"พรรคส้ม" เสียรังวัด! ปัดชิ่งเปิดศึกอภิปราย "ไอติม" ร่ายยาวกางเงื่อนไขหลัก 3 ข้อ ยันไม่ได้ตีเช็คเปล่าปล่อยฟรีรัฐบาลอนุทิน งัดแก้ รธน.ตัวประกันก่อนยุบสภา ขณะที่ "เพื่อไทย" คว้าหมับขยี้ ปชน. บอกพร้อมคุยหัวหน้าเท้ง ฝากตัวตึงในพรรคคุยกันให้จบก่อน "หนิม" ง้างดาบยื่นอภิปราย "เทพไท" ชำแหละเกมวัดใจส้มบีบทิ้งเงื่อนไขแก้รธน.ในมือ
เมื่อวันจันทร์ ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีจุดยืนของพรรค กรณีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ในฐานะพรรคแกนนำฝ่ายค้าน เราพร้อมใช้ทุกกลไกของสภาในการตรวจสอบรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล รวมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย โดยมีเงื่อนไขชัดเจนใน 3 ข้อขั้นต่ำที่จะใช้ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือ 1.ถ้ารัฐบาลนี้อยู่เกินวันที่ 31 ม.ค. 2569 คือมีวันที่ 121 ก็แสดงว่าอยู่เกิน 4 เดือน ตามข้อตกลงใน MOA ซึ่งถ้าไม่มีการยุบสภาเราจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที
2.หากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 เพื่อปลดล็อกการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่สำเร็จในชั้นของสภาในสิ้นปีนี้ เราก็จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเช่นกัน เพราะถ้าจะให้เสร็จในวาระ 3 ต้องมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาวาระ 2 เป็นขั้นต่ำ เพราะถ้าไปรอให้เปิดสมัยสามัญในวันที่ 12 ธ.ค.แล้วค่อยมาพิจารณาวาระ 2 และต้องรอ 15 วันถึงจะพิจารณาวาระ 3 ได้ก็ไม่ทันสิ้นปี ดังนั้นการที่รัฐบาลตัดสินใจเปิดหรือไม่เปิดสมัยวิสามัญ ก็บ่งบอกได้แล้วว่ารัฐบาลจริงใจเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญแค่ไหน ดังนั้นหากไม่จริงใจเราก็พร้อมใช้กลไกอภิปรายไม่ไว้วางใจ
“และ 3.ขอย้ำ 2 เงื่อนไขเบื้องต้น ไม่ได้เป็นการตีเช็คเปล่าให้รัฐบาลบริหารประเทศได้ตามอำเภอใจ เพราะหากมีการดำเนินนโยบายหรือทำอะไรที่สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อประชาชน สะท้อนให้เห็นถึงความไม่โปร่งใส หรือมีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เราก็อาจจะยื่นอภิปรายได้อย่างเร็วที่สุดในเชิงธุรการต้องรอเปิดสมัยประชุมในวันที่ 12 ธ.ค. ช่วงนี้เป็นช่วงเก็บข้อมูล” นายพริษฐ์ระบุ
เมื่อถามว่า หากยื่นอภิปรายไปแล้วต้องใช้เวลาคุยเรื่องวันอภิปราย 1 เดือน ซึ่งจะชนกับวันครบกำหนด MOA พอดี คือสิ้นเดือน ม.ค.จะทำอย่างไร นายพริษฐ์กล่าวว่า กระบวนการเมื่อยื่นไปแล้ว กรอบเวลาจะเป็นอย่างไรคงต้องหารือกัน พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านมี สส.เกิน 100 คน เขาก็มีสิทธิ์ยื่นได้ด้วยตัวเอง
เมื่อถามว่า พรรค ปชน.เห็นว่าการแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญกว่าสแกมเมอร์หรือไม่ เพราะพอเป็นเรื่องนี้จะยื่นอภิปรายทันที นายพริษฐ์กล่าวว่า เราให้น้ำหนักทั้งคู่ แต่เมื่อต้องใช้อย่างน้อย 2 เดือนข้างหน้า เพื่อให้ MOA เป็นจริง เรามองว่าถ้า 2 เดือนข้างหน้าต้องแลกมากับความเสียหายอย่างหนักต่อประชาชนในมิติอื่นๆ เราต้องพิจารณาด้วยเช่นกัน
เมื่อถามว่า คนที่โดนวิจารณ์มากที่สุดคือ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค ปชน. เพราะระบุว่ายังไม่เห็นความผิดที่ร้ายแรง นายพริษฐ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรค ปชน.ก็พยายามตรวจสอบ และชี้ให้เห็นว่ามีข้อกังขาอะไรบ้าง เมื่อสภากลับมาเปิดอีกครั้งในวันที่ 12 ธ.ค. เราจะมีข้อมูลเพิ่มเติมว่ารัฐบาลเอาจริงเอาจังและตอบข้อครหาของสังคมได้มากแค่ไหน รวมถึงผลประโยชน์ทับซ้อนและการเปิดสมัยวิสามัญหรือไม่ ซึ่ง 2 ข้อมูลนี้จะนำมาประกอบการตัดสินใจของพรรค
ไร้ธงแก้ รธน.
นายพริษฐ์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณารัฐธรรมนูญ (แก้ไขเพิ่มเติม) รัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการประชุม กมธ.ที่สะดุด ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าพยายามควบคุมให้เป็นไปตามโมเดลที่เสนอว่า ไม่ได้เป็นธงแบบนั้น แต่แน่นอนว่าแต่ละฝ่ายมีความเห็นว่าข้อดีของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอเป็นอย่างไร ยิ่งพอรัฐสภามีมติให้ร่างของพรรคประชาชนเป็นร่างหลัก ทำให้ยิ่งต้องมีหน้าที่อธิบาย หลักการและเหตุผลให้ กมธ.เห็นคล้อยตาม
เมื่อถามว่า เหตุผลที่ทำให้การประชุม กมธ.ครั้งที่ผ่านมาลงมติไม่ได้ เพราะแต่ละฝ่ายยืนยันความเห็นคนละฝั่งหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า ไม่มีเรื่องอะไรที่ลงมติไม่ได้ เชื่อว่าในการประชุมวันที่ 12 พ.ย.นี้ ประเด็นที่เห็นต่างกันจะหาข้อสรุปได้ในทางใดทางหนึ่ง
เมื่อถามย้ำว่า จะมีทางสายกลางที่ไม่มีการถือธงนำเฉพาะของพรรค ปชน.หรือฝั่งใดฝั่งหนึ่งอย่างเดียวหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า กมธ.คาดหวังว่าเมื่อร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รับมา ทั้งของพรรค ปชน.และพรรคภูมิใจไทย แต่พรรคเพื่อไทยมีสิทธิ์เสนอเช่นกัน ดังนั้นต้องเอาโมเดลมาผสมในสิ่งที่รับได้ในเชิงหลักการ และผ่านความเห็นชอบของประชาชน
หนิมจ่อคุยเท้ง
ที่พารากอน ซีนีเพล็กซ์ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้มีการพูดคุยกับพรรค ปชน.แล้วหรือไม่ว่า มีการนัดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการกับนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้า ปชน. ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน จะไปนั่งคุยกันเร็วๆ นี้แต่ขอไม่บอกวันกับสื่อมวลชน ซึ่งคงจะคุยกันหลายเรื่อง ทั้งการแก้ไขกรอบรัฐธรรมนูญ รวมถึงการยื่นญัตติต่างๆ ที่จะต้องมาคุยกันว่างานสภาจะร่วมมือกันได้อย่างไร
นายจุลพันธ์กล่าวว่า ส่วนที่ น.ส.ศิริกัญญาพูดก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะสัญญาณความใกล้กันของพรรค ปชน.กับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ก็มีมาสักพักแล้ว ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไรนัก เพียงแต่เป็นห่วงเนื่องจากจริงๆ แล้วกระบวนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากมีอะไรที่เกิดข้อสงสัยว่าจะเกิดความเสียหายกับประเทศ กระบวนการในการตรวจสอบของฝ่ายค้านอย่างตนเองคงอยู่ไม่ได้ พวกตนมีเสียงเกินกว่า 100 เสียงอยู่แล้ว ประเด็นนี้คงพิจารณากันภายในพรรคก่อน แต่หากจะมีการยื่นจริงๆ ก็ต้องหารือร่วมกันว่าพรรค ปชน.คิดเห็นอย่างไร
“เพราะที่ฟังมาก็เป็นเพียงแค่ความเห็นของ น.ส.ศิริกัญญาคนเดียว ไม่ได้หมายรวมถึงผู้นำฝ่ายค้านด้วย ต้องฟังความเห็นให้รอบด้านว่าทุกคนคิดเห็นตรงกันหรือไม่ เพราะจากข่าวก็ยังมีความไม่ชัดเจน น.ส.ศิริกัญญาบอกว่าไม่มีความเสียหาย ในขณะที่นายรังสิมันต์ โรม และ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.พรรค ปชน. ตรวจสอบเรื่องสแกมเมอร์บอกว่ามีความเสียหายเยอะแล้ว เช่นเดียวกับนายพริษฐ์ก็บอกว่าจะยื่นหากไม่มีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ ดังนั้นตรงนี้อยากให้พรรค ปชน.ไปทำให้เกิดความชัดเจน ลองคุยกันก่อนแล้วนำมาหารือกับผมในวันที่พบกัน จะได้รู้ทิศทางว่าพรรคปชน.คิดอย่างไร” นายจุลพันธ์ระบุ
พท.ง้างดาบ
นายจุลพันธ์กล่าวต่อว่า เรื่องความเสียหายเช่นเรื่องปัญหาการฮั้ว สว. เรื่องเขากระโดง จะบอกว่าไม่เกิดความเสียหายกับประเทศก็ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับพรรค ปชน.เชื่อหรือไม่ ว่ามีความผิดปกติในกระบวนการคัดเลือก สว. หรือความผิดปกติในการถือครองพื้นที่เขากระโดง ต้องไปพิจารณา
เมื่อถามว่า หากสองพรรคเห็นต่างกัน พท.จะยื่นด้วยตัวเองหรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า ถูกต้อง เราไม่ได้ยืนอยู่ภายใต้ข้อจำกัด เราเป็นพรรคฝ่ายค้าน ไม่ได้อยู่ร่วมในกระบวนการทำ MOA จึงไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของการเลือกนายกฯ หรือ MOA ใดๆ การตัดสินใจของเราเป็นอิสระ ต้องดูประโยชน์สูงสุด ดูความพร้อมของข้อมูลที่มี และความเสียหายที่เกิดกับประเทศว่าจะดำเนินการอย่างไร
เมื่อถามว่า ต้องรอให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านวาระ 3 ก่อนยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นปัจจัยที่พรรคคำนึงถึง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องรอหรือไม่ เพราะกรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญในสัดส่วน พท.ก็มีการพูดคุยว่าอยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และต้องดูความจริงใจของรัฐบาลและสมาชิกวุฒิสภาเสียงส่วนใหญ่ ว่ามีความตั้งใจในการแก้ไขจริงหรือไม่
“ผมเคยให้สัมภาษณ์แล้วว่า ส่วนตัวไม่เชื่อว่าเขามีความตั้งใจในการแก้ ซึ่งกระบวนการในชั้นกรรมาธิการก็ล่าช้า สิ่งที่เราเรียกร้องคือขอให้มีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ ตั้งแต่วันที่ 19-20 พ.ย. ซึ่งก็มีทีท่าว่าจะไม่ได้รับการสนอง จะไปเปิดในวันที่ 8-10 ธ.ค. ซึ่งจะทำให้ล่าช้าออกไป เพราะต้องเพิ่มอีก 15 วันถึงจะลงมติในวาระ 2 ได้ และปลายเดือน ธ.ค.ถึงจะลงมติในวาระ 3 ได้ ซึ่งวันที่ลงมติจะเป็นวันที่ชัดที่สุดว่าสุดท้าย สว.และ สส.ฝ่ายรัฐบาลเห็นชอบกับการแก้ไขหรือไม่” นายจุลพันธ์ระบุ
นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะ กมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีนายจุลพันธ์ระบุว่าบรรยากาศ กมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปอย่างช้าๆ และโอกาสที่จะผ่านวาระ 3 มีน้อยมากว่า นั่นคือเป้าหมายของ พท.หรือไม่ที่จะให้ไม่ผ่าน อยากให้ไปดูบันทึกรายงานการประชุม คนที่ถกเถียงและพูดเยอะสุดคือพรรคอะไร จริงๆ เรื่องมันจบตั้งแต่ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว สัปดาห์แรกผ่านไปด้วยดี พอสัปดาห์ที่ 2 มีความพยายามบางอย่าง หากไปดูบันทึกการประชุมก็จะทราบใครที่พยายามจะเตะถ่วงหรือไม่ ซึ่งผมไม่แน่ใจ
“ในส่วนของ ภท.ไม่มีใครขวางและถ่วงการแก้รัฐธรรมนูญ พวกผมมีแต่ผลักดัน และเสนอจะให้แก้รัฐธรรมนูญต้องมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ ส่วนที่พูดอยากให้เปิดเดือน พ.ย. ยอมรับว่ากรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญทำไม่ทัน และผมก็ไล่ไทม์ไลน์ หากจะเปิดสมัยวิสามัญเพื่อให้แก้รัฐธรรมนูญทันในสิ้นปีนี้ต้องอยู่ในวันที่ 8-11 ธ.ค. ซึ่งผมได้เสนอและบอกไทม์ไลน์กับทุกคนไว้หมดแล้ว” นายภราดร กล่าว
สับขวาง รธน.
นายภราดรกล่าวต่อว่า ส่วนขั้นตอนการเปิดสมัยวิสามัญ โดยประธานรัฐสภาจะต้องแจ้งมาที่นายกฯ เพื่อให้เปิดการประชุมสมัยวิสามัญ แต่ก่อนไปถึงขั้นตอนนั้นอยู่ที่กมธ.วิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญจะพิจารณารัฐธรรมนูญเสร็จหรือไม่ เพราะหากทำไม่เสร็จก่อนเปิดการประชุมสมัยสามัญในวันที่ 12 ธ.ค. ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะเปิดสมัยวิสามัญ ดังนั้นกรรมาธิการควรต้องทำรัฐธรรมนูญให้เสร็จภายในสิ้นเดือน พ.ย. หรือต้นเดือน ธ.ค. หากเสร็จตามกรอบเวลาดังกล่าวก็เสนอให้ประธานรัฐสภาแจ้งนายกฯ เพื่อเปิดการประชุมสมัยวิสามัญได้
นายภราดรกล่าวอีกว่า ทั้งนี้เมื่อดูกรอบการทำงานของกรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญน่าจะเสร็จทัน ถ้าไม่มีใครพยายามเตะถ่วงหรือพูดไม่รู้จบ พูดเรื่องเก่าซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่ง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาไม่จบเพราะพูดเรื่องเก่า
เมื่อถามว่า ในวันที่ 12 พ.ย.นี้จะมีการเรียกประชุมเพื่อลงมติเกี่ยวกับองค์กรในการจัดทำรัฐธรรมนูญ จะได้ข้อยุติหรือไม่ นายภราดรกล่าวว่า ตนคิดว่าต้องทำให้จบภายในสัปดาห์นี้
ด้านนายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะโฆษก กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า การประชุมในวันพุธที่ 12 พ.ย.นี้ไม่น่าจะล่ม และเดินหน้าต่อ จะพยายามผลักดันการพิจารณาให้เป็นไปตามไทม์ไลน์เดิมให้ได้ ในที่ประชุมยังมีการพูดคุยกันในเรื่องการเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย ให้ตรงกับเงื่อนไขในหลายเรื่อง ซึ่งคาดว่าจะเปิดประชุมวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 2 ได้ในช่วงต้นเดือนธันวาคม และจะเว้น 15 วันก่อนจะพิจารณาวาระ 3 ซึ่งคาดว่าน่าจะอยู่ช่วงวันที่ 20 ธันวาคม โดยเป็นไทม์ไลน์คร่าวๆ ที่คุยกันใน กมธ. ส่วนถ้าไม่เปิดสมัยวิสามัญอาจต้องใช้เวลาในกระบวนการงานธุรการของสภา เพราะต้องใช้เวลาในการบรรจุและวาระ 3 อาจจะต้องขยับไปถึงมกราคม
บีบส้มทิ้งไพ่
ขณะที่นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "สุดท้ายพรรคส้มต้องยื่นซักฟอกรัฐบาล ผมรู้สึกแปลกใจในความเห็นของ น.ส.ศิริกัญญา ที่ออกมาแสดงท่าทีเช่นนี้ ซึ่งทำให้ พท.ซึ่งคอยจ้องจับผิด สร้างประเด็นหรือเปิดประเด็นให้สังคมเห็นว่า ปชน.เป็นพรรคฝ่ายค้ำ อุ้มรัฐบาลชุดนี้ ยิ่ง น.ส.ศิริกัญญาบอกว่า ยังไม่มีข้อมูลที่ร้ายแรงเพื่อจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยิ่งเป็นเหยื่ออันโอชะทางการเมือง ซึ่งจะเห็นได้ว่า พท.ได้ทีขี่แพะไล่ กดดันไปยัง ปชน. ซึ่งแสดงให้เห็นว่า พท.มีความพร้อมในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว โดยไม่ต้องง้อ ปชน.เลย เพราะเสียง 1 ใน 5 ประมาณ 100 คน พท.พร้อมจะลงชื่อในญัตติอยู่แล้ว"
นายเทพไทกล่าวว่า เกมนี้เป็นการวัดใจกันระหว่าง พท.กับ ปชน. เมื่อ ปชน.ออกตัวเช่นนี้ก็ถือว่าเสียเปรียบ แต่ถ้าหากจะพิสูจน์กันว่าใครคือฝ่ายค้านของแท้ ก็ต้องพิสูจน์ในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่เชื่อว่าถ้าหาก พท.ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดนี้และ ปชน.วางเฉย ไม่ว่าจะลงมติแบบงดออกเสียงหรือโหวตให้กับรัฐบาล ก็ถือว่าเป็นการฆ่าตัวตายทางการเมือง ในที่สุด ปชน.คงไม่ยอมเสียรังวัด ไม่ยอมเสียคะแนนนิยม และไม่ยอมเสียจุดยืนทางการเมือง
“เชื่อว่าในที่สุดการอ้างเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญตัวประกัน ปชน.คงตัดสินใจทิ้งเงื่อนไขการแก้ไขรัฐธรรมนูญไป แล้วมาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดนี้ เพื่อให้ยุบสภาและนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ ซึ่ง ปชน.ได้เปรียบกว่าพรรคการเมืองอื่นๆ ด้วยซ้ำไป” นายเทพไทกล่าว
วันเดียวกัน นายจุลพันธ์ปฏิเสธกระแสข่าวที่ระบุว่า พท.เคาะ 3 รายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พท. โดยมีชื่อนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้อำนวยการเลือกตั้ง พท. รวมถึงคนจากตระกูลชินวัตรอีก 2 ชื่อ คือนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ และนายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยมหิดล ลูกชายของนายสมชายกับนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ว่าไม่เป็นความจริง ขณะนี้ พท.ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ไม่มีการเคาะรายชื่อบุคคลใดๆ
ขณะที่นายนิติศักดิ์ ธรรมเพชร สส.พัทลุง เขต 2 พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ปฏิเสธกระแสข่าวการย้ายพรรค โดยยืนยันว่าตนและนายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร ซึ่งเป็นคุณพ่อยังคงอยู่ในคณะทำงานของ รทสช.
ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) คึกคักไปด้วยผู้มีศักยภาพรุ่นใหม่ เมื่อนายสกลธี ภัททิยกุล รองหัวหน้าพรรค ดูแลพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้นำกลุ่มคนคุณภาพจากหลากหลายสาขาอาชีพเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และนายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรค เพื่อแสดงความจำนงในการเสนอตัวเป็นผู้สมัคร สส.ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


