‘ในหลวง’เสด็จฯถึงกรุงปักกิ่ง

ในหลวง พระราชินี เสด็จฯ เยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ กระชับสัมพันธไมตรีสองประเทศให้แน่นแฟ้น นายกฯ อนุทินเผยเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีน ถือเป็น "พระมหากษัตริย์" พระองค์แรกของไทย  ตอกย้ำสัมพันธ์แน่นแฟ้นไทย-จีน 50 ปี

เมื่อวันที่ 13 พ.ย.2568 เวลา 10.20 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ  พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังท่าอากาศยานทหาร ดอนเมือง เพื่อประทับเครื่องบินพระที่นั่งของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เที่ยวบินที่ ทีจี 8886 เสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ  (State Visit) ระหว่างวันที่ 13-17 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2568 ตามคำทูลเชิญของนายสี จิ้นผิง  ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน

การเสด็จพระราชดำเนินเยือนในครั้งนี้ จะเป็นการกระชับสัมพันธไมตรีที่ใกล้ชิดระหว่างประเทศทั้งสองให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศให้เพิ่มพูนยิ่งขึ้น อีกประการหนึ่งที่สำคัญคือ จะเป็นวาระแห่งการเฉลิมฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ครบ 50 ปี

เวลา 16.03 น. (เวลาท้องถิ่น) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยเครื่องบินพระที่นั่งของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เที่ยวบินที่ ทีจี 8886 ถึงยังท่าอากาศยานนานาชาติกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในการนี้ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายฉัตรชัย วิริยเวชกุล เอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท และกราบบังคมทูลเบิก นายหง เหล่ย ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและอธิบดีกรมพิธีการทูต สาธารณรัฐประชาชนจีน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลเชิญเสด็จลงจากเครื่องบินพระที่นั่ง

โดยมี นายหวัง อี้ สมาชิกกรมการเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกลางด้านกิจการต่างประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมด้วยข้าราชการระดับสูง สาธารณรัฐประชาชนจีน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ        

ในโอกาสนี้ เด็กชายชาวจีนทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายช่อดอกไม้แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเด็กหญิงชาวจีนทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายช่อดอกไม้แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ  พระบรมราชินี เสร็จแล้ว ทรงพระดำเนินผ่านแถวกองทหารเกียรติยศ เสร็จแล้ว นายหวัง อี้ (Mr. Wang Yi) สมาชิกกรมการเมืองฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐประชาชนจีน ส่งเสด็จ

จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังโรงแรมไชนาเวิลด์ กรุงปักกิ่ง (China World Hotel, Beijing) ซึ่งสาธารณรัฐประชาชนจีนจัดถวายเป็นที่ประทับแรม

ก่อนหน้านั้น เวลา 07.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล  นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีเกียรติยศ ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ  พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า ทุกครั้งที่องค์พระประมุขของชาติเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศ รัฐบาลก็จะต้องมีรัฐมนตรีเกียรติยศตามเสด็จพระราชดำเนิน ซึ่งในครั้งนี้ก็มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นายกรัฐมนตรี และนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ติดตามขบวนเสด็จในฐานะรัฐมนตรีเกียรติยศ

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีจะมีภารกิจนอกเหนือจากนี้ที่จะหารือกับจีนหรือไม่ นายกรัฐมนตรีระบุว่า ไม่มี เพราะนี่เป็นองค์ประกอบของขบวนเสด็จ

เมื่อถามว่า การเดินทางเยือนจีนครั้งนี้ จะเป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์ไทย-จีน 50 ปีใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีเผยว่า การเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เยือนประเทศจีนในครั้งนี้ ก็ต้องถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ เป็นครั้งแรกที่พระมหากษัตริย์ของไทยได้เสด็จพระราชดำเนินไปประเทศจีน ถือว่าเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การทรงจำ เป็นการเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ซึ่งในปีนี้ก็ครบรอบ 50 ปี โดยเป็นความสัมพันธ์ทางการทูต แต่ที่จริงแล้วความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศมีสืบเนื่องกันมาเป็นหลายร้อยปี.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.