530ล.ฟื้นหาดใหญ่ คลอดแพ็กเกจอุ้มSMEพยุงศก. ท่วมใต้พุ่ง267ศพ/แป้นไม่ออก

นายกฯ แทงกั๊กค่าปลงศพนอกพื้นที่  พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โยนถาม “เอกนิติ” งบพอหรือไม่หรือต้องกู้เงิน “ครม.” อนุมัติงบกลางให้ชาวหาดใหญ่ค่าทำศพรายละ 2 ล้าน พร้อมแจก อบจ.สงขลาอีก 530 ล้านบาท ไฟเขียวแพ็กเกจใหญ่ช่วย SME วงเงิน 3.27 แสนล้าน เติมเสริมสภาพคล่อง-ลดต้นทุน “คลัง” ประเมินน้ำท่วมใต้กระทบจีดีพี 0.1% มั่นใจไตรมาส 4 ปีนี้จีดีพียังโตได้ถึง 0.6% “สธ.” แจงยอดสังเวยอุทกภัยใต้ 8 จังหวัด 267 ราย เฉพาะหาดใหญ่ 142 ราย “พัฒนา” ยันมีใบมรณบัตรยืนยัน “นายกแป้น” เปิดใจทำงานต่อจนกว่าฟื้นฟูสำเร็จ “ลิซ่า” ฝากการบ้าน ศป.กฉ. จี้เพิ่มเงินเยียวยามากกว่า 9 พัน

เมื่อวันอังคารที่ 2 ธันวาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตอบคำถามเรื่องเงินเยียวยา 2  ล้านบาท จะมีการขยายออกไปนอกพื้นที่ที่ไม่ได้ประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือไม่ ว่าการเยียวยาไม่ใช่เฉพาะในพื้นที่ที่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เราเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้  

ถามย้ำว่า ผู้เสียชีวิตนอกพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จะไม่ได้เงิน 2 ล้านบาทใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า มันมีหลายประเภท ขอไปตรวจสอบก่อน มันมีกฎเกณฑ์อยู่ แต่ในรายละเอียดก็พยายามให้ อย่างผู้ป่วยติดเตียง เดี๋ยวขอไปเช็กก่อน

เมื่อถามว่า ต้องใช้ พ.ร.ก.กู้เงินมาใช้ในเรื่องเยียวยาหรือไม่ นายกฯ ชี้นิ้วไปทางนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.การคลัง  พร้อมกล่าวว่า ถามท่าน ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่ากรณีที่เงินเยียวยาไม่พอต้องออกเป็น พ.ร.ก.กู้เงินหรือไม่  นายเอกนิติโบกมือ ส่ายศีรษะ ไม่ตอบคำถามดังกล่าว ก่อนนายกฯ และนายเอกนิติจะเดินไปประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)

ทั้งนี้ ก่อนประชุม ครม. นายอนุทินได้ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุว่า จะมี 3 กิจกรรมที่จะดําเนินการทันที คือ 1.ลดค่าครองชีพประชาชน โดยจะมีสินค้าจำเป็นลดสูงสุดกว่า 50% ร่วมกับผู้ผลิตสินค้า 16 ราย รวมถึงห้างค้าปลีก-ค้าส่ง รายใหญ่ 8 ราย 2.ลดภาระค่าซ่อมแซมบ้านเรือน วัสดุก่อสร้างลดสูงสุด 88% ได้รับความร่วมมือจากห้างวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ 6 ราย และ 3.ลดภาระซ่อมแซมยานพาหนะ บริการศูนย์รถยนต์ลดสูงสุด 18% ได้รับความร่วมมือจากศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจร

ในวลา 09.30 น. นายอนุทินได้หารือกับนายโอตากะ มาซาโตะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ในโอกาสรับมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์เพื่อความช่วยเหลือฉุกเฉินแก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้จากรัฐบาลญี่ปุ่น ผ่านองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจก้า) ประกอบด้วย เต็นท์ขนาดใหญ่ 150 หลัง, แผ่นรองนอน 3,000 ผืน, ผ้าห่ม 3,000 ผืน, ผ้าพลาสติกกันน้ำ 150 ผืน, ถังน้ำพลาสติก 500 ใบ สำหรับเก็บน้ำสะอาด และเครื่องกรองน้ำ 20 เครื่อง ผลิตน้ำสะอาดได้นาทีละ 4 ลิตร ช่วยแก้ปัญหาน้ำดื่มสะอาดในพื้นที่ มูลค่ารวมประมาณ 7,100,000  บาท โดยทั้งหมดจะถูกนำส่งมอบไปยังศูนย์อำนวยการช่วยเหลือเครือข่ายวายุภักษ์ กระทรวงการคลัง  เพื่อดำเนินการแจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่หาดใหญ่ต่อไป

หัวหน้าสำนักงานไจก้ากล่าวว่า ไทยและญี่ปุ่นต่างเคยช่วยเหลือกันในยามวิกฤตมาโดยตลอด  เช่น ความช่วยเหลือของไทยต่อญี่ปุ่นในช่วงเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่คุมาโมโตะ และเหตุการณ์แผ่นดินไหว- สึนามิในโทโฮคุ ขณะที่ญี่ปุ่นก็เคยให้การสนับสนุนไทยในเหตุการณ์สึนามิปี 2547 และอุทกภัยใหญ่ปี 2554 ซึ่งตอกย้ำว่าเมื่อเพื่อนประสบปัญหาเราจะช่วยเหลือกันเสมอ

“น้ำใจไมตรีจากประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้จะอยู่ในความทรงจำของพี่น้องประชาชนชาวไทย และสะท้อนถึงความพร้อมของทั้งสองประเทศในการยื่นมือช่วยเหลือกันในทุกสถานการณ์อย่างแท้จริง”  นายอนุทินกล่าว

ยังกั๊กตั้งเลขาฯ สทนช.

ขณะที่ นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกฯ  กล่าวถึงการพิจารณาแต่งตั้งเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่ง ชาติ (สทนช.) ว่ายังไม่มีข้อมูล ยังไม่รู้ ว่าจะตั้งใคร

เมื่อถามว่า ท่ามกลางสถานการณ์ปัญหาน้ำ  ควรรีบพิจารณาแต่งตั้งบุคคลเข้ามาทำงานหรือไม่  นายโสภณกล่าวว่า ต้องรีบ แม้สถานการณ์น้ำขณะนี้ลดลงแล้ว ตอนนี้ไปอยู่ที่การเยียวยาและเร่งฟื้นฟู ซึ่งในอนาคตต้องวางแผนระยะยาว สทนช.ต้องหาคนที่มีความรู้ความสามารถมาทำงาน แต่ตอนนี้ยังไม่มีชื่อ

นายสิริพงศ์แถลงผลประชุม ครม.ว่า นายอนุทินมีข้อสั่งการกรณีอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเร่งด่วนที่สุด ทั้งเรื่องประปา ไฟฟ้า และอินเทอร์เน็ต ฟื้นสภาพให้กลับมาเร็วที่สุด พร้อมให้แนวทางในการทำกรอบงบประมาณปี 2570 โดยนายกฯ มีข้อสังเกตว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลใช้เงินจำนวนมากกับการเยียวยาสถานการณ์และบรรเทาปัญหาภัยพิบัติ นายกฯ จึงให้แนวทางในการทำแผนงบประมาณปี 2570 ในภาพรวมคำนึงถึงสภาพแวดล้อม การออกแบบถนน ทางรถไฟ ต้องคำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศและการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมด้วย เช่น การทำถนนไปขวางทางน้ำ ต้องไปเสริมจุดระบายน้ำต่างๆ ให้เพียงพอ และอยากให้ลงทุนเรื่องระบบการป้องกันบรรเทาสาธารณภัยต่างๆ มากกว่าการเยียวยาในตอนท้าย

นายสิริพงศ์กล่าวอีกว่า ครม.เห็นชอบหลักเกณฑ์และอัตราค่าปลงศพผู้ประสบอุทกภัยพื้นที่จังหวัดสงขลา และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 งบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อจ่ายค่าปลงศพผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดสงขลา โดยเห็นชอบหลักการจ่ายค่าปลงศพศพละ 2 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 1 ล้านบาท จากกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี และงบกลาง 1 ล้านบาท นอกจากนั้น ครม.เห็นชอบอนุมัติงบกลาง ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา วงเงิน 530 ล้านบาท  สำหรับฟื้นฟูสภาพชีวิตความเป็นอยู่ในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่

ถามว่า ผู้เสียชีวิตจังหวัดอื่นในภาคใต้จะได้รับเยียวยา 2 ล้านบาทด้วยหรือไม่ นายสิริพงศ์กล่าวว่า ครม.พิจารณาเฉพาะพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดสงขลาเท่านั้น ยังไม่ได้พูดคุยกรณีจังหวัดอื่น ซึ่งจะพูดคุยในอนาคตอันใกล้นี้

นายสิริพงศ์ยังแถลงว่า ครม.เห็นชอบมาตรการด้านการเงินเพื่อช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย 3 นโยบาย คือ 1.นโยบายพักเงินต้น ยกดอกเบี้ยให้ผู้ประสบภัยทางภาคใต้ 1 ล้านบาท โดยพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 1 ปี 2.โครงการสินเชื่อเพื่อเยียวยาผู้ประสบภัยภาคใต้ในลักษณะการปล่อยสินเชื่อเพื่อให้ผู้ประสบภัยภาคใต้กู้เงินได้ 1 แสนบาท ปลอดดอกเบี้ย 1 ปี ระยะสัญญา 3 ปี และ 3.สินเชื่อเพื่อฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้สำหรับกู้ยืมเพื่อซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัยสามารถกู้ได้ 1 แสนบาท ระยะปลอดดอกเบี้ย 1 ปี อายุสัญญา 3 ปี ส่วนสินเชื่อฟื้นฟูธุรกิจ SME จำนวน 1 ล้านบาท จะเข้าที่ ครม.สัปดาห์หน้า

ขณะที่ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก โฆษกศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.)  แถลงข่าวการเยียวยาและฟื้นฟู โดยเฉพาะการโอนเงินเยียวยา 9,000 บาท ว่าเมื่อวานนี้เป็นวันแรกที่มีการโอนรอบแรก 2.6 หมื่นครัวเรือน กว่า 239 ล้านบาท โอนเงินสำเร็จ 25,809 ครัวเรือน คิดเป็นเงิน 233 ล้านบาท มี 650 ครัวเรือนที่โอนเงินไม่สำเร็จ เนื่องจากผู้ประสบภัยไม่ได้ผูกเลขบัญชีกับพร้อมเพย์ จึงเร่งแจ้งเรื่องให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประสบภัยเปิดบัญชีและผูกกับพร้อมเพย์ด้วย ส่วน 41 ครัวเรือนที่ไม่สามารถโอนได้ เนื่องจากบัญชีไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นระยะเวลานาน แต่ไม่ต้องกังวล เพราะกระทรวงมหาดไทยจะโอนให้ในรอบถัดไป

เชื่อเดินตามเป้า

 “วันนี้ตั้งเป้าโอนให้ 97,466 ครัวเรือน วงเงิน 877 ล้านบาท ใน 4 จังหวัด เช่น สงขลา สตูล นราธิวาส และปัตตานี”

น.ส.รัชดายังกล่าวถึงการจัดการขยะในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ ว่ามีการบูรณาการทำงานโดยทหาร จะแบ่งพื้นที่เป็น 4 โซน จะดูแลในพื้นที่สาธารณะ  ขณะที่ อบจ.ก็จะดูแลพื้นที่เป็นซอยเล็กและซอยย่อย คาดว่าในช่วง 7 วันหลังจากนี้การจัดเก็บขยะจะคืบหน้าไปมาก และสำเร็จลุล่วงภายใน 14 วันตามเป้า ส่วนเรื่องไฟฟ้าและประปาในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ คาดว่าจะกลับมาใช้ได้ 100% ในช่วงเย็นของวันนี้

ส่วนนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.การคลัง ระบุว่า ครม.มีมติเห็นชอบมาตรการ “Quick Big Win เพื่อ SMEs ไทย” ตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) เพื่อเร่งพยุงฐานเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นในช่วงที่สินเชื่อชะลอตัว ภายใต้หลัก “กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว” โดยเม็ดเงินช่วยเหลือรวมทั้งแพ็กเกจด้านการเงินและมาตรการภาษีรวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น 327,000 ล้านบาท ประกอบด้วยมาตรการด้านการเงิน 267,000 ล้านบาท และเงินคืนภาษีให้กับ SMEs จากกรมสรรพากรกว่า 60,000 ล้านบาท

“มาตรการแรกเป็นมาตรการด้านการเงินเสริมสภาพคล่องและลดต้นทุนให้กับเอสเอ็มอี ประกอบด้วย การเสริมสภาพคล่อง ลดต้นทุน วงเงินรวม 267,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อ 217,000 ล้านบาท และค้ำประกันสินเชื่อ 50,000 ล้านบาท,  มาตรการที่ 2 เป็นมาตรการภาษี กรมสรรพากรมีเงินค้างคืนเอสเอ็มอีจะคืนเงินทั้งหมด 60,000 ล้านบาท เข้าสู่ระบบภายในเดือน ธ.ค.นี้ ให้เอสเอ็มอีที่มีรายได้ต่ำกว่า 500 ล้านบาท และมาตรการที่ 3 เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ เพื่อทำให้ธุรกิจเอสเอ็มอี เติบโตได้อย่างยั่งยืน ทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น ดำเนินธุรกิจได้ดีขึ้น โดยใช้มาตรการภาษีของกรมสรรพากร ให้บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ช่วยหักลดหย่อนภาษี มาตรการทั้งหมดนี้จะช่วยกระตุ้นสั้นด้วยเงินเข้าสู่ระบบ พร้อมกระจายตัวให้เอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อมากกว่า 107,000 ราย และในเชิงโครงสร้างจะได้ผลยาว โดยช่วยให้เศรษฐกิจไทยปี 2569 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.36 % ถือเป็นแรงส่งสำคัญให้ภาคธุรกิจกลับมาเดินได้เต็มกำลัง”

นายเอกนิติกล่าวว่า ผลกระทบของอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้กระทบกับเศรษฐกิจตามการประเมินของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) อยู่ที่ 0.1% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี)  ทั้งหมด โดยผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เทียบกับจีดีพีทั้งประเทศที่มี 20 ล้านล้านบาทนั้นไม่ได้ใหญ่มาก แต่กระทบกับชีวิตประชาชนมาก โดยมาตรการต่างๆ ที่ลงไปได้พยายามทำให้เศรษฐกิจฟื้นมาโดยเร็วที่สุด ส่วนหลังจากนี้ต้องมีการถอดบทเรียน เพื่อวางแผนป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นในระยะยาว โดยภาพใหญ่ของจีดีพีของไทยในไตรมาสที่ 4 คาดว่าจะไม่กระทบมาก คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวได้ประมาณ 0.6% หรือสูงกว่า ใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)

ถามว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลยังจะมีการใช้การกระตุ้นผ่านมาตรการคนละครึ่งเฟส 2  หรือไม่ นายเอกนิติกล่าวว่า ขณะนี้นายกฯ ยังให้นโยบายให้กระทรวงการคลังไปศึกษาความเป็นไปได้ของการทำนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใช้มาตรการคนละครึ่งเฟส 2 ควบคู่ไปกับการเยียวยาและฟื้นฟูอุทกภัยภาคใต้

ด้าน นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และโฆษก สธ. แถลงว่า สถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ภาคใต้ส่งผลกระทบต่อสถานบริการของ สธ.ใน 9 จังหวัด และจากการประเมินความเสียหายเบื้องต้น พบมีมูลค่า 1,101.972 ล้านบาท แบ่งเป็น สิ่งก่อสร้าง 759.152 ล้านบาท, ครุภัณฑ์ 371.006 ล้านบาท และวัสดุ 5 ล้านบาท เฉพาะ รพ.หาดใหญ่ เสียหายสูงถึง 930 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างทีมผู้เชี่ยวชาญประเมินโดยละเอียด

นพ.เอกชัยยังกล่าวถึงตัวเลขผู้เสียชีวิตว่า  ข้อมูลวันที่ 2 ธ.ค. มีทั้งสิ้น 267 ราย แบ่งเป็นจังหวัดสงขลา ผู้เสียชีวิต 229 ราย และแยกเฉพาะ อ.หาดใหญ่ มีผู้เสียชีวิต 142 ราย ส่วนอีก 7 จังหวัด มีรายงานผู้เสียชีวิตที่ จ.นครศรีธรรมราช 10 ราย, ตรัง 3 ราย, พัทลุง 4 ราย, สตูล 3 ราย, ปัตตานี 9 ราย, ยะลา 5 ราย และนราธิวาส 4 ราย

นพ.เอกชัยยังระบุว่า สธ.ได้จัดทีมแพทย์เดินเท้าออกเคาะประตูบ้านตามชุมชนต่างๆ และทีมสุขภาพจิตได้ปรับแผนเชิงรุกทำให้ติดตามประเมินสุขภาพจิตได้เพิ่มขึ้น โดยการพบปะรวม 7,340 ราย ในจำนวนนี้พบเครียดสูง 269 ราย เสี่ยงฆ่าตัวตาย 65 ราย และส่งต่อ 126 ราย

ดูที่ใบมรณบัตร

ขณะที่ นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รมว.สธ. กล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ออกมาโต้แย้งถึงตัวเลขผู้เสียชีวิตว่าอยู่ที่หลักพัน ว่าท่านจะเชื่อก็เชื่อไป แต่ข้อมูลของ สธ.คือข้อเท็จจริง ในขณะที่ตู้เก็บร่างผู้เสียชีวิตที่มีจำนวนมาก เนื่องจากเมื่อรับร่างผู้เสียชีวิตมาแล้วก็จะจำแนก  โดยรับร่างเมื่อแรกเข้าจะเก็บไว้อีกส่วนหนึ่ง และหลังชันสูตรแล้วเสร็จก็จะเป็นตู้อีกส่วนหนึ่ง จึงทำให้ดูว่ามีจำนวนผู้เสียชีวิตมาก ทั้งนี้ สามารถพิสูจน์ได้ เนื่องจากจะมีใบมรณบัตรและญาติผู้เสียชีวิตก็เป็นพยานได้

 “สุดท้ายแล้วจำนวนผู้เสียชีวิตก็จะชี้วัดตามใบมรณบัตร” นายพัฒนาย้ำ

น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ซึ่งประจำการอยู่ที่สงขลา กล่าวว่า มี 5 เรื่องสำคัญที่รัฐโดยเฉพาะ ศป.กฉ.ต้องเร่งลงมือทำให้ได้ภายใน 7 วัน คือ 1.สั่งปูพรมภารกิจบิ๊กคลีนนิงทั้งเมือง อย่าทำแบบกระจัดกระจายเพื่อเปิดเมืองรับปีใหม่ 2.ปัญหารถจมน้ำ ทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ เป็นวิกฤตขนส่งในเมืองหาดใหญ่ รัฐต้องจัดรถโดยสารสาธารณะวิ่งวนรับ-ส่งฟรี ในเขตเมืองและเชื่อมต่ออำเภอใกล้เคียงทันที 3.รื้อระบบเยียวยา จ่ายไว จ่ายจริง เลิกพิสูจน์ความจน ยกเลิกขั้นตอนยิบย่อยทั้งหมด ให้นำเทคโนโลยีมาใช้ และต้องเพิ่มเงินเยียวยา 9,000 บาทไม่พอ ต้องเพิ่มค่าล้างบ้าน 10,000 บาท + ค่าเครื่องมือทำกิน 12,000 บาท หรือมากกว่านั้น

4.ฟื้นฟูสาธารณสุข และสังคายนาข้อมูลผู้เสียชีวิตเร่งด่วนที่สุด ซ่อม รพ.หาดใหญ่ และ รพ.สต. ต้องกลับมาให้ใช้งานได้ให้เร็วที่สุด ปูพรมให้กรมสุขภาพจิต สั่งให้หน่วย MCATT ลงพื้นที่แบบเชิงรุก และ 5.ข้อสำคัญที่สุดหยุดตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ นายก อบจ.สงขลา และผู้มีอำนาจ เงินเป็นพันๆ   ล้าน เวลานี้การเอาแต่สร้างถนนอย่างเดียวไม่ใช่เรื่องหลักและเร่งด่วน แต่ชีวิตคนสำคัญที่สุด เอาเงินมาอัดฉีดซ่อมโรงเรียน ซ่อมโรงพยาบาล ซ่อมวัดและซ่อมมัสยิดให้กลับมาใช้งานได้

วันเดียวกัน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ออกแถลงการณ์ขอให้รัฐบาลเร่งสำรวจและเยียวยาความเสียหายจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ และถอดบทเรียนจัดทำแผนรับมือภัยพิบัติ โดยในระยะเร่งด่วน กสม.ขอให้รัฐบาลฟื้นฟูเยียวยาผลกระทบหลังน้ำลด โดยเร่งสำรวจความเสียหายและออกหนังสือรับรองผู้ประสบภัย เยียวยาความเสียหายอย่างรวดเร็ว ครอบคลุม เป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ ส่วนในระยะยาว ให้ถอดบทเรียนการบริหารจัดการภัยพิบัติพร้อมจัดทำแผนป้องกันภัยที่มีประสิทธิภาพ โดย กสม.จะมีข้อเสนอแนะเรื่องการบริหารจัดการน้ำและภัยพิบัติท่ามกลางวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเสนอไปยังรัฐบาลต่อไป

นายกแป้นลั่นตั้งใจทำงาน

ส่วนความเคลื่อนไหวในพื้นที่นั้น นายณรงค์พร ณ พัทลุง หรือนายกแป้น นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ กล่าวว่า ได้ปรับแนวทางการลงทะเบียนรับเงินเยียวยา 9,000 บาท หลังเกิดความวุ่นวายในการลงทะเบียน เนื่องจากมีประชาชนแห่เดินทางมาลงทะเบียนจำนวนมาก โดยวันนี้มีผู้มาลงทะเบียนแล้วหลายหมื่นคน และในคืนนี้จะทำการคีย์เข้าระบบให้ได้ไม่น้อยกว่า 10,000 คน โดยผู้ที่มาลงทะเบียนที่สำนักงานเทศบาลนั้น ใช้บัตรประชาชนใบเดียวก็ดำเนินการได้ โดยเทศบาลนครหาดใหญ่ได้ขยายเวลาให้ลงทะเบียนรับเงินเยียวยา 9,000 บาท ไปจนถึงสิ้นเดือนนี้ จากเดิมที่ ปภ.กำหนดให้ลงทะเบียน 1-5 ธ.ค.

ถามถึงประเด็นถูกโจมตีเรื่องการทำงานทั้งในเรื่องการเตือนภัยและการบริหารจัดการในเรื่องของการช่วยเหลือประชาชนล่าช้า นายณรงค์พรระบุว่า  ยังตั้งใจที่จะทำงานตามหน้าที่ให้ดีที่สุด ส่วนคำเรียกร้องให้ลาออก รวมถึงการขับไล่ให้พ้นจากตำแหน่งนั้น ก็ต้องทน เพราะทำงานผิดพลาดไป   ยืนยันที่จะปฏิบัติหน้าที่โดยเฉพาะในเรื่องของการฟื้นฟูเทศบาลนครหาดใหญ่ให้กลับสู่สภาพเดิมโดยเร็วที่สุด

“ยืนยันที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ส่วนในประเด็นการจะลาออกก่อนหรือไม่นั้น ก็ต้องทำงาน โดยเฉพาะในเรื่องของการฟื้นฟูเมืองหาดใหญ่ให้เสร็จก่อน ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วน ทุกหน่วยงาน ทุกองค์กร ที่ร่วมกันช่วยหาดใหญ่ ช่วยคนหาดใหญ่ และเป็นห่วงเมืองหาดใหญ่ รวมถึงคนหาดใหญ่ ต้องขอขอบคุณอย่างมาก”

ภายหลังการประชุม ครม. ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายอนุทินว่าเห็นด้วยกับนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) ที่ไล่นายณรงค์พรออกจากตำแหน่งหรือไม่ โดยนายกฯ หัวเราะในลำคอ และปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว ก่อนเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที

ส่วนในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่หลังน้ำลดนั้น ยังคงมีปัญหาหนักหน่วง โดยเฉพาะการจัดการขยะจำนวนมหาศาลที่ถูกพัดพาและถูกนำมาทิ้งชั่วคราวบริเวณแยกสะพานดำ ซึ่งเป็นจุดพักขยะชั่วคราวของเทศบาลนครหาดใหญ่ โดยเจ้าหน้าที่ต้องระดมรถแบ็กโฮและรถตักจำนวนหลายคันเข้าดำเนินการตลอดทั้งวันเพื่อบริหารจัดการกองขยะ

ขณะที่ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้ทีม มท.รับผิดชอบพื้นที่ฟื้นฟูนครหาดใหญ่โซนที่ 3 ตั้งแต่ถนนทางหลวงชนบท 2029 ถึงคลองอู่ตะเภา ระยะทาง 8.5 กิโลเมตร ซอยย่อยทั้งหมด รวมระยะทาง 55  กิโลเมตร และจัดทำแผนที่โซนแบบละเอียด

 “ให้เจ้าหน้าที่และกำลังพลปฏิบัติงานในลักษณะผลัดเวรสลับกันทำงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยเน้นการปฏิบัติงานในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สามารถเข้าปฏิบัติงานอย่างสะดวกกว่ากลางวัน”

 ในด้านการจัดการขยะ ได้จัดเตรียมพื้นที่รองรับปริมาณขยะ อาทิ แยกสะพานดำ รองรับได้ 20,000 ตัน และบริเวณหลังบ้านพักนายอําเภอและกองร้อยอาสารักษาดินแดนหาดใหญ่ที่ 4 รองรับได้ 40,000 ตัน โดยเทศบาลนครหาดใหญ่และภาคีเครือข่ายจะได้ขนย้ายไปกำจัดที่โรงไฟฟ้าเกาะแต้วอย่างเต็มศักยภาพ

พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ห่วงเรื่องการจัดการจราจรในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ หลังน้ำท่วมคลี่คลาย โดยเฉพาะการเปิดเส้นทางจราจรสำหรับรถฉุกเฉิน จึงได้สั่งให้ระดมรถยก 40 คัน พร้อมพลขับ จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางไปช่วยเสริมทัพตำรวจภูธรภาค 9  ในภารกิจเปิดเส้นทางการจราจรที่เมืองหาดใหญ่ ซึ่ง สภ.เมืองหาดใหญ่สำรวจเส้นทางต่างๆ ทั่วเมืองหาดใหญ่ พบว่ามีรถที่จอดขวางและรถที่ถูกกระแสน้ำพัดพายังจอดกีดขวางการจราจรกว่า 2,000 คัน  ที่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายเพื่อเปิดเส้นทางการจราจร.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน

'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง