"นิด้าโพล" เช็กกระแสคนภาคเหนือ หนุน "เท้ง" นั่งนายกฯ นำห่าง "อนุทิน" ด้าน "ศิริกัญญา" ใจชื้นหลังคะแนนนิยม "ณัฐพงษ์" นำ อุบ "แคนดิเดตนายกฯ" เบอร์ 2-3 รับยังไม่เห็นรัฐบาลทำผิดร้ายแรงจนต้องยื่นซักฟอก หลังสื่อจี้ "สแกมเมอร์" ยังไม่ร้ายแรงหรือ ขณะที่ "ลิณธิภรณ์" ถามกลับต้องรอให้เกิดวิกฤตก่อนแล้วค่อยตรวจสอบหรือ แทนที่จะเลือกตัดไฟแต่ต้นลม "วรชัย" ย้อน "ปชน." มีเทาได้เพราะ "มีส้ม" จี้สอบกระแสข่าวระดมทุน 2 พันล้านล้มรัฐบาลก่อน "ธรรมนัส" ย้ำไม่ลาออก ลั่นยังเดินหน้า
เมื่อวันอาทิตย์ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจเรื่อง “กระแสการเมือง ภาคเหนือ” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม-4 พฤศจิกายน 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในภาคเหนือ (จำนวน 17 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน เชียงราย น่าน พะเยา แพร่ ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร นครสวรรค์ พิจิตร และอุทัยธานี) จำนวน 2,000 หน่วยตัวอย่าง
เมื่อถามถึงบุคคลที่คนเหนือจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 36.60 ระบุว่ายังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้, อันดับ 2 ร้อยละ 21.50 ระบุว่าเป็นนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (พรรคประชาชน), อันดับ 3 ร้อยละ 13.90 ระบุว่าเป็นนายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย), อันดับ 4 ร้อยละ 5.90 ระบุว่าเป็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์), อันดับ 5 ร้อยละ 4.15 ระบุว่าเป็นคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย), อันดับ 6 ร้อยละ 3.25 ระบุว่าเป็นนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ (พรรคเพื่อไทย), อันดับ 7 ร้อยละ 2.50 ระบุว่าเป็นพลเอกรังษี กิติญาณทรัพย์ (พรรคเศรษฐกิจ), อันดับ 8 ร้อยละ 1.95 ระบุว่าเป็นนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว (พรรคเพื่อไทย), อันดับ 9 ร้อยละ 1.85 ระบุว่าเป็นนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (พรรครวมไทยสร้างชาติ) และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในสัดส่วนที่เท่ากัน
อันดับ 10 ร้อยละ 1.70 ระบุว่าเป็นนายจาตุรนต์ ฉายแสง (พรรคเพื่อไทย), อันดับ 11 ร้อยละ 1.25 ระบุว่าเป็นนายชัยเกษม นิติสิริ (พรรคเพื่อไทย), อันดับ 12 ร้อยละ 1.00 ระบุว่าเป็น ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ (พรรคไทยก้าวใหม่) และร้อยละ 2.40 ระบุอื่นๆ
เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่คนเหนือจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 28.40 ระบุว่ายังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้, อันดับ 2 ร้อยละ 28.10 ระบุว่าเป็นพรรคประชาชน, อันดับ 3 ร้อยละ 16.60 ระบุว่าเป็นพรรคเพื่อไทย, อันดับ 4 ร้อยละ 10.40 ระบุว่าเป็นพรรคภูมิใจไทย, อันดับ 5 ร้อยละ 5.15 ระบุว่าเป็นพรรคประชาธิปัตย์, อันดับ 6 ร้อยละ 3.25 ระบุว่าเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ, อันดับ 7 ร้อยละ 2.90 ระบุว่าเป็นพรรคไทยสร้างไทย, อันดับ 8 ร้อยละ 2.00 ระบุว่าเป็นพรรคเศรษฐกิจ, อันดับ 9 ร้อยละ 1.15 ระบุว่าเป็นพรรคพลังประชารัฐ และร้อยละ 1.85 ระบุอื่นๆ
“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ความพร้อมของพรรคการเมืองกับการเลือกตั้ง” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,174 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 4-7 พ.ย. 2568 พบว่า กลุ่มตัวอย่างค่อนข้างพร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปี 2569 ร้อยละ 56.81 โดยมองว่าการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมีขึ้นอาจจะเกิดความขัดแย้งหรือการเมืองซ้ำรอยเดิม ร้อยละ 53.15, อยากให้กติกาและระบบเลือกตั้งยุติธรรม ร้อยละ 43.44
ทั้งนี้ อยากเห็นพรรคการเมืองเตรียมทีมงานมืออาชีพพร้อมทำงานจริงหลังการเลือกตั้ง ร้อยละ 56.39, เตรียมนโยบายที่ชัดเจน เน้นแก้ปัญหาประชาชนได้จริง ร้อยละ 50.43
พรรคการเมืองที่มองว่ามีความพร้อมรับศึกเลือกตั้งมากที่สุดคือ พรรคประชาชน ร้อยละ 18.99 รองลงมาคือ ภูมิใจไทย ร้อยละ 16.87, เพื่อไทย ร้อยละ 15.25
ปชน.ไม่พบรบ.ผิดร้ายแรง
ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนิด้าโพลเปิดเผยผลสำรวจกระแสการเมืองภาคเหนือ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้า ปชน. นำนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ว่า จากผลสำรวจก็ใจชื้นขึ้นมา เพราะแม้ว่าคะแนนสูงสุดจะยังไม่ตัดสินใจเลือกใคร แต่ทั้ง ปชน.และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ ปชน.ยังนำเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งคงต้องเก็บเป็นข้อมูลเพื่อนำไปวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ในการเลือกตั้งต่อไป ว่าจะทำอย่างไรกับภาคอื่นๆ และขอบคุณทุกคะแนนที่ให้ความเห็นมา
เมื่อถามว่า ช่วงนี้โจมตีพรรคกล้าธรรม (กธ.) เป็นพิเศษ เป็นยุทธศาสตร์ในการวางเพื่อหาเสียงหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ต้องแยกกัน การที่ ปชน.พุ่งเป้าไปที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นเรื่องการตรวจสอบรัฐบาล ยังไม่ได้เริ่มเป็นยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง ฐานเสียงที่จะเลือก กธ.หรือ ปชน.อาจไม่ได้ทับซ้อนกันขนาดนั้น เป็นกระบวนการตรวจสอบตามปกติที่ฝ่ายค้านพึงกระทำ ไม่ได้มีการพุ่งเป้าเป็นพิเศษ แต่ช่วงนี้โจทย์ใหญ่ของประเทศคือเรื่องการปราบปรามสแกมเมอร์ ดังนั้นรัฐมนตรีที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันก็จะได้รับความสนใจเป็นพิเศษจาก ปชน. ไม่ได้มีเจตนาที่จะเป็นเรื่องเกมการเมืองเพื่อการเลือกตั้งเลย
ส่วนกรณีที่มีการไปยื่นยุบ ปชน.จากกรณีคุณสมบัติผู้ช่วย สส. ถือว่าเป็นหมัดสวนจาก กธ.หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ถ้าฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล รัฐบาลก็มีสิทธิ์ที่จะตรวจสอบฝ่ายค้านด้วยเช่นเดียวกัน ไม่ได้มีความกังวลอะไร เรื่องข้อมูลข้อเท็จจริง เราสามารถชี้แจงได้ แต่ถ้าจะมองเป็นเกมการเมือง ก็อาจจะมองได้เช่นเดียวกัน เพราะพุ่งไปที่การยุบพรรคการเมือง ต้องทำให้ข้อเท็จจริงเป็นที่กระจ่าง เดี๋ยวสังคมก็คงเข้าใจว่าไม่ได้มีอะไรที่นำไปสู่การยุบพรรคได้เลย ต้องให้กระบวนการที่เป็นธรรมในการพิสูจน์ข้อมูลข้อเท็จจริงเหล่านี้
รองหัวหน้า ปชน.กล่าวถึงกรณียุทธศาสตร์การหาเสียงของพรรคว่า ปชน.จะมีการเปิดตัวฝ่ายบริหารในคณะรัฐมนตรีตำแหน่งสำคัญสำคัญหรือทีมบริหาร เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าหากเลือก ปชน.แล้วจะได้ใครมาบริหารประเทศอย่างชัดเจน รวมถึงเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการทาบทามเดินหน้าอย่างเต็มที่ และมีการตอบรับมาหลายคนแล้ว จะต้องมีนายณัฐพงษ์ หัวหน้าปชน.เป็นเบอร์หนึ่ง แต่เพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางการเมืองที่เกิดขึ้น เบอร์สองและเบอร์สามอาจจะยังไม่ได้รีบร้อนในการตัดสินใจ นอกจากนี้มีบุคคลที่จะมาลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แล้ว รอเปิดตัวสิ้นเดือนนี้
น.ส.ศิริกัญญาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการยื่นอภิปรายไว้วางใจว่า ในกระบวนการตรวจสอบรัฐบาลสามารถทำได้หลายทาง ทุกวันนี้เราก็ทำหน้าที่ในการตรวจสอบทุกวัน โดยไม่ต้องรอให้มีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะใช้ในการกำกับพรรค ภท.ให้ปฏิบัติตาม MOA แต่ไม่ปฏิเสธว่าถ้ามีเรื่องร้ายแรงที่เราไม่สามารถให้รัฐบาลของ ภท.ซึ่งเป็นแกนนำบริหารประเทศต่อไปได้อีกแม้แต่วันเดียว เราไม่ลังเลใจที่จะยื่นแน่นอน แม้จะเท่ากับว่า MOA จะสูญเปล่า
"แต่จนถึงทุกวันนี้เรายังไม่พบข้อมูลที่คิดว่าร้ายแรงสุดๆ จริงๆ ที่เราอยากกระทุ้งให้รัฐบาลแก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือทำอะไรบางอย่าง เราได้พยายามผลักดันในทุกวิถีทางด้วยกลไกที่เรามีอยู่แล้ว ถ้าจะมีพรรคฝ่ายค้านที่มีเสียงร่วมกันเกิน 1 ใน 5 ของสมาชิกสภา ไปยื่นเราคงห้ามไม่ได้ เป็นสิทธิ์ของเขา"
เมื่อถามว่า เรื่องทุนเทาที่มีการเปิดประเด็นออกมายังไม่ร้ายแรงอีกใช่หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ต้องรอ Reaction ว่ารัฐบาลจะมีการปฏิบัติอย่างไรในเรื่องนี้ ซึ่งเรายังให้เวลาว่าจะแก้ไขอย่างไรต่อไป จะมีการปลดหรือเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันหรือไม่ หรือมีข้อมูลข้อเท็จจริงอะไรที่นำมาใช้เป็นเบาะแสในการแก้ไขปัญหาคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ เราก็ยินดีรอว่ามีการกระทำอะไรเกิดขึ้น ในส่วนอื่นๆ เราคิดว่า Action ของรัฐบาล ก็เป็นไปตามแนวทางที่ ปชน.ได้นำเสนอต่อประชาชน แม้จะช้าไปหน่อย ต้องกระทุ้งรัฐบาลต่อไป ให้แก้ไขปัญหาเรื่องนี้ให้กระจ่างแจ้ง คงต้องให้เวลากับรัฐบาลในเรื่องนี้
พท.โต้ปชน.รอให้วิกฤตก่อนหรือ
ด้าน น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ อดีต รมช.ศึกษาธิการ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์ข้อความผ่าน X ตอบโต้ น.ส.ศิริกัญญา ที่บอกว่า “รัฐบาลยังไม่ถึงขั้นผิดร้ายแรง” อาจเป็นคำที่สะท้อนว่า ปชน.กำลังรอให้วิกฤตเกิดก่อน แล้วค่อยตรวจสอบ แต่ฝ่ายค้านควรทำหน้าที่ “ดับไฟตั้งแต่ต้นลม” ไม่ใช่รอให้ลุกไหม้ทั้งบ้าน การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน เป็นกลไกตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญที่มีอยู่แล้ว พท.ในฐานะฝ่ายค้าน มีสิทธิและหน้าที่เต็มที่ในการใช้ช่องทางนี้ เพื่อปกป้องประโยชน์ของประชาชนและความโปร่งใสในการบริหารราชการแผ่นดิน การเข้าชื่อ 1 ใน 5 ของ สส.เพื่อยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจจึงเป็นสิ่งที่ชอบธรรมอย่างยิ่ง
"ขอขอบคุณแกนนำ ปชน.ที่แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าอาจเลือกใช้กระบวนการตรวจสอบในรูปแบบอื่น ซึ่งเป็นสิทธิของแต่ละพรรคในฐานะฝ่ายค้านเช่นกัน เมื่อ สส.ปชน.หลายท่าน ทั้งนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. ออกมาเรียกร้องผ่านสื่อให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาบางประเด็น แล้วเหตุใดจึงไม่ใช้กลไกอภิปรายไม่ไว้วางใจภายในสภา ซึ่งเป็นช่องทางที่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง และสามารถเปิดเผยข้อมูลหลักฐานได้เต็มที่ เพื่อให้ประชาชนเห็นข้อเท็จจริงอย่างโปร่งใสและเป็นระบบ มากกว่าการตั้งคำถามภายนอก"
น.ส.ลิณธิภรณ์ระบุว่า หาก ปชน.กังวลว่าการยื่นอภิปรายจะกระทบต่อกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พท.พร้อมพูดคุย และหาทางออกร่วมกัน เพราะจุดยืนของเราชัดเจนว่า “การตรวจสอบรัฐบาล” กับ “การผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ” ไม่จำเป็นต้องขัดแย้งกัน สิ่งสำคัญคือฝ่ายค้านต้องทำหน้าที่ตรวจสอบโดยไม่ปล่อยให้ปัญหาบานปลาย เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ได้หมายถึงการล้มรัฐบาลเสมอไป แต่คือการทำให้รัฐบาลต้องตอบคำถามต่อสาธารณะ และปรับปรุงการบริหารงานให้ดีขึ้น
นายวรชัย เหมะ อดีต สส.สมุทรปราการ พท. กล่าวถึงกรณี ปชน.ออกสโลแกน "มีเรา ไม่มีเทา" ว่า ขณะนี้ประชาชนกำลังร้องยี้กับสแกมเมอร์ที่มีข่าวพัวพันมาถึงนักการเมือง การที่ ปชน.ออกสโลแกนเช่นนี้ เป็นวาทกรรมเพื่อดึงคะแนนผู้สนับสนุนนำไปสู่การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในไม่กี่เดือนข้างหน้า ใช้สถานการณ์เหมือนกับการเลือกตั้งที่ผ่านมาที่ใช้วาทกรรมว่า "มีเรา ไม่มีลุง" วันนี้ปัญหาสแกมเมอร์เป็นปัญหาใหญ่ระดับโลก และเกี่ยวพันถึงประเทศไทย มีข่าวลุกลามไปถึงนักการเมือง ฉะนั้น ปชน.จึงหยิบฉวยโอกาส เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้ว และ ปชน.ก็เคยหยิบมาอภิปราย จึงรู้ดีว่าใครเป็นอย่างไร ใครคือเทาที่ว่า
"ย้อนกลับไปไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เราเห็นการลงนามเอ็มโอเอของส้มและน้ำเงิน ส้มรู้ดีใครจะมาร่วมรัฐบาล มีเทาหรือไม่มีเทา ถ้าบอกว่า มีเทา ไม่มีเรา หากคนในรัฐบาลมีเทาอยู่ ทั้งที่ส้มก็รู้อยู่แก่ใจ แล้วผลักดันให้ได้เป็นรัฐบาล แบบนี้ผมขอเรียกว่า วันนี้มีเทาได้เพราะมีส้ม และคงจำกันได้ก่อนล้มรัฐบาลพรรคเพื่อไทย สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาก็ออกมาพูดว่าจะล้มรัฐบาล และคนออกมาปล่อยข่าวว่ามีการระดมทุนถึง 2 พันล้านบาทเพื่อล้มรัฐบาล และตั้งรัฐบาลใหม่ ที่บอกว่า มีเรา ไม่มีเทา ก็อยากให้ส้มไปตรวจสอบตรงนี้ด้วยว่าเงิน 2 พันล้านนั้นไปอยู่ที่ไหน ให้ใครเพื่อใช้ทำอะไร ถ้าอ้างตัวว่ามีเราไม่มีเทา ก็ควรเอาเรื่องนี้มาบอกให้ประชาชนรับทราบด้วย" นายวรชัยกล่าว
นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ไม่ขอเชื่อรัฐบาลอีกแล้ว เรื่องที่พูด รัฐบาลโฆษณามานานแล้วว่า "พูดแล้วทำ" แต่ที่ผ่านมาหนึ่งเดือน ผมกลับเห็นแต่ "ดีแต่พูดและไม่ค่อยทำ" เสียมากกว่า
'ธรรมนัส'ไม่ออก เดินหน้าต่อ
ที่ จ.พัทลุง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษา กธ. พร้อมด้วยนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ หัวหน้าพรรค กธ. และนายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพัทลุง ต.ควนมะพร้าว อ.เมืองพัทลุง จ.พัทลุง โดยมีนางสุพัชรี ธรรมเพชร สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และนายนิติศักดิ์ ธรรมเพชร สส.พัทลุง พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ลูกชายนายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายก อบจ.พัทลุง ให้การต้อนรับ
ร.อ.ธรรมนัสกล่าวช่วงหนึ่งว่า ข่าวลือสารพัด ข่าวจริง ไม่จริง บอกว่าผมได้ยื่นใบลาออกจากการเป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ไปแล้ว อันนี้ผมก็โต้ตอบไปแล้วว่า ไม่ว่างปั่น เพราะฉันทำงานอยู่ ผมจะเดินหน้า ทุกวันนี้ต้องการพิสูจน์ให้คนไทยทั้งแผ่นดินเห็นว่า การมีรัฐมนตรีอย่างผม มีเครือข่ายผมเป็น สส. การมีนักการเมืองที่มีใจให้กับประชาชน นั่นคือคำตอบว่า คนเขารักคนอย่างนี้ ไม่ใช่วันๆ เอาแต่ก้มหน้า แต่ไม่ได้ก้มหน้าทำงาน ก้มหน้าหาข้อมูลโจมตีเรื่องโน้น เรื่องนี้ จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง
"ที่จังหวัดพัทลุง เขต 1 ที่ท่านได้ ดร.สุพัชรี ธรรมเพชร หรือ ดร.แหม่ม เป็น สส.ของพวกท่าน ในอนาคตนักการเมืองอย่างแหม่มทำไมจะเป็นรัฐมนตรีไม่ได้ เวลาผมพูดอะไร ส่วนใหญ่วาจาจะศักดิ์สิทธิ์ ลองหลับตาดูว่าพัทลุงที่เจริญอยู่แล้ว หากมี สส.พัทลุงเข้าไปเป็นเสนาบดี เราต้องสนับสนุนคนอย่างนี้ให้เป็นผู้แทนฯ และให้เป็นผู้บริหารของบ้านของเมือง บ้านเมืองถึงจะเจริญ แม้ สส.แหม่มจะเป็น สส.เขต 1 แต่เขตอื่นๆ เราก็จะดูแลกันทั่วหน้า เราจะเรียกความยิ่งใหญ่ของตระกูลธรรมเพชรกลับมาอีกครั้ง” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายพงศกร ขวัญเมือง โฆษกพรรค แถลงเปิดตัวแคมเปญใหม่ “สส.ที่ดี…คุณเองก็เป็นได้นะ” เพื่อเปิดพื้นที่ให้ประชาชนที่มีอุดมการณ์และความตั้งใจอยากทำเพื่อสังคม ได้ก้าวเข้าสู่สนามการเมืองอย่างโปร่งใสและสร้างสรรค์ แคมเปญนี้มุ่งสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่และคนทุกกลุ่ม เชื่อมั่นว่าการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน ไม่ใช่เพียงคนในระบบเดิม แคมเปญนี้เปิดรับคนที่สนใจอยากร่วมเป็นผู้แทนราษฎรในนามพรรคประชาธิปัตย์ โดยพรรคย้ำหลักสำคัญในการทำงานการเมืองแบบซื่อสัตย์ โปร่งใส และเคียงข้างประชาชน เพื่อสร้างคน และคนสร้างพรรค และพรรคสร้างประเทศที่ดี พรรคประชาธิปัตย์เชิญชวนผู้ที่สนใจสมัครร่วมคัดเลือกผ่านช่องทางต่างๆ ของพรรค สมัครได้แล้ววันนี้ ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 ได้ที่ https://www.democrat.or.th/news/1835636
รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าววิเคราะห์สถานการณ์การเมือง หากไทม์ไลน์การเลือกตั้งยังเหมือนเดิมคือยุบสภา 31 ม.ค.2569 และเลือกตั้ง 29 มี.ค.2569 ว่า หากดูจากตอนนี้ ประเมินว่า พรรคภูมิใจไทยจะได้ สส.เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และจะแซงพรรคประชาชน ภูมิใจไทยอาจจะไปที่ 140-150 เสียง ส่วนพรรคประชาชนอาจจะเหลือสักประมาณ 120 ที่นั่ง ส่วนพรรคเพื่อไทยก็จะเป็นพรรคอันดับสาม จะได้ สส.ต่ำกว่า 100 ที่นั่ง คือประมาณ 80-90 เสียง ส่วนพรรคกล้าธรรมจะได้ประมาณสัก 50-60 ที่นั่ง ส่วนอันดับห้า ก็ต้องดูว่าจะเหลือเป็นพรรคการเมืองใด ก็อาจเป็นพรรคประชาธิปัตย์ น่าจะประมาณ 20 เสียง
นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฯ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการพิจารณาร่าง รธน.ว่า ขณะนี้มีการพิจารณามาแล้ว 8 ครั้ง แต่เมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา เราจะมีการลงมติว่าจะใช้รูปแบบกลไกในการยกร่างรัฐธรรมนูญในลักษณะอย่างไร แต่ปรากฏว่าองค์ประชุมไม่ครบ ซึ่งมาจากหลายปัจจัย มั่นใจว่าวันที่ 12 พ.ย. ประเด็นเรื่องการตัดสินใจว่าจะเลือกรูปแบบ กมธ.ยกร่างหรือผู้พิจารณาในการจัดทำรัฐธรรมนูญรูปแบบใด จะเป็นประเด็นแรกที่มีการพูดคุยกัน และหากผ่านประเด็นนี้ไปได้ การเดินหน้าของ กมธ.จะเป็นไปตามกรอบเดิมที่วางไว้ แต่อาจจะต้องมีการขยับระยะเวลาการพิจารณาแล้วเสร็จออกไปเล็กน้อย แต่จะแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย.อย่างแน่นอน
"มั่นใจว่า วันที่ 12 พ.ย.นี้ ไม่มีองค์ประชุมล่มอีก เชื่อมั่นว่า กมธ.จะมาประชุมกันครบ แม้ กมธ.จะมาไม่ครบ แต่เชื่อมั่นว่าองค์ประชุมจะมีครบถ้วนพอที่จะพิจารณาประเด็นนี้ต่อไปได้ รวมถึงได้ฉันทามติในข้อสรุปอื่นๆ ต่อไป" นายณัฐวุฒิกล่าว และว่า ส่วนการเปิดประชุมสมัยวิสามัญนั้น กมธ.คงไม่สามารถเป็นผู้กำหนดได้ เป็นในส่วนของรัฐบาลหรือสภา แต่ในส่วนของ กมธ. เราจะทำงานให้แล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย.นี้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


