‘สี’ซื้อข้าวไทย5แสนตัน S&Pคงเครดิตประเทศ!

"อนุทิน" เผย "สี จิ้นผิง" กราบบังคมทูล "ในหลวง" จีนซื้อข้าวไทย 5 แสนตัน ส่วน "ไอเอ็มเอฟ" ห่วงเศรษฐกิจไทยยังเผชิญความไม่แน่นอน แนะใช้นโยบายการคลังแบบเฉพาะจุด "เอกนิติ" ฟุ้ง S&P ประกาศคงเรตติ้งไทยที่ BBB+ โวสะท้อนความเชื่อมั่นนโยบายเศรษฐกิจ รบ.

เมื่อเวลา 13.25 น. วันที่ 14 พ.ย.2568 วันนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่อยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีเกียรติยศ ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ปธน.สี จิ้นผิง กราบบังคมทูลต่อหน้าพระพักตร์ในหลวง จีนซื้อข้าวไทยห้าแสนตัน”

ขณะที่ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้เผยแพร่ผลการประเมินภาวะเศรษฐกิจไทย ประจำปี 2568 ว่า ในครึ่งแรกของปี 2568  เศรษฐกิจไทยขยายตัว 3% ซึ่งดีกว่าที่ไอเอ็มเอฟประเมินไว้ แต่คาดว่าในภาพรวมทั้งปี 2568 เศรษฐกิจจะขยายตัวชะลอลงเหลือ 2.1% และในปี 2569 ที่ 1.6% ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ส่วนอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะทรงตัวในระดับต่ำต่อเนื่อง และทยอยปรับเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ 1-3% ได้ภายในปี 2570

ไอเอ็มเอฟยังประเมินว่า ในระยะข้างหน้า เศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญความไม่แน่นอนและมีความเสี่ยงด้านลบอยู่ และภายใต้ความท้าทายทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นและขีดความสามารถของนโยบายที่จำกัด ไอเอ็มเอฟแนะนำให้ไทยดำเนินนโยบายแบบผสมผสานอย่างรอบคอบเพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด ซึ่งในช่วงที่หนี้สาธารณะยังอยู่ในระดับสูง ทางการไทยควรใช้นโยบายการคลังแบบเฉพาะจุดและระมัดระวัง พร้อมกับมีแผนการเข้าสู่สมดุลการคลังระยะปานกลางที่น่าเชื่อถือ ส่วนนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในปัจจุบันยังเหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ และอาจผ่อนคลายได้เพิ่มเติมเพื่อช่วยลดความเสี่ยงด้านอุปสงค์และเงินเฟ้อ

 “หนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ทางการไทยควรเร่งฟื้นฟูช่องทางการเข้าถึงสินเชื่อ ผ่านมาตรการทางการเงินที่ช่วยลดภาระหนี้ให้ลูกหนี้ เช่น มาตรการเฉพาะกิจล่าสุดในการช่วยเหลือลูกหนี้ เพื่อให้การส่งผ่านนโยบายการเงินมีประสิทธิผลต่อเนื่อง” ไอเอ็มเอฟระบุ

 ขณะที่ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.การคลัง กล่าวว่า บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือเอสแอนด์พี โกลบอล เรตติ้งส์ (เอสแอนด์พี) ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของไทยที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (เอาต์ลุก) ที่ระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) โดยคาดว่า ในปี 2568  เศรษฐกิจไทยจะเติบโตที่ 2.3% และปี 2569 ที่ 2% เนื่องจากการดำเนินนโยบายการคลังของรัฐบาลมีส่วนช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากทั้งปัจจัยความเสี่ยงภายนอกและเสถียรภาพทางการเมืองภายในประเทศ อีกทั้งคาดว่าอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่แท้จริงในปี 2568-2571 จะเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 2.3% ขณะที่รายได้ต่อหัวในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นจากประมาณ 8,000 ดอลลาร์เป็นประมาณ 9,000 ดอลลาร์ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น

นายเอกนิติกล่าวอีกว่า เอสแอนด์พียังมองว่า รัฐบาลไทยยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ โดยเฉพาะโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ซึ่งสะท้อนถึงการลงทุนภาครัฐที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ส่วนภาคการท่องเที่ยวเอสแอนด์พีมองว่ายังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2569 ประกอบกับรัฐบาลได้เร่งดำเนินมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เอสแอนด์พียังมองว่าไทยยังคงมีภาคการเงินต่างประเทศที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด โดยคาดว่า ตั้งแต่ปี 2568-2571 ดุลบัญชีเดินสะพัดจะยังคงเกินดุลเฉลี่ย 2.5% ของจีดีพี และมีฐานะการลงทุนระหว่างประเทศสุทธิด้านสินทรัพย์อยู่ที่ประมาณ 27% ของภาระการชำระค่าใช้จ่ายตามดุลบัญชีเดินสะพัด

“ผลการประเมินอันดับความน่าเชื่อถือของไทย สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อทิศทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการดำเนินงานบนพื้นฐานของความรับผิดชอบ ความโปร่งใส และรักษาวินัยทางการคลังอย่างเคร่งครัด ผ่านการขับเคลื่อนนโยบาย Quick Big  Win ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ” นายเอกนิติระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน

'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง