เลือดไหลเข้า ‘ภท.’ จับตา ‘วราวุธ’ ซบ!พท.เพ้อเจ้อโวยรัฐบาลโยกขรก.ตามฤดูกาล

จับตา "ลูกท็อป" ขน สส.ชาติไทยพัฒนาซบภูมิใจไทย "อนุทิน" ให้รอความชัดเจน  ด้านเพื่อไทยกินยาลืมเขย่าขวด ด่ารัฐบาลโยกย้ายข้าราชการระดับสูงเอื้อเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่เป็นช่วงโยกย้ายข้าราชการประจำปี

เมื่อเวลา 07.50 น. วันที่ 22 พฤศจิกายน  2568 ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6)  ดอนเมือง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีการให้สัมภาษณ์ของนายอนุชา สะสมทรัพย์ สส.นครปฐม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ออกมาระบุว่าพรรคชาติไทยพัฒนาจะย้ายไปอยู่กับภูมิใจไทยทั้งพรรคว่า ขอให้รอดูพรุ่งนี้ เนื่องจากจะมีการประชุมใหญ่ของพรรค

ผู้สื่อข่าวถามว่า เบื้องต้นนายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ตอบรับแล้วหรือไม่ นายอนุทินหัวเราะก่อนกล่าวว่า เอาไว้ให้เรียบร้อยทุกอย่างก่อน

ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา กล่าวว่า จากการที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุว่าอาจยุบสภาในวันที่ 12 ธ.ค. หากพรรคเพื่อไทยยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 จริงตามที่ประกาศไว้ แม้จะขัดกับข้อตกลงหรือ MOA ระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชน แต่เป็นเรื่องที่พรรคภูมิใจไทยไม่ได้เสียอะไร มีแต่ได้กับได้ ดังนั้น การประกาศยุบสภาอย่างชัดเจนก็มองเป็นเรื่องอื่นไม่ได้เลย นอกจากเพื่อประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้น เพราะการเป็นรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทยมีแต่ได้ คือได้ใช้งบประมาณ ได้อำนาจบริหาร ได้จัดทัพข้าราชการรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นด้วย

นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่า สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากสุดท้ายพรรคภูมิใจไทยสามารถกำหนดเกมได้ ก็อาจจะผ่านให้ หากไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ก็สามารถคว่ำในวาระ 3 ได้ การอ้างว่าที่ต้องยุบสภาเพราะปัจจัยทางการเมือง จึงเป็นข้ออ้างเพื่อหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้านมากกว่า รวมทั้งหากยุบสภาตอนนี้ รัฐบาลจะได้เปรียบในสนามเลือกตั้ง  ทั้งอำนาจรัฐ กระสุนดินดำ ครอบคลุมอำนาจทุกองคาพยพ การยุบสภา จึงเป็นกลยุทธ์ทางการเมืองเพื่อยุติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และหนีการตรวจสอบตามกลไกของรัฐสภา ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักของพรรคภูมิใจไทยมากกว่า

นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ​ โฆษก​พรรค​เพื่อ​ไทย​ กล่าวถึงการติดตามการทำงานของรัฐบาล​ ในการโยกย้ายข้าราชการระดับสูง หลังจากการเข้ามาทำงานใน 1 เดือนของรัฐบาล​ มีการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงไปแล้ว 98 ตำแหน่ง​ และถึงขณะนี้​ ระยะเวลา​ 2 เดือนเศษ​ มีการโยกย้ายไปแล้ว 122 ตำแหน่ง และคิดว่าสิ้นเดือน ธ.ค. น่าจะทะลุ​ 300 ตำแหน่ง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย​ มีการโยกย้ายไปแล้ว 49 ตำแหน่ง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 13 ตำแหน่ง​ สำนักนายกรัฐมนตรี 12 ตำแหน่ง

"พรรคเพื่อไทยจึงอยากเรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันจับตามองถึงการแต่งตั้งโยกย้ายเหล่านี้​ แต่งตั้งตามกฎหมายและระเบียบหรือไม่ หรือเป็นเพียงปลายภูเขาน้ำแข็ง​ เพราะเป็นข้าราชการระดับสูง​ที่ต้องมีการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ​  และตั้งคำถามว่าข้าราชการที่ต่ำลงไปจะมีอีกจำนวนเท่าไหร่​ หรือการแต่งตั้งโยกย้ายในระดับนี้เป็นการแต่งตั้งเพื่อหาผลประโยชน์หรืออำนวยความสะดวกในการเลือกตั้งครั้งต่อไปหรือไม่"  โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าว

ขณะที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคประชาชนในวันอาทิตย์นี้ นอกจากนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน อีก 2 คนที่เหลือใช่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และนายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร แกนนำพรรคประชาชนหรือไม่ ว่า ขอให้รอพรุ่งนี้ พร้อมบอกกับผู้สื่อข่าวว่า จะถามอีก 10 ครั้งตนก็จะตอบแบบนี้ว่า ให้รอพรุ่งนี้ พรุ่งนี้รู้แน่ เชื่อว่าขณะนี้ขั้นตอนของพรรคกระบวนการคัดสรรเรียบร้อยแล้ว แต่วันนี้เป็นการเชิญชวนมาฟังนโยบายธงนำของพรรคประชาชนในการเลือกตั้งครั้งหน้า คือการปราบสแกมเมอร์และทุนเทา ขอให้ติดตามตรงนี้ ส่วนพรุ่งนี้ข้อมูลต่างๆ ทุกภาคส่วนจะรู้กันแบบตรงไปตรงมา ส่วนจะเป็น 3 ชื่อที่มีกระแสข่าวมาก่อนหน้านี้หรือไม่  ตนตอบไม่ได้

เมื่อถามว่า เป็นห่วงในเรื่องคดี 44 สส.ใน ป.ป.ช. จะกระทบกับแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคหรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวยืนยันว่า พวกเราทำโดยสุจริตในการยื่นแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 เราแจ้งกับ ป.ป.ช.ว่าเราดำเนินการโดยสุจริต ใช้นิติบัญญัติโดยชอบ จึงไม่กังวลในเรื่องนี้ 

เมื่อถามย้ำว่า นายวิโรจน์เป็นแกนนำพรรค  แสดงว่ารู้แล้วใช่หรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า  “แกนนำก็ไม่ได้รู้ทุกเรื่อง จะทราบหรือไม่ทราบ  แต่ผมมั่นใจในพรรคเสมอ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าจะคัดเลือกคนที่มีความเหมาะสมมาคัดเลือกคนที่มีความรู้ความสามารถมาบริหารประเทศอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น 2 หรือ 3 ชื่อ หรือทุกๆ ชื่อก็มีความเหมาะสมทั้งสิ้น ผมเชียร์ ให้กำลังใจ และพร้อมจะทำงานให้อย่างถวายหัวแน่นอน”.   

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง