับ รมว.กลาโหม ถ้ามีมูลเชื้อความหวาดระแวงกันอย่างนี้ พล.อ.ณัฐพลไม่น่าจะได้รับการยอมรับจากน้องๆ ในกองทัพ ถ้าคนติดตามข่าวสารการเมืองการทหารมายาวนาน ถ้าใครมีชื่อถูกเสนอมาเป็นรัฐมนตรีกลาโหม ถ้า ผบ.ทบ.ไม่เอาด้วย ก็ไปต่อยากนะครับ” นายวันวิชิตระบุ
ขณะที่ พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม กล่าวถึงความกังวลของประชาชนในพื้นที่ปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ว่าถือเป็นเรื่องปกติ ที่สืบเนื่องมาจากการลงนามความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการปฏิบัติตาม 4 ข้อตกลงในเฟสที่ 1 ส่วนคลิปที่ปรากฏว่ามีการขัดขวางทหารไทยนั้น ถือเป็นเรื่องปกติของกำลังทหารที่ใกล้กัน และทุกฝ่ายต่างหวงแหนดินแดน
เมื่อถามย้ำว่า ปราสาทตาควายเป็นเพียงการเสียการควบคุมใช่หรือไม่ พล.ท.อดุลย์ระบุว่า เป็นผลจากการตกลงให้คำประกาศความสัมพันธ์เมื่อสงครามยุติใครครอบครองตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น โดยเฉพาะพื้นที่ปราสาทตาเมือนและพื้นที่อื่นๆ เราก็ครอบครองไว้ได้หมด
ถามถึงกระแสข่าวปล่อยตัว 18 เฉลยศึกกัมพูชาในวันที่ 12 พ.ย.นี้ พล.ท.อดุลย์ระบุว่า จะมีการประเมินจากคณะผู้แทน AOT และสองรัฐบาล หากปฏิบัติตามกรอบที่วางไว้ ก็ไม่เหตุผลที่ต้องคุมตัวไว้ อีกทั้งข้อมูลที่ได้มีการหารืออยู่ในระดับรัฐบาล ไม่ใช่ระดับกองทัพ ส่วนกระแสข่าวที่ว่าเชลยศึกต้องการเข้ารับบริการทันตกรรมก่อนส่งตัวกลับนั้น มีการขอมากกว่านั้นอีก บางรายก็ไม่อยากกลับ เพราะอยู่ในไทยแล้วมีความสุข ก่อนการส่งตัวกลับจึงอยากให้สื่อได้ถามว่าอยู่ในไทยแล้วกลุ่มเชลยดังกล่าวสบายอย่างไร การปฏิบัติตามกฎบัตรสหประชาชาติหรือไม่
ด้าน พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างฐานที่มั่นกำบัง (หลุมบุคคลคู่) ภายใต้โครงการกองทุนหทัยทิพย์ ของมูลนิธิจุฬาภรณ์ ที่ฐานปฏิบัติการแดนไกล ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งปัจจุบันได้ก่อสร้างหลุมบุคคลคู่ 256 แห่ง และหลุมหลบภัยสำหรับประชาชน 7 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ จ.อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ, สุรินทร์ และบุรีรัมย์
ส่วนความคืบหน้าการสร้างรั้วชายแดน พื้นที่หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี (ฉก.นย.จันทบุรี) ในการกำกับดูแลของทางกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) นั้น การสำรวจและติดตั้งหลักเขตแดนชั่วคราวระหว่างหลักเขตที่ 52-59 ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ 1-2 เรียบร้อยแล้ว ในขั้นต่อไปจะดำเนินการขั้นที่ 3 คือการสำรวจแนวเขตและปักหลักเขตชั่วคราว โดยได้นัดกับฝ่ายกัมพูชามาดำเนินการในเร็ววันนี้
โดยขั้นที่ 1 รับรองกรอบอำนาจตามอนุสัญญาชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ชายแดนจังหวัดจันทบุรี-ตราด โดยต้องเห็นชอบยืนยันว่าพื้นที่หลักเขต 52-59 เป็นแนวเขตที่ตกลงร่วมแล้ว โดยทางคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) มีมติหรือออกหนังสืออนุมัติหลักการให้ก่อสร้างรั้วในแนวเส้นดังกล่าวได้ พร้อมแต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านเทคนิคเพื่อควบคุมงานในระดับปฏิบัติ
ขั้นที่ 2 ให้ทั้ง 2 ฝ่ายจัดทำข้อตกลงทางเทคนิคฉบับปรับแก้ โดยมีกรมแผนที่ทหาร พร้อมคณะสำรวจร่วมไทย-กัมพูชา โดยนำ TI ฉบับเดิม (ที่คณะสำรวจลงนามแล้ว) มาปรับข้อความให้ชัดเจนว่า การสำรวจและปักหลักชั่วคราวเป็นเพียงเพื่อวางแนวรั้วตามเส้นตรงระหว่างหลักเขตที่ตกลงแล้วเท่านั้น ขั้นที่ 3 เป็นการสำรวจแนวเขตและปักหลักเขตชั่วคราว โดยชุดสำรวจร่วมไทย-กัมพูชาใช้เครื่องมือรังวัดสัญญาณดาวเทียม GPS/GNSS เทคนิค RTK และ Total Station เพื่อยืนยันแนวเขตแดนที่เป็นเส้นตรง ระหว่างหลักเขตแดนที่ 52-59 พร้อมปักหมุดชั่วคราวทุกระยะ 50-100 เมตร เพื่อใช้เป็นแนวอ้างอิงแนวเขตแดน การบินถ่ายภาพทางอากาศด้วยอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบในการจัดทำแผนผัง พร้อมทั้งการจัดทำแผนผังสนาม ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลตำแหน่งหลักเขตแดนที่ 52-59 ตำแหน่งหมุดชั่วคราว และข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศ ตามมาตราส่วนที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกัน จากนั้นให้จัดทำรายงานผลการสำรวจและปักหมุดชั่วคราว ระหว่างหลักเขตแดนที่ 52-59 พร้อมทั้งแผนผังสนาม และบัญชีค่าพิกัดหมุดชั่วคราวระหว่างหลักเขต 52-59 จากนั้นให้จัดทำรายงานผลให้ OG JTSC และ JBC พิจารณาและรับรอง
ขั้นที่ 4 เป็นการจัดทำและลงนามบันทึกข้อตกลงการก่อสร้างรั้ว โดยมีหน่วยงานรับผิดชอบ อาทิ กระทรวงกลาโหม กองทัพเรือ เจบีซีร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ซึ่งก็ต้องนำข้อมูลที่ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบทั้งหมดจากขั้นตอนที่ 1-3 มาจัดทำร่างเอ็มโอยูกำหนดเพื่อป้องกันการลักลอบการตัดไม้ การลำเลียงผิดกฎหมาย ซึ่ง
รั้วควบคุมการผ่านแดน ไม่ใช่เส้นเขตแดนใหม่ และการบำรุงรักษารั้ว ต้องดูแลร่วมกัน โดยคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) และขั้นที่ 5 ดำเนินการก่อสร้างและตรวจรับร่วม ในพื้นที่ชายแดนจันทบุรี-ตราด หน่วยรับผิดชอบหลักกองทัพเรือ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


