‘สส.ชนนพัฒฐ์’ไปไกล รอบหน้ายึดเก้าอี้รมต.

"ชนนพัฒฐ์" คิดการใหญ่ หาเสียงกับชาวบ้าน "รอบหน้าผมได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว" จะเคลียร์ตัวเองให้จบ "อนุดิษฐ์" ตอกกลับ สส.ไม่ว่าฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ที่เคยถูกศาลชั้นต้นหรืออุทธรณ์พิพากษาจำคุก แต่ยังดำรงตำแหน่งต่อ  และบางคนกลับเป็นผู้เรียกร้องเสียงดังที่สุดว่า  “สส.ชนนพัฒฐ์ ต้องลาออกทันที”

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2568 น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคประชาชน เผยแพร่คลิปวิดีโอของนายชนนพัฒฐ์  นาคสั้ว สส.สงขลา พรรคกล้าธรรม ซึ่งกำลังถูกจับตาจากข้อครหาเกี่ยวกับเว็บพนันและสแกมเมอร์ โดยก่อนหน้านี้เพิ่งถูกอายัดทรัพย์เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน

ในคลิปดังกล่าว นายชนนพัฒฐ์ลงพื้นที่พูดคุยกับประชาชน พร้อมกล่าวว่า “ผมจะเคลียร์ตัวเองให้จบ ถ้าผมเสร็จรอบนี้ รอบหน้าผมได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว… จะอยู่ใกล้ชิดอย่างนี้กับทุกคนตลอดไป ไม่ทิ้ง และถ้าได้สมัยหน้า ก็จะยังทำงานแบบนี้ เพราะคลิปนี้ทำให้ น.ส.ภคมนออกมาตั้งคำถามว่า ทำไมคนที่กำลังมีประเด็นไม่น่าไว้วางใจถึงกล้าประกาศว่าจะเป็นรัฐมนตรี ในขณะที่สังคมกำลังจับตาการสอบเส้นทางเงิน แต่เจ้าตัวบอกว่า รอบหน้าเป็นรัฐมนตรีแล้ว ไอยะ!!??

รองโฆษกพรรคประชาชนยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การทุจริตคอร์รัปชันมันเคลียร์ได้มาตลอด รอบนี้ก็คงมั่นใจ มันจะอยู่กันยังไงถ้าคนที่มีชนักติดหลังกล้าประกาศตัวจะเป็นรัฐมนตรี เอากันใหญ่ประเทศไทย พูดออกมาเหมือนพี่น้องประชาชนเขต 4 สงขลาเป็นสมบัติตัวเอง จัดสรรอำนาจให้ตัวเองเสร็จสรรพ

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรม โพสต์เฟซบุ๊กว่า ช่วง 2-3 วันนี้ ผมได้รับคำถามจากสื่อหลายสำนัก ถึงกรณีที่ สส.ชนนพัฒฐ์ ถูก ปปง.อายัดทรัพย์ จากข้อสงสัยเกี่ยวกับเส้นทางการเงินในคดีพนันออนไลน์

คำถามคือ พรรคกล้าธรรมต้องรับผิดชอบอย่างไร? และ รัฐมนตรีธรรมนัสควรลาออกหรือไม่? ผมขอชี้แจงดังนี้ครับ

1.เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็น “มาตรฐานเดียวกันของทั้งสภา” ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ของพรรค ผมยืนยันว่า กรณีของ สส.ชนนพัฒฐ์ ต้องตรวจสอบตามกฎหมายอย่างรอบด้าน และเจ้าตัวมีหน้าที่พิสูจน์ความบริสุทธิ์ผ่านกระบวนการยุติธรรม พรรคกล้าธรรมจะไม่แทรกแซง ไม่ปกป้อง และไม่ขัดขวางการตรวจสอบ ผิดก็ต้องรับผิด แต่ถ้าถูก ก็ต้องคืนความเป็นธรรมให้เขาเช่นกัน ทั้งหมดขึ้นอยู่กับ “ข้อเท็จจริง” และ “กระบวนการยุติธรรม” ครับ

2.แต่ในขณะเดียวกัน…สังคมควรมองภาพใหญ่ด้วยความเป็นธรรม ทุกวันนี้ในสภามี สส.หลายคน ไม่ว่าฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ที่เคยถูกศาลชั้นต้นหรืออุทธรณ์พิพากษาจำคุก แต่ยังดำรงตำแหน่งต่อ และบางท่านเหล่านั้น กลับเป็นผู้เรียกร้องเสียงดังที่สุดว่า “สส.ชนนพัฒฐ์ ต้องลาออกทันที”

คำถามคือ…เรากำลังใช้มาตรฐานเดียวกันจริงหรือไม่? ผมไม่ต้องการพาดพิงบุคคลใดเป็นพิเศษ แต่เมื่อผู้แทนประชาชนบางคน ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการต่อสู้คดีของตนเอง ยังดำรงตำแหน่งต่อไปได้ หลักการเดียวกันก็ควรถูกใช้กับทุกฝ่าย ไม่ใช่เฉพาะบางฝ่ายเท่านั้น นี่ไม่ใช่การตอบโต้ แต่เป็นการตั้งคำถามเรื่อง “มาตรฐานร่วมกันของสภา” ซึ่งสำคัญต่อความเชื่อมั่นของประชาชนครับ

3.พรรคกล้าธรรมยืนยันหลักการสำคัญ 3 ประการ 3.1 ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ว่าฝ่ายใด หากมีข้อกล่าวหา ต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบตามกฎหมายอย่างเท่าเทียม 3.2 เคารพกระบวนการยุติธรรม คำพิพากษาชั้นต้นหรืออุทธรณ์ ถือเป็นข้อเท็จจริงทางกฎหมายที่ทุกคนต้องรับผิดชอบ แม้คดียังไม่ถึงที่สุด ก็ไม่ควรทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  3.3 นักการเมืองต้องเป็นตัวอย่างที่ดี ถ้าเราจะเรียกร้องให้คนอื่นลาออก เราก็ควรใช้มาตรฐานเดียวกันกับตัวเองเช่นกัน

สังคมไทยอยู่กับ “สองมาตรฐาน” มานานพอแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่อง “เอ็งชั่ว-ข้าเลว” และไม่ใช่การใช้คดีของคนอื่นเพื่อหาประโยชน์ทางการเมือง แต่คือความจำเป็นในการยกระดับความเชื่อมั่นของสภาผู้แทนราษฎร และทำให้ประชาชนเห็นว่า ประเทศไทยสามารถเดินไปบนมาตรฐานเดียวกันได้จริง  ก่อนจะกวาดบ้านให้คนอื่น เราต้องกวาดบ้านของตัวเองให้สะอาดก่อนเสมอ สีเขียวก็ไม่เอาสีเทา เช่นกันครับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง