ม.ค.69เริ่มคนละครึ่งเฟส2 ดันราคาข้าว1.5หมื่นบาท

นายกฯ แจ้งข่าวดีกลางวงที่ประชุม นบข. ปลื้มพระบารมี ขายข้าวจีนได้ 5 แสนตัน เคาะสินเชื่อชะลอขายข้าว 9 พันล้านบาท หวังดึงราคาขึ้น ตั้งเป้า 1.5 หมื่นต่อตัน ของขวัญปีใหม่คนไทย ครม.ไฟเขียว 800 ล้าน พัฒนาความรู้ทักษะ-เรียนรู้ทักษะใหม่ ร้านค้าที่เข้าร่วม “คนละครึ่ง พลัส” เร่งเฟส 2 พร้อมเปิดลงทะเบียนบัตรคนจนรอบใหม่ ม.ค.69

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ได้มอบหมายในที่ประชุม ครม.ให้กระทรวงการคลังเตรียมความพร้อมในการเปิดการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ โดยขอให้พิจารณาไปพร้อมๆ กันกับการพิจารณาจัดทำโครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2 ด้วย นายกฯ ให้นโยบายว่าให้ทำข้อมูลภายในเดือน ธ.ค.นี้ โดยเอาข้อดี-ข้อเสียของคนละครึ่งพลัสเฟสแรกที่กำลังทำอยู่มาปรับปรุงใช้ เช่นเดียวกับการเปิดทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยมอบหมายให้ปลัดกระทรวงการคลังรับไปดำเนินการ โดยการลงทะเบียนจะทำได้ในเดือน ม.ค.ปี 2569

ส่วนงบประมาณที่จะนำมาใช้ในการดำเนินโครงการนั้น รองนายกฯ ระบุว่า จะใช้แหล่งเงินจากงบกลางเป็นหลัก ส่วนจะใช้วงเงินจำนวนเท่าใดนั้น ขอไปพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง โดยการจ่ายเงินลงไปถึงมือประชาชน รัฐบาลยังยึดตามไทม์ไลน์เดิมคือ ภายในเดือน ม.ค.2569

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบโครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส และกรอบวงเงินงบประมาณจำนวนไม่เกิน 800 ล้านบาท โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขรายละเอียดที่ไม่ขัดกับหลักการโครงการ และหลักการโครงการคนละครึ่งพลัส เพื่อให้การดำเนินโครงการ และโครงการคนละครึ่งพลัสเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเกิดประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวนไม่เกิน 800 ล้านบาท โดยจัดสรรให้แก่ สศค.สำหรับการดำเนินโครงการ รวมถึงมอบหมายธนาคารออมสินและกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการ

นางสาวลลิดา เพริศวิวัฒนา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมสามารถสมัครใช้งานผลิตภัณฑ์ดิจิทัลของ depa ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เช่น ระบบบัญชีออนไลน์สำหรับร้านค้า ระบบส่งเสริมการขายและจัดการลูกค้า เครื่องมือบริหารสต๊อก ระบบช่วยจัดการหลังร้าน และโซลูชันธุรกิจที่ขึ้นทะเบียนกับ depa โดยทั้งหมดออกแบบมาเพื่อช่วยร้านค้าบริหารต้นทุนได้ดีขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการขาย และต่อยอดธุรกิจเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ได้ง่ายขึ้น ผู้ประกอบการสามารถสมัครใช้งานผลิตภัณฑ์ดิจิทัลได้ตั้งแต่ 19 พ.ย.-19 ธ.ค.2568 ดังนั้นคนละครึ่งพลัสไม่ได้มีแค่เรื่องค่าใช้จ่ายของประชาชน แต่ยังเป็นการลงทุนกับอนาคตของร้านค้ารายย่อยให้แข็งแรงขึ้น เข้าถึงลูกค้าใหม่ และก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างเต็มรูปแบบ

จากนั้นเวลา 15.30 น. วันที่ 18 พ.ย. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทินเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ครั้งที่ 1/2568 โดยก่อนเริ่มประชุมนายกฯ ได้ทักทายกับ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ที่วิดีโอคอนเฟอเรนซ์มาเข้าร่วมการประชุม

นายกฯ กล่าวว่า เราจะต้องกําหนดกลไกและกําหนดทิศทางการบริหารจัดการข้าวของประเทศ ทั้งด้านการผลิต การตลาด การยกระดับคุณภาพชีวิตพี่น้องชาวนาให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการบริหารจัดการราคาสินค้าเกษตรให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ในช่วงปีนี้สถานการณ์ตลาดข้าวโลกมีการผันผวนสูง                "ทุกคนทราบว่าปีนี้ครบรอบความสัมพันธ์ 50 ปี ไทย-จีน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้เสด็จฯ เยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการ ซึ่งวันนี้ถือว่าเราได้ชงมาดี เมื่อผู้นําของจีนได้เข้าเฝ้าฯ พระองค์ท่าน โดยประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนกราบบังคมทูลฯ ให้ทรงรับทราบ ยืนยันว่าจีนให้การสนับสนุนสินค้าการเกษตรของไทย ผมนั่งอยู่ในที่ประชุมด้วย เป็นคําพูดปกติธรรมดา ยังลุ้นๆ อยู่ว่าจะได้ข้าวหรือเปล่า แต่ท่านก็พูดไปก่อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวจํานวน 5 แสนตัน พอท่านพูดคํานี้ ทําให้เรารู้แล้วว่าสิ่งที่เราได้เพียรพยายามมาทั้งหมดได้บทสรุป ณ ที่นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ทูตจีนไม่ยอมยืนยัน แต่บอกว่าให้อดทนนิดนึง แต่แนวโน้มเป็นด้านบวก ซึ่งตนก็นึกไม่ถึง ตอนตนได้ไปประชุมอาเซียนที่มาเลเซีย ได้เจอกับนายกฯ จีน และประชุมเอเปกที่เกาหลีได้เจอกับประธานาธิบดีจีน ทั้งนี้ ต้องถือว่าเป็นพระบารมี" นายอนุทินระบุ

นายกฯ กล่าวย้ำด้วยว่า ขณะนี้ได้ข่าวมาว่าจีนคอนเฟิร์มออเดอร์ตรงนี้แล้ว แม้ว่าสต๊อกจะยังไม่ออกจากท่าเรือแต่การบริหารจัดการออเดอร์ในระบบเกิดการเคลื่อนไหวแล้ว ทำให้เกิดการผลักดันราคาได้ดีขึ้น นอกจากนี้มีการขาย food security และข้าวให้สิงคโปร์จํานวนหนึ่งแสนตัน ซึ่งสามารถปิดดีลอย่างเป็นทางการ ขอบคุณ รมว.พาณิชย์และ รมว.เกษตรฯ รวมถึงทุกคนที่เกี่ยวข้อง ฝากพวกเราทุกคนทําหน้าที่เซลล์แมนสินค้าของไทยให้มากที่สุดเท่าที่จะทําได้ ตอนนี้เราเปิดตลาดแล้ว ขอให้พยายามต่อไป

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการ นบข. เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าว วงเงิน 9,000 ล้านบาท เพื่อดูดซับผลผลิตส่วนเกินช่วงที่ราคาตกต่ำ โดยมีข้อกำหนดดังนี้ เกษตรกรที่มียุ้งฉางสามารถรับสินเชื่อตันละ 1,500 บาท กรณีไม่มียุ้งฉางสามารถฝากเก็บกับสถาบันเกษตรกร โดยรัฐบาลสนับสนุนค่าจัดเก็บแยกเป็น 1,000 บาทต่อตัน สำหรับสถาบันเกษตรกร และ 500 บาทต่อตัน สำหรับเกษตรกร พร้อมกันนี้กระทรวงพาณิชย์จะเปิดตลาดนัดข้าวเปลือก รับซื้อในราคาสูงกว่าตลาด 300-500 บาทต่อตัน และเตรียมตั้งจุดรับซื้อ 300 จุด ครอบคลุมกว่า 40 จังหวัด เพื่อเร่งระบายผลผลิตออกจากระบบ

นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบแนวทางบริหารจัดการข้าวส่วนเกินกว่า 3 ล้านตัน โดยนำไปแปรรูปเป็นข้าวถุงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเร่งเจรจาการค้าระดับรัฐต่อรัฐ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ได้แก่ ข้อตกลงรับซื้อข้าวจากไทย 500,000 ตัน การส่งออกข้าวไปสิงคโปร์เพิ่มอีก 100,000 ตัน มาตรการทั้งหมดส่งผลให้ราคาข้าวในประเทศเริ่มปรับตัวดีขึ้น เฉลี่ยข้าวหอมมะลิเพิ่มประมาณ 500 บาทต่อตัน และข้าวขาวเพิ่มกว่า 100 บาทต่อตัน

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการปรับโครงสร้างการผลิตและการใช้พื้นที่เพาะปลูก โดยยุติการสนับสนุนเงินช่วยเหลือสำหรับข้าวนาปรังในพื้นที่ไม่เหมาะสม และปรับเป็นการสนับสนุนให้เกษตรกรเปลี่ยนไปปลูกพืชเศรษฐกิจอื่น เช่น ข้าวโพดและถั่วเหลือง ตั้งเป้าพื้นที่นำร่อง 1 ล้านไร่ เพื่อเพิ่มรายได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในจัดทำแผนรายละเอียดและเสนอเข้าพิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป

ด้าน นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในที่ประชุม ครม.ได้มีการพูดถึงราคาข้าวที่ขณะนี้มีการปรับตัวสูงขึ้น วันนี้ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิราคา 13,500 บาทต่อตัน โดยประมาณการ  ตามนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการขับเคลื่อนมาตรการชะลอการขายข้าว ซึ่งเป็นการตัดยอดปริมาณข้าวออกจากท้องตลาด ทำให้ราราคาสินค้าภาคการเกษตร ประเภทข้าวปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ ที่ขณะนี้มีราคาอยู่ที่ 13,500 บาทต่อตัน ทั้งนี้ เพื่อ "มอบของขวัญปีใหม่" ให้คนไทย รัฐบาล โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตั้งเป้าราคาให้ขยับขึ้นแตะ 15,000 บาท/ตัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.