10-11ธ.ค.แก้รธน. ปชน.ขอจบวาระสาม

“ไชยชนก” โวภูมิใจไทยพร้อมถูกซักฟอก ลั่นยุบสภาเมื่อสำเร็จตาม MOA รัฐบาลเคาะแล้ว 10-11 ธ.ค.เปิดสภาสมัยวิสามัญถกแก้รัฐธรรมนูญ “ณัฐวุฒิ” ร่ายยาวทวงบุญคุณ กมธ.ที่ประชุมมายาวนาน 15-16 ครั้ง ขอให้รอ 15 วันใช้โอกาสดีปลดล็อก รธน. แย้มไม่แตะหมวด 1 และ 2

เมื่อวันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน 2568 นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุว่าให้รอดูสัญญาณวันที่ 12 ธ.ค. ว่าในมุมมองของตนหากเราทำทุกอย่างเสร็จสิ้นภายใต้ MOA การคืนอำนาจให้กับประชาชนเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการอยู่แล้ว ซึ่งโดยรวมสถานการณ์ปัจจุบันเราก็ต้องเร่งทำทุกอย่าง แก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ได้ก่อน

เมื่อถามว่า มีคนตีความว่าอาจเป็นการยุบสภาก่อนถึงวันที่ 31 ม.ค.2569 นายไชยชนกถามกลับว่า เพราะอะไร หากเป็นเรื่องการขู่อภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคเพื่อไทย (พท.) คิดว่าเราพร้อมอภิปราย ส่วนตัวไม่มีอะไรกังวลต่อการซักฟอก และเชื่อว่านายกฯ ก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล ฉะนั้นการที่นายกฯ ประกาศด้วยเหตุผลนั้น คิดว่าไม่ใช่  เพราะท้ายที่สุดอำนาจอยู่ที่นายกฯ

ถามต่อว่า เป็นไปได้สูงที่จะยุบสภาวันที่ 31  ม.ค. ตามกรอบ MOA หรือไม่ นายไชยชนกกล่าวว่า เป็นไปได้ทั้งหมด แต่เราต้องมั่นใจว่าทำตามกรอบ MOA และอยากคืนอำนาจให้กับประชาชน

ด้าน รศ.นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวว่า พรรค ภท.จะยุบสภาจริงตามที่ได้ประกาศและลงนามในบันทึกข้อตกลงหรือไม่ เพราะขณะนี้พรรค พท.เตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล และเตรียมการทางการเมืองในภาพใหญ่ด้านต่างๆ ครบถ้วนแล้ว พรรคได้ถ่ายเลือดใหม่และเดินหน้าทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข  พร้อมที่จะลงเลือกตั้งทันทีหากมีการยุบสภา เช่นเดียวกันกับพรรคต่างๆ แต่เชื่อมั่นพรรคประชาชนเมื่อถูกพรรคภูมิใจไทยที่ตนเองสนับสนุนมาเปลี่ยนแปลง แก้ไขและเล่นเกมการเมืองจนตามไม่ทัน ถึงเวลาที่ต้องกินวิตามินซีกันบ้างแล้ว

วันเดียวกัน นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกสมัยประชุมวิสามัญ รัฐสภา ในวันที่ 10-11 ธ.ค. เพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 2 และวาระ 3 เนื่องจากบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญกำหนดว่า หลังการพิจารณาในวาระสองแล้วต้องเว้นระยะเวลา 15 วัน จึงพิจารณาในวาระสามได้  หากต้องรอพิจารณาช่วงเปิดสมัยประชุมสามัญในวันที่ 12 ธ.ค. ก็จะดำเนินแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ทันช่วงก่อนปีใหม่ตามกรอบเวลา จึงมีการขอเปิดสมัยประชุมวิสามัญเพื่อให้รัฐสภาดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จทันตามไทม์ไลน์ที่กำหนดไว้

ขณะที่ น.ส.อัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ครม.ยังมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอตั้งนายนริศ ขำนุรักษ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.คมนาคม ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.

ส่วนนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ในวันที่ 26 พ.ย. จะเชิญผู้ที่แปรญัตติ ซึ่งมี สว. 4 คน สส. 2 คนเข้ามาแปรญัตติในมาตราต่างๆ ที่ไม่เห็นด้วยแต่ในบางประเด็นที่ กมธ.ได้ปรับแก้ไปตามที่สมาชิกได้แปรญัตติไว้แล้ว ส่วนคำสงวนบางส่วนของผู้แปรญัตติ และ กมธ.ที่เห็นต่าง กมธ.จะพิจารณารายงานร่วมกันในช่วงบ่ายของวันที่ 26 พ.ย. หากเป็นเช่นนั้นเราจะพิจารณาได้จบสิ้น และส่งให้ประธานรัฐสภาอย่างช้าที่สุดในวันที่ 27 พ.ย. แต่หากพรุ่งนี้เสร็จเรียบร้อยก็ส่งรายงานได้เลย

นายณัฐวุฒิยอมรับว่า กมธ.มีความห่วงใยในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญจะแล้วเสร็จถึงวาระสามหรือไม่ เนื่องจากเมื่อพิจารณาวาระสองเสร็จ ตามรัฐธรรมนูญต้องรอไว้ 15 วันก่อนลงมติวาระ 3 หากมีการเปิดสมัยประชุมวิสามัญในวันที่ 1 ธ.ค.เพื่อพิจารณาวาระสอง การลงมติในวาระสาม อาจเกิดขึ้นในวันที่ 16 ธ.ค.เป็นต้นไป หรือถ้าเปิดสมัยวิสามัญ วันที่ 8 ธ.ค.เป็นต้นไป การพิจารณาวาระสามจะเกิดขึ้นปลายเดือน ธ.ค.   

 “ในนามของ กมธ. ขอโอกาส อยากให้รัฐธรรมนูญที่เราลงทุนลงแรงรับหลักการอย่างเอกฉันท์ กมธ.ประชุม 15 ถึง 16 ครั้ง ได้ผลิดอกออกผล กลายเป็นรัฐธรรมนูญที่ปลดล็อก แต่เราก็คิดถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นอยู่บ้าง สำหรับพวกเราเองเราอยากผลักดันให้การแก้ไขรัฐครั้งนี้สำเร็จก่อนปีใหม่ ถ้าเป็นเช่นนั้น การยุบสภาหรือการดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขที่อาจทำให้รัฐธรรมนูญไม่แล้วเสร็จ พวกผมก็อยากขอโอกาสทำให้แล้วเสร็จ เพื่อเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนสูงสุด แต่เราก็พร้อมทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น หวังว่าจะไม่มีอะไรที่มาขัดขวางหรือขัดแย้งกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญในรอบนี้” นายณัฐวุฒิกล่าว

ไม่แตะหมวด 1 และ 2

นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า ในที่ประชุมยังเห็นตรงกันให้นำข้อความหมวด 1 และหมวด 2 จากรัฐธรรมนูญปี 2560 มาใส่ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยไม่มีการแก้ไขถ้อยคำ ส่วนจะมี กมธ.คนอื่นเห็นเป็นอย่างไร ก็คงจะมีการไปลงมติในที่ประชุมรัฐสภา

ถามถึงสถานการณ์การเมือง หากมีการยุบสภา ห่วงหรือไม่ว่าอาจทำให้สิ่งที่เราทำมาสูญเปล่า นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ไม่เป็นห่วงเสียทีเดียวก็ไม่ได้ ก่อนหน้านี้ กมธ.เคยพูดคุยเรื่องนี้ในตอนต้นของการประชุม ว่าเราควรโฟกัสที่เนื้อหามากกว่า  จึงมีการวางสถานการณ์การเมืองไว้ก่อน แต่เชื่อว่าน่าจะไม่มีการยุบสภาก่อนพิจารณาวาระ 2 เสร็จสิ้น ส่วนจะพิจารณาถึงวาระ 3 หรือไม่นั้น แม้จะบอกว่าไม่ได้ห่วงขนาดนั้น แต่เมื่อเดินมาถึงขั้นนี้แล้ว จะเห็นว่าการปลดล็อกการแก้รัฐธรรมนูญเกิดยากมากในรอบ 8-9 ปีที่ผ่านมา แต่ขณะนี้เป็นโอกาสที่ดีที่ใกล้เคียงที่สุดในแก้ไขได้ จึงไม่อยากให้มีอุปสรรคหรือปัญหาทางการเมือง ที่อาจเกิดขึ้นมาเป็นข้อจำกัด หรือเป็นปัญหาต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

 “ความเป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้น เชื่อมั่นตรงกับ  กมธ.หลายท่านว่า ในเมื่อแค่ 15 วันก่อนลงมติวาระ 3 อาจใช้กลไกการตรวจสอบรัฐบาลในรูปแบบหลากหลาย ซึ่งฝ่ายค้านทุกพรรค ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย ก็ดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มข้นในปัจจุบัน ดังนั้นขอให้รออีกไม่เกิน 15 ถึง 16 วันได้หรือไม่ ก่อนมีสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงใดๆ พวกเราอยากให้เป็นเช่นนั้น และสนับสนุนความคิดของนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่าไม่ควรจะเอาสองเรื่องมาผูกกัน เพราะจะสะท้อนว่ารัฐบาลจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญจริงหรือไม่” นายณัฐวุฒิกล่าว

นายณัฐวุฒิกล่าวด้วยว่า หากมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเกิดขึ้นในวันที่ 12 ธ.ค.จริง รัฐบาลเองก็ไม่สามารถยุบสภาได้ และในเมื่อยุบสภาไม่ได้ ก็ขอรอให้พิจารณารัฐธรรมนูญให้จบไปพร้อมกันได้หรือไม่ ส่วนที่มีกระแสข่าวจะยุบสภาก่อนยื่นอภิปรายนั้น ไม่สามารถก้าวล่วงการแก้ปัญหาของรัฐบาลได้ และถ้าเป็นเช่นนั้นจริง สิ่งที่เราทำมาทั้งหมดจะจบลงแค่วาระ 2 ซึ่งในทางกฎหมายอาจไม่ตกไป 100% แต่อยู่ที่ว่ารัฐบาลใหม่จะหยิบขึ้นมาพิจารณาต่อหรือไม่ แต่ในความเป็นจริงต้องยอมรับว่า เมื่อตกไปก็เสมือนเริ่มกระบวนการใหม่อีก ซึ่งไม่รู้ว่ามีฉันทามติอย่างไร 

“ทำไมเราถึงจะไม่ทำเรื่องเหล่านี้ให้เสร็จสิ้นก่อน จึงขอส่งสัญญาณแรงๆ เนื่องจากมีการตั้งคำถามว่า ทำไมไม่รอให้ กมธ.ทำวาระ 3 ให้เสร็จ จนนำไปสู่การตั้งคำถามประชามติรอบเดียว ประชาชนจะได้ไม่เสียโอกาสในการใช้สิทธิ์ หากเป็นเช่นนั้นจริง จะอยู่ที่ฉันทามติของประชาชนว่าจะเห็นควรแก้หรือไม่ ซึ่งไม่ควรเป็นสิ่งที่เอาประเด็นทางการเมืองไปจำกัดการใช้สิทธิ์ของประชาชน ในนามของ กมธ. เราเดินมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็อยากให้จบอย่างมั่นใจ และอยากขอโอกาสให้จบเสียทีในช่วงโอกาสที่เราได้ทำ” นายณัฐวุฒิกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘ไชยชนก’ ถอดบทเรียนมหาอุทกภัยใต้ เดินเครื่องยกระดับระบบเตือนภัยไทยสู่ระดับโลก ใช้ดาวเทียม-AI เพิ่มความแม่นยำ เร่งบูรณาการข้อมูล พร้อมจัดงบฯ ฟื้นเครือข่ายวิทยุสื่อสาร ตามรอยในหลวง ร.9

นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงการถอดบทเรียนจากเหตุการณ์มหาอุทกภัยภาคใต้ และการดำเนินโครงการความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ ระหว่างกรมอุตุนิยมวิทยา กับ Tomorrow.io เพื่อยกระดับระบบการเตือนภัยของประเทศไทย

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.