กกต.ประกาศ400เขตเลือกตั้ง

ราชกิจจาฯ ประกาศจำนวน สส.แบ่งเขตทั่วประเทศ กรุงเทพฯ ครองแชมป์ 33  เขต โคราช 16 เขต การเมืองคึกคาดยุบสภาตามไทม์ไลน์ “เพื่อไทย” ไร้วี่แววเปิดซักฟอกรัฐบาล  หวั่น รธน.ล่ม ขณะที่ร่างแก้ รธน.จ่อเข้าวาระ 2 กมธ.เชื่อผ่านฉลุย "พิพัฒน์" เมินโพลกระแส ปชป.ภาคใต้แซง ภท. มั่นใจฐานเสียงยังดี ครม.เลื่อนชั้นรองผู้ว่าฯ เป็น 18 ผวจ.-2 ผู้ตรวจราชการ

 เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ราชกิจจานุเบกษาออกประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่องจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัดจะพึงมี  โดยมีเนื้อหาว่า ด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  พ.ศ.2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ได้บัญญัติให้มีการกำหนดจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี และจำนวนเขตเลือกตั้ง

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 86 และมาตรา 224 (1) ของรัฐธรรมนูญ และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และที่แก้ไขเพิ่มเติม และมาตรา 22 (2)  แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 ประกอบข้อ 43 ของระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง  ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2566 และประกาศสำนักทะเบียนกลาง เรื่อง จำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร ตามหลักฐานการทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธ.ค.2567 ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 24 ม.ค.2568 คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงออกประกาศให้ทราบเกี่ยวกับจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ที่แต่ละจังหวัดจะพึงมี และจำนวนเขตเลือกตั้ง ดังนี้

1.จำนวนราษฎรสัญชาติไทยทั่วราชอาณาจักร ณ วันที่ 31 ธ.ค.2567 มีจำนวน 64,953,661 คน 2.จำนวนราษฎรโดยเฉลี่ย 162,384 คน ต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหนึ่งคน 3.จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัด มีดังนี้

จังหวัดที่มีจำนวนเขตเลือกตั้งมากที่สุด กรุงเทพมหานคร 33 เขต รองลงมา นครราชสีมา 16 เขต, จังหวัดที่มี 11 เขต ประกอบด้วย ขอนแก่นและอุบลราชธานี, จังหวัดที่มี 10 เขต ประกอบด้วย เชียงใหม่, ชลบุรี, บุรีรัมย์, อุดรธานี จังหวัดที่มี 9 เขต ประกอบด้วย นครศรีธรรมราช, ศรีสะเกษ, สงขลา จังหวัดที่มี 8 เขต ประกอบด้วย สุรินทร์, ร้อยเอ็ด, สมุทรปราการ, นนทบุรี,ปทุมธานี จังหวัดที่มี 7 เขต ประกอบด้วย ชัยภูมิ, สกลนคร, เชียงราย ,สุราษฎร์ธานี จังหวัดที่มี 6 เขต ประกอบด้วย นครสวรรค์, นครปฐม, มหาสารคาม, เพชรบูรณ์, กาฬสินธุ์ จังหวัดที่มี 5 เขต ประกอบด้วย กาญจนบุรี, พระนครศรีอยุธยา, พิษณุโลก, ราชบุรี, ระยอง, สุพรรณบุรี, นราธิวาส, ปัตตานี

จังหวัดที่มี 4 เขต ประกอบด้วย กำแพงเพชร, ฉะเชิงเทรา, ตรัง, นครพนม, ลำปาง, เลย, สมุทรสาคร, สระบุรี, ลพบุรี, สุโขทัย จังหวัดที่มี 3 เขต ประกอบด้วย กระบี่, จันทบุรี, ชุมพร, น่าน, บึงกาฬ, ประจวบคีรีขันธ์,  ปราจีนบุรี, พัทลุง, พิจิตร, เพชรบุรี, แพร่, พะเยา, ภูเก็ต, ยโสธร, ยะลา, หนองคาย, หนองบัวลำภู, สระแก้ว, อุตรดิตถ์, ตาก จังหวัดที่มี 2 เขต ประกอบด้วย นครนายก, พังงา, มุกดาหาร, แม่ฮ่องสอน, อ่างทอง, อำนาจเจริญ, อุทัยธานี, สตูล, ลำพูน, ชัยนาท จังหวัดที่มี 1 เขต ประกอบด้วย ตราด, ระนอง, สมุทรสงคราม, สิงห์บุรี

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.คมนาคม ในฐานะแกนนำพรรคภูมิใจไทย  (ภท.) ดูแลพื้นที่ภาคใต้ กล่าวถึงกรณีนิด้าโพลเปิดเผยผลสำรวจคะแนนความนิยมของพรรค ภท.ในพื้นที่ภาคใต้ลดลงว่า ไม่เป็นไร ให้เป็นไปตามโพล ตอนนี้การแก้ปัญหาวิกฤตถือเป็นเรื่องที่ใหญ่กว่า โพลก็ส่วนโพล เราไม่สนใจ ขอเอาการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในครั้งนี้ก่อน และยังมั่นใจกระแสพรรคในภาคใต้อยู่

ปล่อยยุบสภาตามไทม์ไลน์

 ทางด้าน นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความว่าที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาระบุว่า หากคณะรัฐมนตรี (ครม.) และ/หรือรัฐสภาส่งเรื่องการทำประชามติมายัง กกต.ช้ากว่าวันที่ 15 ธันวาคม อาจทำให้ไม่สามารถจัดให้มีการลงประชามติพร้อมวันเลือกตั้งได้นั้นว่า ดูเหมือนจะมีความคลาดเคลื่อนในการคำนวณเวลาอยู่พอสมควร เพราะนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ได้คำนวณเส้นตายไว้ชัดเจนแล้วว่า กรอบเวลาจริงไปสิ้นสุดที่วันที่ 30 ธ.ค. อย่างไรก็ตาม คำเตือนของ กกต.ก็ทำให้ทุกฝ่ายต้องกลับมาช่วยกันคิดอย่างจริงจังว่า จะเร่งรัดแต่ละขั้นตอนอย่างไร เพื่อให้กระบวนการทั้งหมดเดินไปให้ทัน และสามารถจัดให้มีการทำประชามติ 2 คำถามในวันเดียวกับวันเลือกตั้งได้

นายจาตุรนต์กล่าวว่า ตัวเลขวันที่ 15 ธ.ค. ในความเป็นจริงคือใช้เป็นหมุดหมายสำคัญทางการเมืองสำหรับช่องทางที่คณะรัฐมนตรีจะเป็นฝ่ายเริ่มต้นเอง ครม.สามารถมีมติได้ตั้งแต่ตอนนี้ ให้ กกต.จัดให้มีการลงประชามติในคำถามที่ 1 ว่า ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ที่จะให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) หาก ครม.กดปุ่มเรื่องนี้เร็วเท่าใด เวลาที่ กกต.จะใช้เตรียมการจัดประชามติจะมากขึ้นเท่านั้น และโอกาสที่จะทำให้ประชามติคำถามที่ 1 จัดพร้อมกับวันเลือกตั้งจะยิ่งเป็นไปได้มากขึ้น

พร้อมกันนี้ยังมีอีกหนึ่งช่องทางที่จะนำไปสู่การลงประชามติในคำถามที่ 1 ได้ นั่นคือให้รัฐสภามีมติร้องขอให้จัดให้มีการทำประชามติ ตามแนวทางที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้ ช่องทางนี้จำเป็นต้องรอให้การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าไปจนถึงวาระ 3 เสียก่อน เมื่อรัฐสภาลงมติวาระ 3 เห็นชอบกับร่างแก้ไขและมีมติเห็นชอบให้ร้องขอทำประชามติคำถามที่ 1 ด้วย ประธานรัฐสภาจะส่งเรื่องไปยัง ครม.เป็น 2 เรื่องพร้อมกัน คือขอให้ทำประชามติในคำถามที่ 1 และขอให้จัดทำประชามติในร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่ผ่านวาระ 3

 “คำถามที่ 2 ทั้งกระบวนการนี้จะเกิดขึ้นหลังจากวาระ 2 เสร็จสิ้นแล้ว 15 วัน หรือราววันที่ 26 ธ.ค. โดยสรุปแล้ว สิ่งที่ต้องเดินหน้าคือ 1.ครม.ควรเร่งมีมติให้มีการจัดทำประชามติคำถามที่ 1 โดยเร็วที่สุด 2.เมื่อรัฐสภาเห็นชอบในวาระที่ 3 ประธานรัฐสภาจะต้องส่งเรื่องให้ ครม.หรือ กกต.จัดให้มีการทำประชามติตามมาตรา 256 (ซึ่งจะเป็นคำถามที่ 2 และ 3.รัฐสภาอาจใช้ช่องทางมติเสียงข้างมากร้องขอให้ ครม.จัดทำประชามติในคำถามที่ 1 ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีผลผูกพันรัฐสภาอย่างชัดเจน ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้จริงก็ต่อเมื่อการยุบสภาเป็นไปตามกำหนดเดิม คือในวันที่ 31 ม.ค.2569 ไม่ถูกเร่งให้สั้นลงจนทำให้กระบวนการประชามติทั้ง 2 คำถามไม่เกิดขึ้นในวันเลือกตั้ง" นายจาตุรนต์ระบุ

ที่รัฐสภา นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว. ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐสภา กล่าวถึงการส่งร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้วุฒิสภาพิจารณาก่อนเปิดการประชุมร่วมรัฐสภาสมัยวิสามัญ ฝ่ายเลขาฯ ของ กมธ.ได้ส่งเนื้อหาร่างแก้ไขให้ กมธ.ดูแล้ว แต่ทั้งนี้อาจจะยังไม่ได้เป็นร่างที่ครบจบ เพราะต้องให้สำนักประชุมตรวจสอบคำอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ได้มีการส่งขั้นตอนทางธุรการไปแล้ว แต่โดยเนื้อหาหลักเราได้มีการสื่อสารกับ สว.บางคน ที่มีความสนใจแล้วว่าเนื้อหาเป็นอย่างไรบ้าง และคิดว่าในการประชุมวิปวุฒิสภาในวันที่ 3 ธ.ค. จะเสนอว่าจะมีการจัดประชุมก่อนที่จะเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อทำความเข้าใจ เพื่อให้ทราบว่าเนื้อหาเป็นอย่างไร และหากมีคำถามใดที่ กมธ.สามารถตอบได้ จะได้คลายข้อสงสัย

เมื่อถามว่า ส่วนตัวประเมินทิศทางอย่างไรว่า สว.จะเห็นด้วยหรือไม่ นายนรเศรษฐ์กล่าวว่า ในช่วงระหว่างที่เราร่าง ก็ได้มีการสื่อสารออกมาเรื่อยๆ เข้าใจว่าในบางประเด็นมี สว.หลายคนมีความเป็นห่วงอยู่ และ สว.ที่เป็น กมธ.ก็ยังสงวนความเห็นกันไว้ เพื่ออภิปรายในการประชุมร่วมกัน แต่ตนเชื่อว่าในภาพใหญ่ของเนื้อหาที่เราได้ร่างมาแล้วอยู่ในความเห็นที่หลายคนน่าจะเห็นพ้องต้องกันได้ และต้องดูว่าบางมาตราที่มีการสงวนความเห็นไว้ในที่ประชุมสภาฯ จะเห็นเป็นอย่างไร คาดว่าวาระ 2 น่าจะผ่านไปได้

ส่วนสถานการณ์ตอนนี้มีปัจจัยทางการเมืองที่กังวลหรือไม่นั้น นายนรเศรษฐ์กล่าวว่า ในทางการเมืองมีการส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการยุบสภาได้ทุกเมื่อ ล่าสุดมีข่าวออกมาว่านายกฯ อาจจะยุบสภาวันที่ 12 ธ.ค. แต่ตนมองว่าอาจจะต้องคิดใหม่อีกที เพราะมีสถานการณ์น้ำท่วม เรายังต้องการรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มในการบริหารและเยียวยาต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น เรื่องนี้เป็นงานใหญ่ไม่ต่างจากการผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ และหากสถานการณ์ดีขึ้น มีความเหมาะสมแล้วนายกฯ จะยุบสภาคิดว่าก็ยังไม่สายเกินไป และประชาชนคงไม่อยากให้เอาการเมืองมาเล่นการเมืองกันจนเกิดผลกระทบกับความเสียหายและเยียวยาต่อประชาชน

ครม.ไฟเขียว 20 บิ๊ก มท.

วันเดียวกัน น.ส.อัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่า ครม.มีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการบริหารระดับสูง กระทรวงมหาดไทย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างจากการโยกย้ายและเกษียณอายุราชการในสิ้นปีงบประมาณ 2568 รวมทั้งสิ้น 20 ตำแหน่ง ดังนี้ 1.นายพชรเสฏฐ์ บุญศิริสาริศา รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง 2.นางสาวสุพัตรา คล้ายทิม รองผู้ว่าฯ กำแพงเพชร ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง 3.นางสาววริษฐา สงวนเสริมศรี รองผู้ว่าฯ ราชบุรี ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กาญจนบุรี 4.นายสุวรรธณ์ เข็มธนเพ็ชร รองผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กาฬสินธุ์ 5.นางสาวฉัตรประอร นิยม รองผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา 6.นายภูมิวัชร์ อุดมทรัพย์ รองผู้ว่าฯ นครนายก ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ ชัยนาท

7.นายบุญช่วย หอมยามเย็น รองผู้ว่าฯ ตาก ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ นราธิวาส 8.นายสุรพล เจริญภูมิ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ บึงกาฬ 9.นางสาวอรอาภา โล่ห์วีระ รองผู้ว่าฯ พะเยา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ พะเยา 10.นายสุจินต์ วาจากิจ รองผู้ว่าฯ พัทลุง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ จังหวัดพัทลุง 11.นายชุมพิชญ์ เดชะรัฐ รองผู้ว่าฯ นครสวรรค์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ มหาสารคาม 12.นายก้องสกุล จันทราช รองผู้ว่าฯ ยะลา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ ยะลา 13.นายราชัน มีน้อย รองผู้ว่าฯ ระนอง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ ระนอง

14.นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าฯ เชียงใหม่ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ ลพบุรี 15.นายปิยพงศ์ ชูวงศ์ รองผู้ว่าฯ ลำพูน ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ ลำพูน 16.นายคณิต คงช่วย รองผู้ว่าฯ สตูล ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ สตูล 17.นายอำนาจ เจริญศรี รองผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ สมุทรสาคร 18.นายวราดิศร อ่อนนุช รองผู้ว่าฯ สิงห์บุรี ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ สิงห์บุรี 19.นายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าฯ สุรินทร์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ สุรินทร์ 20.นายเสนีย์ ส้มเขียวหวาน รองผู้ว่าฯ อำนาจเจริญ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ อำนาจเจริญ ทั้งนี้ การแต่งตั้งมีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.