“ทูตจีน” มอบเงินช่วยน้ำท่วมใต้อีกกว่า 30 ล้าน ย้ำความสัมพันธ์ไทย-จีนแน่นแฟ้น “อนุทิน” ยันไม่ปกปิดตัวเลขผู้เสียชีวิต ลั่นยึดข้อมูลแพทย์-นิติเวชเป็นหลัก “รัฐบาล” ตั้ง คกก.ถอดบทเรียนเตรียมความพร้อมรับมือมหาอุทกภัย “นายกฯ” นั่งประธาน ดึง ขรก.-นักวิชาการ-เอกชน 33 รายร่วมวางแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายใหญ่ซ้ำรอย ขีดเส้น 3 เดือนเสร็จ ถกนัดแรก 4 ธ.ค.นี้ “ภราดร” เผยเยียวยาน้ำท่วมศพละ 2 ล้านเฉพาะพื้นที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่อื่นใช้เงื่อนไข ปภ. “โฆษก ศป.กฉ.” ขออภัยลงทะเบียนรับเงินเยียวยาน้ำท่วมมีปัญหา จ่อชง ครม.ยกเว้นค่าน้ำ-ค่าไฟหาดใหญ่ 3 เดือน “ศรีสุวรรณ” ร้อง ป.ป.ช. สอบ "นายกฯ หนู" บริหารจัดการน้ำท่วมใต้ผิดพลาด
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 3 ธ.ค.2568 นายจาง เจี้ยนเว่ย์ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เพื่อมอบเงินบริจาคช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ จำนวนกว่า 30 ล้านบาท โดยนายจางกล่าวว่า ประเทศไทยเป็นเพื่อนที่ดี ที่ผ่านมาทั้ง 2 ประเทศได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขช่วยเหลือกันในยามยาก เราร่วมกันฟันฝ่าความท้าทายและภัยธรรมชาติต่างๆ อย่างมากมาย ซึ่งหลังจากน้ำท่วมจนถึงปัจจุบัน องค์กรของจีนได้บริจาคเงินและสิ่งของในรูปแบบต่างๆ เป็นจำนวนกว่า 30 ล้านบาท วันนี้ (3 ธ.ค.) สถานทูตจีนและสมาคมองค์กรต่างๆ ในประเทศไทยได้รวบรวมอีกกว่า 30 ล้านบาท ผ่านนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ เพื่อบริจาคให้กับพื้นที่ประสบภัยในภาคใต้
“ไม่นานมานี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ สร้างมิตรภาพความเป็นครอบครัวเดียวกันระหว่างจีนกับไทย ทำให้เกิดความกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น ในการส่งเสริมมิตรภาพที่เป็นความร่วมมือ และเอื้อประโยชน์ของทั้งสองประเทศให้ลึกซึ้งต่อไปยิ่งขึ้น” เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยกล่าว
นอกจากนี้ นายสมัย กวักเพฑูรย์ ประธานคณะกรรมการโรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิ และคณะ เข้าพบนายกฯ เพื่อมอบเงินบริจาคสมทบเข้ากองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ จำนวน 5 ล้าน
นายอนุทินกล่าวว่า ในนามรัฐบาลและประชาชนชาวไทย ขอขอบคุณรัฐบาลจีนและองค์กรจีนต่างๆ ในไทย เพื่อส่งกำลังใจให้ผู้ประสบภัย เป็นสิ่งสะท้อนถึงมหามิตรสองประเทศที่มีให้กันเสมอมา แม้ในยามยากลำบากเสมือนครอบครัว ดังวลี จีน-ไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน ตนให้คำยืนยันว่าการช่วยเหลือครั้งนี้ที่มาจากน้ำใจของทุกๆ ท่าน ที่ห่วงใยคนไทยในภาคใต้ จะนำไปฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่และเศรษฐกิจของพื้นที่ด้วยความรวดเร็ว โปร่งใส และเป็นธรรม
ต่อมานายอนุทินให้สัมภาษณ์กรณีมีคลิปวิดีโอขณะนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ไล่นายณรงค์พร ณ พัทลุง นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ หรือนายกแป้น ออกจากตำแหน่งในระหว่างที่ร่วมประชุมทีมบริหารจังหวัดสงขลาเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมหาดใหญ่ว่า ได้บอกนายชาดาให้ใจเย็นๆ เชื่อว่าท่านอยู่ในพื้นที่หลายวันคงจะมีอินเนอร์ ไม่เป็นไร เวลาที่ทำงาน หากใครเจตนาดีตนจะปล่อยให้ระบาย เมื่อระบายแล้วก็จบ ระบายแล้วก็เห็นใจกัน ไปแสวงหาความร่วมมือกัน
ถามถึงกรณีมีการระบุร่างผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยหาดใหญ่มากกว่า 1,000 ร่าง นายกฯ กล่าวว่า ตนเชื่อแพทย์ ตนเชื่อกระทรวงสาธารณสุข เชื่อสถาบันนิติเวชฯ หน่วยงานของราชการเป็นหลัก เราต้องทำแบบเปิดเผย คนที่เสียชีวิตทุกคนมีญาติมีครอบครัว ถ้าใครหายไปโดยที่ไม่ได้รับการแจ้งคิดว่าเอาไปซ่อน ไม่รู้ว่าจะเอาไปซ่อนที่ไหน เพราะไม่มีความจำเป็นต้องซ่อน ไม่มีความจำเป็นต้องทำอะไรที่ปิดบังประชาชน นี่เป็นเรื่องของภัยธรรมชาติ
ตั้ง คกก.ถอดบทเรียนมหาอุทกภัย
ขณะที่ นายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัยส่วนหน้า (ศป.กฉ.ส่วนหน้า) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. นายกฯ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด เพื่อที่จะถอดบทเรียนและเตรียมความพร้อมสำหรับการรับมือมหาภัยต่างๆ ที่เราเชื่อว่าอาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าภัยครั้งนี้ไม่ใช่ภัยครั้งสุดท้าย เพราะในประเทศมีการเกิดภัยและมหาภัยต่างๆ ทั้งแผ่นดินไหว น้ำท่วม สึนามิ ในหลายพื้นที่ แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ทั้งหลาย เราไม่เคยมีการถอดบทเรียนหรือสรุปบทเรียนเลย เมื่อภัยครั้งใหม่มา เราก็ใช้ทรัพยากรของภาครัฐในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า โดยในการแก้ไขปัญหาในระยะยาวมีความจำเป็น รัฐบาลจึงให้ความสำคัญในการที่จะสรุปบทเรียนเพื่อที่จะให้ภัยครั้งนี้เป็นตำราเล่มใหญ่ เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาเป็นระบบ
“คณะกรรมการดังกล่าวมีนายกฯ เป็นประธาน และมีคณะกรรมการจากทุกหน่วยงานของราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมทั้งเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ เข้ามาให้ข้อคิดและให้บทเรียน รวมถึงเชิญภาคธุรกิจ ภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็นประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา, นายเสรี ศุภราทิตย์ รองประธานมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ, นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (จิสด้า) และนายแก้วสรร อติโพธิ เพื่อเข้ามารวบรวมและสรุปบทเรียน และวางแผนสำหรับการรับมือมหาภัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการนำเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมกับกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำ นำเอาหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลเรื่องของเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (บีดีไอ), สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือหน่วยงานภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องของเทคโนโลยี ซึ่งจะนำเข้ามาและวางแผน เพื่อที่จะทำให้ในอนาคตประเทศนี้มีเครื่องมือที่เพียงพอและมีประสิทธิภาพในการที่จะรับมือกับภัยพิบัติตั้งแต่ก่อนที่จะเกิดเหตุ” นายภราดรกล่าว
ถามว่า คณะกรรมการรวบรวมบทเรียนที่มีนายกฯ เป็นประธาน จะใช้ระยะเวลานานเท่าไหร่ ผอ.ศป.กฉ.กล่าวว่า จะทำให้เร็วที่สุด โดยนายกฯ ได้กำชับว่าพยายามทำให้เสร็จในรัฐบาลนี้ และจะต้องเป็นมติ ครม.ก่อนที่จะมีการยุบสภาให้ได้ ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้จะมีเวลาในการที่จะถอดบทเรียนทั้งหมดไม่เกิน 2 เดือน ประมาณเดือนกว่าๆ ก่อนที่จะยุบสภา
ซักถึงเสียงสะท้อนประชาชนนอกเขต พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เรื่องเงินเยียวยาศพละ 2 ล้านบาท รัฐบาลจะมีการทบทวนการจ่ายเงินเยียวยาให้ได้อย่างเท่าเทียมหรือไม่ ผอ.ศป.กฉ.กล่าวว่า ได้พูดคุยและหารือกันใน ครม. เบื้องต้นได้ข้อสรุปว่า จะเอาแต่เฉพาะในเขตที่มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินก่อน คือ จ.สงขลา ถ้ากรณีจังหวัดใกล้เคียงหรือจังหวัดอื่นใดในประเทศนี้ที่เกิดปัญหาน้ำท่วมและมีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้น ก็จะต้องนำไปพิจารณากันในลำดับถัดไป
มีรายงานว่า นายกฯ ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 459/2568 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการถอดบทเรียนและเตรียมความพร้อมรับมือมหาอุทกภัย เนื้อหาระบุว่า โดยในปี 2554 ได้เกิดมหาอุทกภัยขึ้นในภาคกลาง และในปีนี้เกิดมหาอุทกภัยขึ้นที่จังหวัดสงขลา และเกิดอุทกภัยขึ้นในภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก และมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเกิดเหตุดังกล่าวขึ้นอีกในอนาคต สมควรที่จะถอดบทเรียนเพื่อหาทางป้องกันมิให้เกิดความเสียหายมากอย่างในอดีต รวมทั้งวางแผนและมาตรการให้ความช่วยเหลือ แก้ไข เยียวยา และฟื้นฟูผู้ประสบภัยหากมีเหตุทำนองดังกล่าวเกิดขึ้น ด้วยความรวดเร็ว และโดยได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย
จึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการถอดบทเรียนและเตรียมความพร้อมรับมือมหาอุทกภัยขึ้น ประกอบด้วย 1.นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ 2.รองนายกฯ ทุกคน รองประธานกรรมการ ส่วนกรรมการมี 3.ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี 4.ปลัดกระทรวงกลาโหม 5.ปลัดกระทรวงการคลัง 6.ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 7.ปลัดกระทรวงมหาดไทย 8.ปลัดกระทรวงสาธารณสุข 9.ผู้บัญชาการทหารสูงสุด 10.เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ 11.เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ 12.อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 13.อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง 14.อธิบดีกรมชลประทาน 15.อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา 16.อธิบดีกรมทางหลวง 17.อธิบดีกรมเจ้าท่า 18.ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ และภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) 19.ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา 20.อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 21.นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา 22.นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ 23.เลขาธิการมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ 24.ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา 25.นายเสรี ศุภราทิตย์ 26.นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา 27.นายแก้วสรร อติโพธิ 28.นายดุสิต เครืองาม 29.นายอนุชิต อนุชิตานุกูล 30.นายพณชิต กิตติปัญญางาม 31.รองปลัดสำนักนายกฯ ที่ปลัดสำนักนายกฯ มอบหมายและเลขานุการร่วม 32.รองอธิบดี ปภ. ที่อธิบดี ปภ.มอบหมายและเลขานุการร่วม และ 33.เจ้าหน้าที่ของสำนักงานปลัดสำนักนายกฯ ผู้ช่วยเลขานุการ ที่ปลัดสำนักนายกฯ มอบหมายจำนวนไม่เกิน 2 คน
ถกนัดแรก 4 ธ.ค.เป้า 3 เดือนเสร็จ
สำหรับคณะกรรมการดังกล่าว มีหน้าที่และอำนาจ 1.ศึกษาและถอดบทเรียนจากมหาอุทกภัยที่ จ.สงขลา โดยเฉพาะที่ อ.หาดใหญ่ รวมทั้งมหาอุทกภัยปี 2554 เพื่อเสนอแนวทางป้องกันมิให้เกิดความเสียหายใหญ่จากอุทกภัยในอนาคต ซึ่งรวมถึงแนวทางในการจัดทำ 2.ศึกษาการดำเนินการของประเทศที่มีความพร้อมในการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยหรือภัยธรรมชาติอื่น และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอความร่วมมือให้มาช่วยสร้างระบบป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่มีประสิทธิภาพ 3.นำรายงานผลการศึกษาและข้อเสนอต่างๆ ไปรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง 4.แต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือบุคคล ให้ดำเนินการตามที่คณะกรรมการมอบหมายหรือให้ดำเนินการแทนคณะกรรมการแล้วรายงานให้คณะกรรมการทราบ 5.ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย ในกรณีที่กรรมการคนใดพ้นจากตำแหน่งเพราะตาย หรือลาออก ให้คณะกรรมการเท่าที่มีอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้
ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือนนับแต่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับ (1ธ.ค.) และเสนอรายงานให้ ครม.ให้ความเห็นชอบเพื่อถือปฏิบัติต่อไป เมื่อ ครม.ให้ความเห็นชอบรายงานของคณะกรรมการแล้ว ให้คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ นำรายงานผลการศึกษาและข้อเสนอแนะดังกล่าวไปพิจารณา กำหนดไว้ในแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติด้วย และให้ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการเผยแพร่ผลการศึกษาและถอดบทเรียนจากมหาอุทกภัยให้ประชาชนทั่วไปรับทราบโดยไม่ชักช้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 4 ธ.ค. นายกฯ จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการถอดบทเรียนและเตรียมความพร้อมรับมือมหาอุทกภัยครั้งแรก ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เวลา 10.00 น.
ส่วนนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษก ศป.กฉ. กล่าวถึงเรื่องเยียวยาที่มีปัญหาและอุปสรรคว่า ต้องขออภัยในความไม่สะดวกในการลงทะเบียน เนื่องจากในครั้งนี้รัฐบาลมีความต้องการที่จะให้เงินไปถึงมือพี่น้องประชาชนในระยะเวลาอันรวดเร็วที่สุด เพราะเป็นความจำเป็น เนื่องจากประชาชนเพิ่งผ่านเหตุร้ายมา จำเป็นที่จะต้องมาฟื้นฟูกลับสู่สภาวะปกติให้ได้โดยเร็วที่สุด รัฐบาลจึงได้มีแนวทางในการเร่งดำเนินการ อย่างไรก็ดี เมื่อมีนโยบายไปแล้ว แต่ในส่วนของการปฏิบัติยังเกิดความติดขัด ขัดข้องอยู่ในหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระเบียบข้อบังคับต่างๆ ที่อาจจะทำให้เกิดความสับสนวุ่นวาย ในการประชุม ครม.ที่ผ่านมาจึงมีมติยกเว้นในบางกรณี เช่น การทำประชาคมในพื้นที่ จ.สงขลา รวมทั้งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้มีระเบียบชี้แจงไปแล้วว่าการรวบรวมข้อมูลในครั้งนี้ไม่จำเป็นจะต้องใช้เอกสาร แต่สามารถใช้เลขบัตรประชาชนเท่านั้นก็เพียงพอ รวมทั้งประธาน ศป.กฉ.ได้ให้ ปภ.พิจารณาขยายเวลาการลงทะเบียนสำหรับผู้ประสบภัยที่จะรับเงินเยียวยาไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.68
จ่องดเก็บค่าไฟ-น้ำหาดใหญ่ 3 ด.
“ในที่ประชุม ศป.กฉ.ยังให้หน่วยงานที่ดูแลสาธารณูปโภค เช่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.), การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ได้อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนให้วันนี้จ่ายไฟและน้ำได้ 100% แต่ทั้งนี้ยังมีความกังวลเรื่องบิลค่าน้ำค่าไฟ ประธาน ศป.กฉ.กำชับว่าอย่าให้เห็น ซึ่งมีคำถามว่าการไม่ส่งบิลจะถือเป็นการชะลอหรือเป็นการยกเว้น โดยในสัปดาห์หน้า กปภ.และ กฟภ.จะเสนอเรื่องเข้ามาในที่ประชุม ครม. เพื่อขอยกเว้นค่าน้ำค่าไฟในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ เป็นเวลา 3 เดือน 3 รอบบิล คือในเดือน พ.ย.68-ม.ค.69 ส่วนในบางพื้นที่ก็จะมีการยกเว้นในการเก็บอีกเป็นเวลา 2 รอบบิล ซึ่งหลังจากที่เข้าที่ประชุม ครม.แล้ว ผลการดำเนินการเป็นอย่างไรจะแจ้งให้ทราบในวาระถัดไป” นายสิริพงศ์กล่าว
ด้าน น.ส.รัชดา ธนาดิเรก โฆษก ศป.กฉ. กล่าวถึงการจ่ายเงินเยียวยาว่า ช่วงวันที่ 1-2 ธ.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลได้โอนเงินเข้าบัญชีประชาชนแล้ว 120,949 ครัวเรือน คิดเป็นเงิน 1,088,541,000 บาท ในจำนวนที่โอนแล้วยังไปไม่ถึงประชาชนบางส่วน 2,878 ครัวเรือน เนื่องจากไม่ได้ผูกกับพร้อมเพย์ ขอย้ำอีกทีว่า ไม่ต้องกังวล เมื่อดำเนินการผูกกับพร้อมเพย์แล้วธนาคารออมสินจะดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีทีเดียว
นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงการพิจารณาขยายพื้นที่ประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ในพื้นที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมว่า ขณะนี้ยังไม่มีแนวทางนั้น ตอนนี้มีเฉพาะจังหวัดสงขลา ส่วนที่มีการประกาศกรอบระยะเวลาไว้ 3 เดือน หากสถานการณ์เรียบร้อยก็สามารถยกเลิกก่อนได้ สำหรับพื้นที่อื่นที่เกิดน้ำท่วม หากระบบปกติยังสามารถรับได้ ก็เป็นอำนาจของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะใช้ พ.ร.บ.ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งครอบคลุมการบูรณาการทุกอย่าง
วันเดียวกัน น.ส.ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะรองโฆษกคณะกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา แถลงข่าวมติของที่ประชุม กมธ.งบฯ ว่า ที่ประชุมพิจารณาด้านระเบียบกฎหมายข้อบังคับที่เกี่ยวข้องเห็นว่าควรปรับปรุง แก้ไข และพัฒนาเพื่อให้สอดคล้องกับปัญหาและความต้องการของประชาชนตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งเคยให้ความเห็นส่วนตัวไปว่า การเยียวยา 9,000 บาทเท่าเทียมหรือไม่ บางพื้นที่น้ำท่วมนานบ้านเสียหายทั้งหลัง บางที่ท่วมไม่นานเสียหายไม่มาก
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ไต่สวนและชี้มูลความผิดนายอนุทินกับพวก กรณีผิดพลาดล้มเหลวในการบริหารจัดการน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ 9 จังหวัด ทั้งๆ ที่รู้ปัญหามาก่อนล่วงหน้า ขาดมาตรการป้องกันและอพยพ ทำให้ประชาชนสิ้นเนื้อประดาตัว เศรษฐกิจของประเทศเสียหาย อันชี้ให้เห็นถึงความไร้ภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรี มุ่งเน้นแต่การสร้างภาพลักษณ์ทางการเมือง แต่กลวงในภาคปฏิบัติจริง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


