ตีปี๊บปราบสแกมเมอร์ ลุยยึดทรัพย์‘ซี้ฮุนเซน’

"นายกฯ อนุทิน" นำ ตร.โชว์ปราบสแกมเมอร์ครั้งใหญ่ ตำรวจไซเบอร์ปูพรมตรวจค้น 36 จุด ปฏิบัติการยึดทรัพย์ "ลี ยงพัด” คนสนิทฮุน เซน พร้อมสมุนรวม 5 คน กว่า 400 ล้านบาท หลังศาลออกหมายจับข้อหาฟอกเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์ "รองโอ๋" โต้ “บิ๊กโจ๊ก” มั่วข้อมูล ยันไม่ได้อยู่ในชุด PCT4 ขณะจับ "สส.ชนนพัฒฐ์"

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.), พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท.,  พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1, พล.ต.ต.คมกฤช สุขไทย ผบก.สอท.3, พ.ต.อ.คัมภีร์ พรหมสนธิ รอง ผบก.สอท.3, พ.ต.อ. อภิรักษ์ จำปาศรี ผกก.1 บก.สอท.3, พ.ต.อ.อติชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3, พ.ต.ท.ณัฐพล รัตนมงคลศักดิ์ รอง ผกก.3 บก.สอท.3 สนธิกำลัง ตร.บก.สอท.1, 2, 3 และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ปิดล้อมตรวจค้น 36 จุด ในพื้นที่ กทม.และ จ.ตราด เพื่อตรวจค้นอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายนายพัด สุภาภา หรือนายลี ยงพัด สมาชิกวุฒิสภาและนักธุรกิจชาวกัมพูชาเชื้อสายจีนและไทยเกาะกง เจ้าของบริษัทแอลวายพีกรุ๊ป

โดยจุดที่น่าสนใจคือ การเข้าตรวจค้นอาคารห้องชุดจำนวน 2 ห้อง ย่านสุขุมวิท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่พบผู้อาศัย มีเพียงนิติบุคคลดูแลอาคารห้องชุดดังกล่าว จึงได้ทำการตรวจยึดเอกสารทรัพย์สินภายในห้อง นอกจากนี้ได้ตรวจยึดที่ดิน ต.วังกระแจะ อ.เมืองฯ จ.ตราด มูลค่า 5 ล้านบาท และเงินสดในบัญชีกว่า 88.2 ล้านบาท

สำหรับปฏิบัติงานครั้งนี้ เป็นผลมาจากการที่ตำรวจไซเบอร์ได้ทำการตรวจสอบกระทั่งพบว่า นายลี ยงพัด หรือนายพัด สุภาภา และพวก มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับสแกมเมอร์ โดยมีการแบ่งงานกันทำในลักษณะของการรับผลประโยชน์และการฟอกเงิน จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานทำการออกหมายจับผู้กระทำผิดในเครือข่ายนี้รวม 5 ราย ประกอบด้วย นายพัด สุภาภา อายุ 67 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ 6503/2568 ลงวันที่ 6 พ.ย.2568, นายโชคชัย สุภาภา อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิดกับนายพัด ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ 6540/2568 ลงวันที่ 6 พ.ย.2568 และชาวจีนอีก 3 ราย ในความผิดฐาน “สมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ให้มีการสมคบกัน และร่วมกันกันฟอกเงิน"

 วันเดียวกัน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เตรียมแถลงผลปฏิบัติการปราบปรามสแกมเมอร์ครั้งใหญ่ ในวันจันทร์ที่ 10 พ.ย.2568 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เป็นประธาน ซึ่งจะมีการรวบรวมผลการดำเนินการจากทุกหน่วยทั่วประเทศ เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เดินหน้าเชิงรุกปราบปรามสแกมเมอร์ทุกรูปแบบอย่างเต็มกำลังตามนโยบายรัฐบาล

พร้อมกันนี้ ตร.เดินหน้าปฏิบัติการ “MONEY CASH BACK” อย่างต่อเนื่อง สามารถหยุดยั้งการโอนเงิน ติดตามเงินของผู้เสียหายคืนได้อย่างรวดเร็ว โดยได้รับการประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพระหว่างศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ “ศูนย์ PCT” และศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์นานาชาติ (ศกค.) หรือ “WARROOM IAC” และสถาบันการเงิน โดยล่าสุด สภ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 1 สามารถนำเงินคืนผู้เสียหายได้รวมกว่า 1.2 ล้านบาท

ที่โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. ที่พักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล จากอาการผ่าตัดกระดูกทับเส้น ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวกรณี พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ระบุว่า ตนอยู่ในชุดปฏิบัติการตำรวจ PCT 4 (ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ) ที่มีการจับนายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา เเละ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ได้นำหลักฐานเกี่ยวกับตำรวจชุด PCT4 รับเงินเว็บพนันออนไลน์ยื่นต่อคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบนั้นว่า ที่ตนเงียบไม่ได้ให้สัมภาษณ์ไป เนื่องจากรักษาตัวที่โรงพยาบาล อะไรทนได้ก็ทน แต่ข้อมูลนี้เป็นเรื่องคดีสำคัญ ถ้าไม่พูดคนอาจจะเข้าใจภาพรวมเสียหายไป ซึ่งขณะเกิดเหตุจับกุมนายชนนพัฒฐ์ ตนดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจภูธรยะลา ยังไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในชุด PCT4 จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้นข้อมูลที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ออกมาพูดถือว่าคลาดเคลื่อนอย่างยิ่ง

ขณะที่ นายฉัตริน จันทร์หอม อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวว่า ปัจจุบันมีคนถูกหลอกรายวันเพิ่มขึ้น และสแกมเมอร์ที่เสนอเงิน 40 ล้านให้นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ยังไม่ถูกดำเนินคดีใดๆ ทั้งๆ ที่เกินเส้นตายมานานแล้ว อีกทั้งยังไม่มีการยึดทรัพย์และดำเนินคดีกับเครือข่ายสแกมเมอร์ ที่ทั้งสหรัฐอเมริกา อังกฤษ สิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวันหรือแม้แต่กัมพูชาเองดำเนินการไปแล้ว จนทำให้ไทยที่เคยเป็นพี่ใหญ่เรื่องนี้กลายเป็นตัวตลกในสายตาโลก และยังชักช้ากับการออกกฎหมายลูก และไม่บังคับใช้พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่รัฐบาลเพื่อไทยทำใส่พานไว้ให้แล้ว เพื่อที่จะนำเงินมาคืนผู้ที่เป็นเหยื่อสแกมเมอร์ ดังนั้นรัฐบาลอย่าเพิ่งรีบอวดผลงาน เพราะยังมีผู้เสียหายอยู่ทุกวัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.