หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1

วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน  สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน ชี้ภาพที่เห็นเป็นรูปเก่า 10 ปี บอกสื่อก็รู้ว่าใครปล่อย โต้กลับถ้าสนิททำไมไม่ได้สัญชาติไทย เผยเป็นเหตุต้องพ้น มท.1 ลั่น! รู้จักผมน้อยไป ด้าน “เอกนิติ” แจงร่วมเฟรมแค่งานเลี้ยง ยันไม่รู้ใครพาเข้ามา “บิ๊กแดง”  แจงเป็นภาพปี 57 สมัยเรียน วปอ.เดินทางไปดูงานที่สิงคโปร์ มีเพื่อนแนะนำให้รู้จัก เผย “เสี่ยหนู” ยังบอกกลางวงอเมริกันแชร์ เด็กเพื่อไทยด่าเป็นชุด    โฆษก ภท.โต้กลับ ถ้าไม่แกล้งตาบอด เพิ่งมีภาพ  "ทักษิณ" นั่งกินข้าวกับเบน สมิธ ทำไมไม่พูดบ้าง

เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 จากกรณีนายชนะ  ผาสุกสกุล ผู้สื่อข่าวในเครือผู้จัดการ ได้เผยแพร่ภาพถ่ายจำนวน 4 ภาพ ซึ่งปรากฏบุคคลระดับสูงในแวดวงการเมืองไทย ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.การคลัง, พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารบก, นายอุปกิต ปาจรียางกูร อดีตสมาชิกวุฒิสภา,   นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ฯ และ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ ถ่ายภาพร่วมเฟรมกับนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ เบน สมิธ นักธุรกิจชาวแอฟริกาใต้ และเป็นผู้ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีมติยึดและอายัดทรัพย์สินราว 10,165 ล้านบาท ได้เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองในวงกว้าง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่า สื่อก็เห็นอยู่แล้วว่าภาพดังกล่าวถ่ายเมื่อไหร่ วันที่ 3 ธ.ค.ที่ตนไปแถลงข่าวเรื่องการยึดทรัพย์สแกมเมอร์ สื่อก็ถามว่าใครมีเส้นมีสาย ตนก็พูดชัดเจนว่า หากไปถึงใคร ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการออกหมายจับนายเบน สมิธหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ถึงใครก็โดนคนนั้น และเรื่องการออกหมายจับหรือไม่นั้นต้องไปถามตำรวจ เส้นเงินถึงใครก็คนนั้น ตนถึงบอกว่า “ปิดชื่อ ถือพฤติกรรม”

เมื่อถามว่า รู้จักกับนายเบน สมิธหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า “รู้จักๆ แต่ไม่สนิท และภาพที่ปรากฏคือการเจอกันครั้งแรก" ซักว่า การเจอครั้งนั้นนายเบน สมิธ บอกหรือไม่ว่าทำธุรกิจอะไร  นายอนุทินส่ายหน้าพร้อมบอกว่า เป็นคนที่คุยกันในลักษณะเพื่อนของเพื่อนของเพื่อน ถามว่ารู้จักหรือไม่ก็รู้จัก และหลังจากนั้นก็เจอกันตามงานก็ทักทาย

ถามว่าเคยเจอกันกี่ครั้ง นายกฯ อุทานว่า โอ้โห ถามอะไรขนาดนั้น ก่อนย้อนถามสื่อว่า เจอเองกี่ครั้งหมายความว่าอย่างไร เขาก็มีแวดวง เจอในงานประมาณ 5-6 ครั้ง

เมื่อถามว่า แสดงว่านายเบน สมิธ รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองเยอะใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า สื่อก็เห็นจากรูปแล้ว ทำไมจะมาเอากับเรื่องรูปที่ถ่ายเป็น 10 ปี

ซักว่าการปรากฏภาพดังกล่าวเป็นเกมการเมืองหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า แล้วแต่คิด ปกติแล้วตนไม่ได้ติดต่อ และไม่ได้มีธุรกิจร่วมกับนายเบน สมิธ และจำไม่ได้หรือที่เขาไม่ได้สัญชาติไทยเสียที

รู้จักผมน้อยไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้ถูกปลดจาก รมว.มหาดไทยไทยหรือไม่ นายอนุทินยืนยันว่า "ใช่ ก็ว่าเป็นหนึ่งเหตุ เป็นหนึ่งในข้อหาที่ผมโดนขอให้ออกจาก รมว.มหาดไทย แต่ยืนยันไม่ใช่เป็นการปลดจากรัฐบาล ตอนนั้นเป็นการให้ผมไปเป็น รมว.สาธารณสุข แต่ผมไม่เอา เขาไม่ได้ปลดผมออกจากรัฐบาล ผมถอนตัวเอง"

ซักว่า พยายามกู้ภาพรัฐบาลจากปัญหาน้ำท่วมด้วยการปราบสแกมเมอร์ แต่การปล่อยภาพนี้ออกมาเหมือนพยายามจะดึงลงเหวไปด้วยกัน  นายอนุทินกล่าวว่า คิด วิเคราะห์ และแยกเรื่องให้ถูก

เมื่อถามย้ำว่า ทราบหรือไม่ว่าใครเป็นคนปล่อยภาพดังกล่าวออกมา นายอนุทินตอบว่า รู้หมด สื่อก็รู้ เมื่อถามว่านายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคประชาชน ออกมาตั้งข้อสังเกตว่าการรู้จักกับนายเบน สมิธ เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ไม่อยากแก้ปัญหาสแกมเมอร์ นายอนุทินย้อนถามสื่อว่า “โอ้โห นี้อะนะที่ไม่แก้เรื่องสแกมเมอร์  You know me little go (รู้จักผมน้อยไป)”

ด้านนายเอกนิติชี้แจงว่า ภาพที่ปรากฏดังกล่าวเป็นภาพจากงานเลี้ยงของหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งถ่ายเมื่อ 5-6 ปีก่อน ซึ่งเป็นงานเลี้ยงผู้เข้าร่วม 60-70 คน ประกอบด้วยผู้บริหารระดับประเทศจากทั้งภาครัฐและเอกชนหลากหลายวงการ ผมเข้าไปร่วมงานในฐานะที่ปรึกษาและอาจารย์หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงของ สตช. และเป็นผู้ร่วมงาน เช่นเดียวกับแขกท่านอื่นๆ ที่ไปร่วมพบปะพูดคุยกันตามธรรมเนียมในโอกาสงานสังคมทั่วไป

“ปกติหลักสูตรจะมีคนเข้าเรียนประมาณ 100 คน ส่วนในภาพน่าจะเป็นกิจกรรมหลังหลักสูตร ซึ่งภายในงานมีคนมาร่วมประมาณ 60-70 คน ส่วนคุณเบน สมิธ ไม่ได้เรียนในหลักสูตรนี้ด้วย ผมเข้าใจว่าน่าจะมีคนหรือเครือข่ายเพื่อนพามา ซึ่งผมไม่ทราบว่าใครเป็นคนพาเข้างานมาด้วย เพราะภายในงานมีคนเยอะมาก”  

ไม่เสียใจ

เขาบอกว่า ไม่คุ้นเคยกับการตอบโต้ในสถานการณ์การเมืองเช่นนี้ โดยส่วนตัวที่เข้ามาอยู่ตรงนี้ เพราะตั้งใจอยากเข้ามาทำงานเพื่อประเทศจริงๆ ไม่คิดว่าจะต้องมาคอยระมัดระวังอะไรขนาดนี้ และที่ผ่านมาเวลาไปงานเลี้ยงหรือไปงานขึ้นกล่าวปาฐกถาต่างๆ ก็จะมีคนเข้ามาขอถ่ายรูป หรือแลกนามบัตร และตามธรรมชาติผมก็ถ่ายรูปด้วย ไม่มีอะไร แต่หลังจากนี้อาจจะต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น

พร้อมทั้งยืนยันว่า ‘ไม่เสียใจ’ ที่ตัดสินใจเข้ามารับตำแหน่งและต้องเจอกับสถานการณ์ทางการเมืองเช่นนี้ เนื่องจากตั้งใจเข้ามาทำงานเพื่อประเทศชาติ ดังนั้นก็อยากทำงานในส่วนที่ตัวเองรับ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจให้มากและดีที่สุด

ขณะที่ พล.อ.อภิรัชต์ ส่งข้อความไปยังรายการ "กรรมกรข่าว คุยนอกจอ" ว่า “ผมได้เห็นภาพและขอชี้แจงตามนี้ว่า ภาพแรกเป็นภาพปี 2557 ขณะเรียนหลักสูตร วปอ. และเดินทางไปดูงานที่สิงคโปร์ มีเพื่อนแนะนำให้รู้จักเบน สมิธ เป็นนักธุรกิจและมารับประทานอาหาร ซึ่งยังจำได้ว่า อนุทิน ชาญวีรกูล พูดในตอนนั้นว่า อเมริกันแชร์ คือทุกคนจ่ายค่าอาหารทุกคน ไม่มีใครเลี้ยง”

“ภาพอีกภาพเป็นรูปงานแต่งของลูกสาว และคนมาร่วมงานเยอะ ยืนยันส่วนตัวไม่ได้สนิทหรือคบหากับเบน สมิธ เป็นการรู้จักแบบผิวเผินกับเบน  สมิธ”

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า จากภาพนี้ นำมาสู่คำถามอีกมากมาย 1.นี่หรือเปล่าที่ทำให้คนอย่างเบน สมิธ จึงไม่มีใครกล้าแตะต้อง จนถึงวันนี้จึงยังไม่มีการออกหมายจับ สรุปจะช่วยกันใช่มั้ย  คงไม่ต้องพูดถึงการออกหมายแดงของ Interpol เพื่อตามล่าตัวจากต่างประเทศ คงไม่มีวันเกิดขึ้นหรือเปล่า

บี้ 'อนุทิน' ปลด 'ธรรมนัส'

2.การยึดอายัดทรัพย์เป็นแค่เพียงการลดกระแสสังคมใช่หรือไม่ เดี๋ยวก็ปล่อยทรัพย์คืนพวกแก๊งสแกมเมอร์ไป สรุปรัฐบาลไม่เอาจริง? เช่นนี้แล้วเหยื่อสแกมเมอร์เมื่อไหร่จะได้เงินคืน 3.เพราะมีบางคนมีภาพพวกนี้อยู่ ร.อ.ธรรมนัสจึงยังคงทำหน้าที่เป็นรองนายกฯ ต่อไปได้ เพราะคงกุมความลับไว้มาก ท่านอนุทินจึงไม่กล้าปลดคุณธรรมนัส แม้ว่าจะมีความเชื่อมโยงกับนายเบน สมิธ ก็ตาม

4.ไม่น่าเชื่อว่าแก๊งสแกมเมอร์จะยิ่งใหญ่บนผืนแผ่นดินไทยได้ขนาดนี้ มีเครือข่ายกว้างขวางอย่างไม่น่าเชื่อ เจ้าหน้าที่รัฐจะกล้าปราบทุนเทายึดประเทศหรือไม่

ด้านนายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงว่า ถึงแม้จะเป็นรูปเก่าตามที่ได้รับการชี้แจง แต่รูปที่ออกมาก็เห็นได้ชัดว่าอยู่ในหลายสถานที่ หลายเวลา หลายกรรม หลายวาระ ซึ่งล่าสุดนายอนุทินบอกว่าเจอกัน 5-6 ครั้ง แสดงว่าความสัมพันธ์คงไม่ใช่แค่การเจอกันผ่านๆ ในงาน ขอตั้งข้อสังเกตว่า ความสัมพันธ์นี้ลึกซึ้งแค่ไหน ที่ผ่านมาสังคมและ พท.ตั้งคำถามเกี่ยวกับบุคคลในรูปหลายครั้งว่ามีความเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่ และมีคำถามไปยังบุคคลในรัฐบาล โดยเฉพาะนายกฯ หลายครั้ง ว่าทำไมก่อนหน้านี้นายกฯ ไม่เคยมีความโปร่งใสในการชี้แจงเรื่องเหล่านี้มาก่อน จนกระทั่งมีรูปออกมาในสื่อ แล้วค่อยมาจึงค่อยมาชี้แจง

เรื่องราวในรูปเหล่านี้เกี่ยวโยงกับความล่าช้าในการจัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของรัฐบาลหรือไม่ และเกี่ยวกับการจัดการกับบุคคลในรัฐบาล ที่มีข่าวเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่ พร้อมยกตัวอย่างกรณี รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ออกมาพูดตอนรับตำแหน่งใหม่ๆ ว่ามีคนเสนอสินบน 40 ล้าน จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับคำตอบว่าคนคนนั้นเป็นใคร จึงต้องตั้งข้อสังเกตว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่

โต้เรื่องให้สัญชาติ

ส่วนกรณีที่นายอนุทินระบุว่า พ้นตำแหน่ง รมว.มหาดไทย เพราะไม่ให้สัญชาติไทยกับเบน สมิธนั้น จริงๆ แล้วไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องสัญชาติ แต่มีเหตุผลข้อเดียวคือท่านทำงานไม่เป็น ตั้งแต่การตัดน้ำ ตัดไฟคอลเซ็นเตอร์ที่ล่าช้า รอการตัดริบบิ้น และการทำงานไม่เป็น ก็เป็นที่ประจักษ์ต่อประชาชนทั่วประเทศ

ขณะที่ น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี  โฆษกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ตอบโต้นายศึกษิษฏ์ว่า เรื่องภาพถ่ายนั้นทางสำนักข่าวต่างๆ รวมถึงนายกฯ ก็ยืนยันแล้วว่าเป็นการถ่ายนานแล้ว และเป็นความสัมพันธ์ที่รู้จักกันในฐานะเพื่อนของเพื่อน เจอกันตามงานก็ทักทายตามปกติ  เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมานายกฯ ก็ได้แถลงใหญ่ยึดทรัพย์เครือข่ายสแกมเมอร์กว่าหมื่นล้านบาท ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าทำไมรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ก็ไม่เห็นว่าจะยึดอะไรจากคนพวกนี้ได้ อีกทั้งยังมาบีบนายอนุทินให้ออกจากตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ไปเป็น รมว.สาธารณสุขแทน เป็นเพราะนายอนุทินไม่เซ็นสัญชาติให้ใครบางคนหรือไม่ นี้ถ้า พท.ไม่แกล้งตาบอด ก็จะเห็นว่าล่าสุดมีภาพถ่ายว่ามีใครไปนั่งกินข้าวกับนายเบน สมิธ ซึ่งเป็นรูปในปีนี้เอง สดๆ  ร้อนๆ ทำไมโฆษก พท.หรือคน พท.ไม่ออกมาพูดบ้าง
พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา กล่าวว่า การถ่ายภาพร่วมกันในขณะถ่ายนั้น อาจไม่ทราบว่าใครเป็นอะไรอย่างไร ไม่มีโอกาสได้เช็กว่าเบื้องหลังของบุคคลต่างๆ เป็นอย่างไร หรือเบื้องหน้ามีปัญหาอะไรหรือไม่ ดังนั้นต้องให้ความเป็นธรรม หากมีความเชื่อมโยงและพบการกระทำผิดร่วม ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย โดยรัฐบาลมีความชัดเจนในเรื่องนี้อยู่แล้ว

ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ไต่สวนและมีความเห็นว่า กรณีที่นายอนุทิน นายเอกนิติ และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายคน รวมทั้งนักธุรกิจพลังงานชื่อดังถ่ายภาพมากมายหลายกิจกรรมร่วมกับนายเบน สมิธ จะเป็นการคบหาสมาคมกับบุคคลต้องสงสัยของ  ปปง. และหน่วยงานรัฐในกระบวนการยุติธรรมอันถือได้ว่าขัดต่อมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'วิโรจน์' ขีดเส้น 2 สัปดาห์ต้องยึดอายัดทรัพย์เครือข่ายคนไทยที่ร่วมขบวนการ 'เบนสมิธ' เพิ่มเติม

'วิโรจน์' ลั่น เส้นทางการเงินการลากคอคนไทยตัวใหญ่มาลงโทษสำคัญกว่าภาพถ่าย'เบนสมิธ' กับบุคลสำคัญ ร่วมกับ 'อนุทิน' ขีดเส้น 2 สัปดาห์ต้องยึดอายัดทรัพย์เครือข่ายคนไทยที่ร่วมขบวนการได้เพิ่มเติมอีก

รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ