พปชร.ป่วนทำโพลบีบสส.เลือกข้าง

พปชร.ร้าวอีก "ธรรมนัส" ซุ่มทำโพลวัดความนิยมผู้แทนฯ อึ้ง! ภาคใต้สอบตกระนาว ผ่านแค่ 4 คน ขณะที่ ส.ส.แคลงใจ "ขาใหญ่" มีธงหวังใช้เป็นเครื่องมือกดดันดึงเข้าเป็นพวก แลกกับการถูกส่งลงสมัคร ส.ส.ครั้งหน้าหรือไม่ "ประชาธรรมไทย" ยุบพรรคตามรอย "ไพบูลย์โมเดล" รอควบรวม พปชร. โอดบัตรเลือกตั้ง 2 ใบพรรคเล็กอยู่ลำบาก "วิษณุ" รับไทม์ไลน์ กม.ลูกทำเร็วกว่าเดิมได้ "ปชป." ป่วน! "นิพิฏฐ์" โวยผู้บริหารพรรคหักคอ ส่งทายาท "ตระกูลธรรมเพชร" ชิงเก้าอี้ส.ส.แทนโดยไม่ถามเจ้าตัว ส่วนที่พังงา-ปัตตานี ก็เดือดไม่แพ้กัน

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม มีรายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แจ้งว่า นับตั้งแต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่งตั้ง พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรค เมื่อกลางเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำยุทธศาสตร์การเลือกตั้งครั้งต่อไป และกำลังเตรียมการคัดสรรตัวผู้สมัคร ส.ส.แล้ว โดยในส่วนของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เลขาธิการพรรค และแกนนำในกลุ่ม ได้จัดทำโพลเพื่อประเมินความนิยม ส.ส.ของพรรคในแต่ละภาค โดยมอบหมายหน่วยงานของรัฐแต่ละพื้นที่บางแห่งดำเนินการ อาทิ หน่วยงานด้านการศึกษา และหน่วยงานความมั่นคง

ทั้งนี้ แกนนำในกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส ให้น้ำหนักกับพื้นที่ กทม.และภาคใต้เป็นพิเศษ เนื่องจากมองว่า ส.ส.ในพื้นที่ดังกล่าวได้รับเลือกมาเพราะกระแสของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ใช่ได้เป็นส.ส.เพราะความสามารถและมีฐานเสียงเป็นของตัวเองแต่อย่างใด แตกต่างจากภาคเหนือและอีสาน ที่ ส.ส.ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส ซึ่งถูกมองว่าการได้เป็น ส.ส.ด้วยปัจจัยอื่นที่นอกเหนือจากกระแส พล.อ.ประยุทธ์

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับผลโพลที่ทางพรรคทำในพื้นที่ภาคใต้ จาก ส.ส.ของพรรคทั้งหมด 14 คน ปรากฏว่ามีผู้ที่ผ่านเกณฑ์เพียง 4 คนเท่านั้น ได้แก่ นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ ส.ส.นราธิวาส, นายวัชระ ยาวอหะซัน ส.ส.นราธิวาส, นายวันชัย ปริญญาศิริ ส.ส.สงขลา และนายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช ขณะที่ ส.ส.หลายคนกลับไม่ทราบถึงการจัดทำโพลดังกล่าวด้วยซ้ำ นอกจากนี้ ส.ส.ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ก็ไม่ได้รับคำแนะนำใดๆ ในการเสริมจุดอ่อนของตัวเองแต่อย่างใด

มีรายงานข่าวด้วยว่า ส.ส.บางคนที่ทราบความเคลื่อนไหวของแกนนำพรรคกลุ่มดังกล่าว ต่างตั้งข้อสังเกตถึงเจตนาที่แท้จริงในการทำโพลครั้งนี้ รวมถึงความแม่นยำของการทำโพลลักษณะนี้ว่า วัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการไม่ส่งส.ส.เจ้าของพื้นที่เดิมลงเลือกตั้งในนามพรรคครั้งต่อไปหรือไม่ เนื่องจาก ส.ส. หลายคนไม่ใช่คนในกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส นอกจากนี้ยังมีการตั้งข้อสังเกตอีกว่า การทำโพลดังกล่าวจะถูกใช้เป็นเงื่อนไขกดดันให้ ส.ส.มาขึ้นตรงกับกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัสมากขึ้น แลกกับการถูกส่งลงสมัครในครั้งต่อไปหรือไม่อีกด้วย

ทั้งนี้ ได้มีการเรียกประชุมคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.จะมีการประชุมวันที่ 26 ต.ค. เวลา 16.00 น. ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ คาดมีการนำเรื่องโพลมาหารือ

ส่วนกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไม่สิ้นสมาชิกภาพ ส.ส. หลังพรรคประชาชนปฏิรูป (ปชช.) เลิกกิจการ แล้วไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะกลายเป็นโมเดลให้พรรคเล็กอื่นๆ ทำตามหรือไม่นั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า ตนยังไม่เห็นรายละเอียดทั้งหมด เห็นแต่ตัวย่อที่ออกมา ถ้าทำได้ไม่ผิดคนอื่นก็ทำได้ไม่แปลก แต่ถ้าจะทำตามก็ทำให้เหมือน เพราะถ้าทำไม่เหมือนอาจจะแปลความเป็นคนละอย่างอื่น

"ประชาธรรมไทย" ตามรอย ปชช.

นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร รองเลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวว่า หากมีใครหรือพรรคการเมืองใดอยากมาอยู่กับเราก็เป็นเรื่องดี เพราะแสดงว่าพรรคเล็กสนใจที่จะมาอยู่และทำงานด้วยกัน แต่เวลานี้ยังไม่ทราบรายละเอียดว่าจะมีพรรคใดบ้าง เพราะยังไม่เคยมีการคุยกับพรรคเล็กอื่นๆ ยืนยันเราไม่เคยไปดีลกับใครให้มาสังกัดพรรค พปชร. เนื่องจากเวลานี้เสถียรภาพของพรรค พปชร.และรัฐบาลก็ดีอยู่แล้ว เรามีเสียงมากกว่าฝ่ายค้าน 30-40 เสียง แต่หากใครจะมาร่วมงานก็ต้องมีอุดมการณ์เข้ากันได้ จึงจะมาร่วมกันมากกว่า

ผู้สื่อข่าวถามกรณีนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธรรมไทย ประกาศจะสมัครเป็นสมาชิก พปชร.หลังการยุบพรรคประชาธรรมไทยมีผลทางกฎหมายแล้ว นายไผ่กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี แต่ย้ำว่ายังไม่มีใครไปดีลอย่างที่มีข่าว แต่ถ้าใครจะมาร่วมงานกับเราก็ยินดี

ด้านนายพิเชษฐ สถิรชวาล กล่าวถึงกรณีพรรคเล็กจะพิจารณาควบรวมพรรคใหญ่ตามรอยพรรคประชาชนปฏิรูป ว่า ขณะนี้พรรคประชาธรรมไทยมีมติยุบพรรคไปเรียบร้อยแล้ว และ กกต.อนุมัติการยุบพรรคเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 9 ส.ค.2564 อยู่ระหว่างการรอประกาศเรื่องการยุบพรรคอย่างเป็นทางการในราชกิจจานุเบกษาจะมีผลสมบูรณ์ จากนั้นจะมีเวลา 60 วันไปอยู่พรรคใหม่ โดยจะย้ายไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ ได้พูดคุยตกลงกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคเรียบร้อยแล้ว ทั้ง พล.อ.ประวิตรและ ร.อ.ธรรมนัสบอกว่ายินดีต้อนรับตนเข้าพรรค พปชร.ในฐานะพรรคเล็กที่เคยร่วมรัฐบาลกันมา จะไม่ทิ้งกัน ถ้าจะยุบพรรคและมาควบรวมอยู่ด้วยกันก็ยินดี

นายพิเชษฐกล่าวว่า สาเหตุที่ยุบพรรคประชาธรรมไทยคือ 1.แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงกติกาเลือกตั้งที่ไปใช้บัตร 2 ใบ ทำให้พรรคเล็กไปต่อไม่ได้ 2.นโยบายพรรคประชาธรรมไทยไม่สามารถขับเคลื่อนได้ในหลายเรื่อง จึงต้องอาศัยพรรคใหญ่ขับเคลื่อน 3.กรรมการบริหารพรรคหลายคนลาออก เพราะต้องการไปประกอบธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ที่มีข้อห้ามการเป็นกรรมการบริหารพรรค ยอมรับกติกาบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ทำให้พรรคเล็กอยู่ลำบาก โอกาสยากมากที่พรรคเล็กจะได้คะแนนบัญชีรายชื่อกว่า 3 แสนถึงจะมีโอกาสได้ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน

ด้านนายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทรักธรรม กล่าวว่า พรรคไทรักธรรมยังไม่ยุบพรรคไปรวมพรรคใหญ่ แต่จะเปลี่ยนกลยุทธ์ต่อสู้คือ ตนจะไปลงสมัคร ส.ส.เขตที่ จ.สระบุรีแทน เพราะมีโอกาสได้เป็น ส.ส.มากกว่าส.ส.บัญชีรายชื่อที่ต้องได้คะแนนขั้นต่ำ 3.5 แสนคะแนน การเลือกตั้งสมัยหน้าพรรคไทรักธรรมจะส่ง ส.ส.จำนวนจำกัด คงส่ง ส.ส.เขตแค่ 10 เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อแค่ 2-3 คนเท่านั้น

ไทม์ไลน์ กม.ลูกทำเร็วได้

นายวิษณุ เครืองาม กล่าวถึงการเสนอไทม์ไลน์การร่างกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้งต่อที่ประชุม ครม.ที่จะมีผลบังคับใช้ในเดือน ก.ค. ที่พรรคการเมืองออกมาระบุสามารถทำให้เร็วกว่านั้นได้ว่า ระยะเวลาที่ตนแจ้งต่อ ครม.เป็นการคิดให้เต็มที่ทุกอย่างทั้งหมด ซึ่งอาจจะสั้นลงกว่านั้นได้ อย่างระยะเวลาการทูลเกล้าฯ ถวายกฎหมาย ต้องคิดให้เต็มไว้ก่อน เพราะไม่รู้ว่าลงเมื่อใด แต่ที่รู้คือการเสนอกฎหมายลูกต่อสภา ซึ่งมีการกำหนดไว้ว่าเมื่อสภาพิจารณาแล้วเสร็จต้องส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดูใน 15 วัน แล้วต้องส่งกลับสภาภายใน 10 วันเพื่อพิจารณาต่อ ขั้นตอนเหล่านี้ที่พรรคการเมืองบอกทำเร็วได้นั้น สามารถทำได้โดยการย่นเวลาเหล่านี้ ส่วนเรื่องคนจะไล่รัฐบาลหรือพรรคการเมืองจะคิดอย่างไร ไม่เกี่ยวกับไทม์ไลน์ที่ตนเสนอต่อ ครม.

นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร กล่าวว่า ที่มองหากเป็นไปตามไทม์ไลน์ดังกล่าวอาจจะมีการกดดันให้นายกฯ ยุบสภา อย่าเพิ่งไปพูดอะไรตอนนี้ ยังไกลไป วันนี้เรายังลงพื้นที่ทำงาน ส่วนใครจะมองว่าการลงพื้นที่เพื่อเตรียมการเลือกตั้งก็แล้วแต่มุมมอง แต่ไม่ใช่เฉพาะแค่พรรค พปชร. เพราะทุกพรรคการเมืองก็ลงพื้นที่เตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชนทั้งนั้น อยากให้มองว่าแข่งกันทำงานมากกว่า

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์กำชับให้ ส.ส.พรรครัฐบาลร่วมโหวตกฎหมายในการประชุมสมัยหน้าว่า ไม่มีปัญหา เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีความรับผิดชอบอยู่แล้ว และเราทราบดีว่าการเมืองประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราต้องทำหน้าที่ในสภาอย่างไรบ้าง และเสียงในสภามีความสำคัญต่อเสถียรภาพรัฐบาลอย่างไร ท่านนายกฯ จะกำชับหรือไม่ เราทำหน้าที่อยู่แล้ว ส่วนที่เกิดกรณีสภาล่มหลายครั้ง ขึ้นอยู่กับแต่ละกรณี ซึ่งเป็นหน้าที่ของวิปรัฐบาลที่จะเป็นผู้ดำเนินการ

ที่ จ.พัทลุง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ปชป. พร้อมด้วยนายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง, นายสุพัฒน์ ธรรมเพชร อดีต ส.ส.พัทลุง, น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร เลขานุการ รมช.สาธารณสุข พร้อมคณะ พบผู้นำทางศาสนาอิสลาม ดร.อะห์มัด อิสัน ประธานกรรมการสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดพัทลุง และรองประธานสมาพันธ์กรรมการอิสลาม 15 จังหวัดภาคใต้

ภายหลังนายจุรินทร์ให้สัมภาษณ์ถึงการวางตัวอดีต ส.ส.ของพรรคเป็นผู้สมัครในการเลือกตั้งว่า สำหรับอดีต ส.ส.นั้น ถือหลักว่าพรรคจะสนับสนุนให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่การพิจารณานั้นต้องดูความประพฤติทางการเมืองประกอบด้วย ซึ่งผู้บริหารจะต้องเป็นผู้ตัดสินใจตามขั้นตอนกระบวนการต่อไป

"นิพิฏฐ์" โวยโดนหักคอ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจุรินทร์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. กำลังอยู่ระหว่างออนทัวร์จังหวัดสตูล จังหวัดพัทลุง และจังหวัดตรัง โดยเมื่อคืนของวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา พรรคได้แจ้งข่าวผ่านไลน์กลุ่ม ส.ส.ภาคใต้ให้มาร่วมรับประทานอาหารค่ำที่โรงแรมกับหัวหน้าพรรค ตอนหนึ่งนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคและ รมช.มหาดไทย หารือถึงการวางตัวผู้สมัคร ส.ส.พัทลุง ว่าในเขต 1 จะส่ง น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร อดีต ส.ส.พัทลุงลง, เขต 3 ส่งนายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง ลงในเขตเดิม ส่วนเขต 2 พื้นที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ที่จะไม่ลงสมัคร ส.ส.แล้ว ได้ปรึกษา น.ส.สุพัชรีกับนายนริศ แล้วเห็นตรงกันว่าจะส่งนายนิติศักดิ์ ธรรมเพชร ลูกชายของนายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พัทลุงลงแทน ทำให้นายนิพิฏฐ์พูดขึ้นมาในที่ประชุมว่า พรรคประชาธิปัตย์ยุคนี้ไม่ถาม ส.ส.เจ้าของเขตเก่าตามธรรมเนียมปฏิบัติก่อนหรือว่ามีคนที่จะส่งแทนหรือไม่ ทำไมจึงรวบรัดตัดตอน จนเป็นเหตุให้นายนิพิฏฐ์โพสต์ข้อความในช่วงเช้าวันที่ 21 ต.ค. ตัดพ้อถึงการไม่ให้เกียรติ และการสูญเสียนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายกรณ์ จาติกวณิชไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากปัญหาจัดวางตัวผู้สมัคร ส.ส.ในจังหวัดพัทลุงแล้ว ยังมีปัญหาเกิดขึ้นที่จังหวัดพังงาด้วย หากการเลือกตั้งครั้งหน้าจะใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จังหวัดพังงาจะมีเขตเลือกตั้งเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งเขต จากเดิมเขต 1 มีนางกันตวรรณ ตันเถียร ส.ส.พังงา เดิมลงอยู่แล้ว เขต 2 ที่เพิ่มขึ้น นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค ปชป. มีความประสงค์จะขอลงในเขตดังกล่าว เพราะพื้นเพเป็นคนพังงา แต่ปรากฏว่านายจุรินทร์จะให้การสนับสนุนนายบำรุง ปิยนามวาณิช (โกหลี่) อดีตนายก อบจ.พังงา ให้ลงในเขตนี้ และให้นายราเมศไปเลือกลงสมัคร ส.ส.ในพื้นที่เขตกรุงเทพมหานครแทน โดยอยู่ระหว่างที่นายราเมศตัดสินใจ

นอกจากนี้ ยังมีปัญหากรณีนายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี ที่เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการออนทัวร์ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของนายจุรินทร์ และนายนิพนธ์ได้เชิญกลุ่มอดีต ส.ส. กลุ่มผู้เสนอตัวขอลงสมัคร ส.ส. รวมถึงคนที่เสนอตัวจะลงแข่งกับนายอันวาร์ไปพบ ยกเว้นนายอันวาร์เพียงคนเดียวที่ไม่ได้พบปะหารือผู้บริหารพรรค ซึ่งผิดปกติวิสัยที่จะต้องมีการหารือกับ ส.ส.พื้นที่ เพื่อรับฟังปัญหาของประชาชนในจังหวัดนั้นๆ แม้กระทั่งในงานพบสมาคมประมงปัตตานี ก็ไม่ได้การเตรียมที่นั่งไว้ให้นายอันวาร์ ในฐานะที่เป็น ส.ส.เจ้าของพื้นที่ แต่กลับมีที่นั่งให้ผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ ส.ส.ในพรรคที่ทราบเรื่องต่างวิพากษ์วิจารณ์มากว่า สะท้อนถึงผู้บริหารพรรค ปชป.ยุคนี้จะสนับสนุนเพียงแค่คนของตัวเอง ส่วนคนที่คุมไม่ได้หรือไม่ใช่พรรคพวกตัวเอง มีความพยายามสร้างแรงกดดันจนทำให้ต้องออกจากพรรคไป

ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 นายสุพล หมื่นศรีพรหม อดีตสหายธวัชชัย ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) ประธานผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยแห่งประเทศไทย นายบุญมี ป้อพระลัพ อดีตสหาย ส.พนม รองประธานผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยแห่งประเทศไทย และนายอภัย ปลายไทยสงค์ อดีตสหายพุ่ง รองประธานผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยตัวแทน "ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย" (ผรท.) จำนวนหนึ่ง เดินทางมายื่นหนังสือกับนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ครบวาระและอยู่ต่ออีก 1 สมัย

โดยนายสุพลกล่าวว่า จะขอร้องและสนับสนุนท่านดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีให้ครบวาระ และอยู่ต่ออีก 1 สมัย เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนคนไทยอย่างแท้จริง ไม่โกงกินบ้านเมืองเหมือนกับนักการเมืองที่ผ่านๆ มา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง