อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก

นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่  ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม สธ.ดูแลชีวิต ปชช.ทำไม "รองเลขาฯ พท."  สวนอย่าสร้างวาทกรรมหนีความจริง "ปชน." จี้  "อนุทิน" พิสูจน์จริงใจปราบสแกมเมอร์ ซัดตลกร้ายหลักสูตร "วปอ." เอาไว้ระดมความคิดป้องกัน  ปท. กลายเป็นทำเลทองเข้าถึงผู้มีอำนาจทุกแวดวง "กรณ์" ชี้ระบบสร้างคอนเนกชัน = คอร์รัปชัน  "ปปง." แย้มอีก 2-3 วัน จับตามีดาบสองฟันแพ่ง-อาญาแก๊งสแกมเมอร์

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการแก้ปัญหาสแกมเมอร์ที่ถาโถมเข้ามาในช่วงนี้ว่า เรื่องสแกมเมอร์ถาโถมตรงไหน มีใครเคยอายัดเงินและทรัพย์สินหมื่นล้าน มีใครกล้าประกาศรายชื่อ คนที่อยู่เมืองไทยมาตั้งนาน ไม่มีใครกล้าประกาศชื่อ ดูเครือข่าย ดูอะไรต่างๆ ทุกคนก็เงียบกันหมด มีรัฐบาลไหนที่ทําได้เช่นนี้

นายอนุทินกล่าวว่า ตอนบ่ายวันที่ 3 ธ.ค. ประกาศรายชื่อสแกมเมอร์ ยึดทรัพย์บ้าน ที่ดิน  เรือยอชต์ ใบหุ้น เงินสด 12,000 ล้านบาท 386  ล้านเหรียญสหรัฐ พออายัดเสร็จบอกทําไมไม่ดําเนินคดี คนถามก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง และการอายัดก็ดําเนินคดีต่อทันที ต่อมาวันเดียวกันก็ไปจับเครื่องขุดบิตคอยน์มูลค่า 3,000-4,000 ล้านบาท แต่ที่ได้มากกว่านี้ พวกนี้นอกจากทําชั่วและทําความเสียหายให้บ้านเมือง ก่ออาชญากรรม ยังลักไฟฟ้าใช้อีก ซึ่งเสียหายประมาณ 2,000 ล้านบาท ไม่มีรัฐบาลไหนไปดูแล

"เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ผมเชิญผู้ว่าฯ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บอกให้ไปดําเนินการว่าจะมีขาใหญ่รายอื่นอีกหรือไม่ที่ลักไฟใช้ ขนาดจีนเทาจีนสับปะรังเคพวกนี้เป็นต่างชาติยังแอบใช้ ซึ่งขาใหญ่ในประเทศไทยมีหรือเปล่า เราก็ต้องไปดู ก็เกิดการขยายผลมากมาย นี่แหละ 2 เดือนเองที่ทํางานกันหมดทุกคน" นายถามถึงกรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) ระบุการปรับนายอนุทินออกจากกระทรวงมหาดไทย เป็นเพราะทํางานไม่มีประสิทธิภาพ ไม่เกี่ยวข้องกับการไม่ยอมให้สัญชาตินายเบน สมิธ นายอนุทินกล่าวว่า ก็ไม่มีอะไร ที่บอกว่าแต่ก่อนตนถูกปรับออกจากกระทรวงมหาดไทยเพราะว่าทํางานช้า ไม่มีประสิทธิภาพ เพราะลืมอ่านโพลผลสำรวจไป ในยุครัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร

"นอกจากนายเศรษฐาและ น.ส.แพทองธาร ผมก็เบอร์ 2 พรรคของท่านเองยังไม่ได้เบอร์ 2 เลย และเบอร์ 2 ก็ทิ้งเบอร์ 3 ห่างด้วย เวลาพูดก็พูดไปเรื่อย เพราะเขาไม่รู้เรื่อง คิดอะไรไม่ออกก็โทษนู่นโทษนี่ไว้ก่อน แต่ของผมนั้นชัดเจน ถ้าห่วยจริงๆ ไม่มีประสิทธิภาพคนที่ขอให้ออกจากมหาดไทยที่รับผิดชอบเรื่องความมั่นคง ไปดูแลประชาชน ถ้าเอาคนห่วยๆ ไปดูกระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวกับชีวิตประชาชนไม่ยิ่งหนักกว่านี้หรือ ถ้าผมไม่ได้เรื่อง คนแต่งตั้งนี่แย่เลยนะ  แสดงว่าไม่ได้ห่วยหรอก ซึ่งนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรองนายกฯ และ รมว.คมนาคม และอีกคนไม่รู้ใคร ท่านก็บอกว่าทํางานได้ดี ทุกคนก็ชม  แล้วก็มาบอกว่าผมทํางานช้า ซึ่งมันจับโกหกได้หลายอย่าง โพลก็บอกว่าผมมาที่สอง ซึ่งดีแล้ว โชคดีแล้วที่ผมไม่มาที่หนึ่ง" นายอนุทินระบุ

ซักว่า น.ส.แพทองธารโพสต์แสดงความคิดเห็นหัวข้อข่าวนายอนุทินยอมรับว่ารู้จักกับนายเบน สมิธ โดยระบุว่า "เอ๊า" นายอนุทินตอบว่า  ท่านรู้เรื่องดีหมด เพราะเวลาที่คุยมีตน น.ส.แพทองธารและ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตเลขาธิการนายกฯ ทุกอย่างก็ผ่านไปหมดแล้ว อย่าลืมว่าตนไม่ได้ถูกปลด พรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ฉะนั้นคนที่ไม่รู้เรื่องแล้วมาพูดอย่าไปฟัง เพราะเขามาไม่ถึง

พอถามว่า เต็มสิบให้คะแนนตัวเอง นายกฯ  หัวเราะก่อนกล่าวว่า "เดี๋ยวจะหาว่าคุย"

ส่วนนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงภาพถ่ายร่วมกับนายเบน สมิธ ว่า ไม่มีอะไร ตนได้อธิบายไปแล้ว เนื่องจากตนเป็นอาจารย์ในหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ปชน.จี้เลิกหลักสูตรเอื้อพวก

ขณะที่ น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ตอบโต้กรณีนายอนุทินอ้างผลโพลความนิยมในอดีตว่า กำลังสร้างวาทกรรมหนีความจริง เพื่อปฏิเสธความรับผิดชอบในฐานะผู้นำ เพราะตลอด 3 เดือนที่นายอนุทินดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้พิสูจน์แล้วว่าพูดแล้วทำไม่ได้ จนคะแนนนิยมร่วงทุกสำนัก

"หากนายอนุทินมีผลงานจริง ประชาชนคงได้เห็นมาตรการตัดน้ำ-ตัดไฟ เพื่อแก้ปัญหาสแกมเมอร์อย่างเป็นรูปธรรมตั้งแต่ปี 2567 สมัยรัฐบาลนายเศรษฐาที่มีมติ ครม.ให้เร่งปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ แต่กระทรวงมหาดไทยกลับไม่ขับเคลื่อน จนงานค้างสะสม และต้องให้นายกฯ แพทองธารเข้ามาผลักดันอย่างจริงจังในปี 2568" น.ส.ลิณธิภรณ์กล่าว

รองเลขาฯ พรรค พท.กล่าวว่า ความล่าช้าในการทำงานยังรวมถึงการปราบปรามยาเสพติด สมัยเป็น รมว.มหาดไทยก็ทำงานเหมือนหอยทากในระดับพื้นที่ จนต้องให้นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นกำชับซ้ำหลายครั้ง ทำให้วลีพูดแล้วทำไม่เป็นยิ่งชัดเจนเมื่อนายอนุทินก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่กลับนิ่งเฉยต่อการปราบสแกมเมอร์  แม้สหรัฐและสหราชอาณาจักรจะประกาศคว่ำบาตรเครือข่ายสแกมเมอร์ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2568

"การอ้างผลโพลความนิยมในอดีตนั้นเปรียบเทียบกันไม่ได้ เพราะเป็นการทำงานในรัฐบาลที่มีพรรค พท.เป็นแกนนำ ซึ่งมีผลงานโดดเด่น แต่ปัจจุบันผลโพลของทุกสำนักชี้ชัดว่านายอนุทินและพรรค ภท. คะแนนนิยมร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลสำรวจที่ประชาชนให้คะแนนสอบตกเกือบทั้งหมดในการบริหารจัดการน้ำท่วมภาคใต้" เลขาฯ พรรค พท.ระบุ

ส่วนนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ  และโฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงการแก้ปัญหาสแกมเมอร์ว่า สิ่งที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ออกมาแถลงข่าว เป็นการนับหนึ่งเท่านั้น หลังจากนี้อยากเชิญชวนทุกภาคส่วน รวมถึงประชาชนทุกคน จับตาดูอย่างใกล้ชิดว่า หลังจากนี้รัฐบาลจะเดินหน้าขยายผลจากการแถลงข่าวของ ปปง.อย่างไร เพราะการกระทำนั้นต่างหากที่จะเป็นตัวพิสูจน์ว่ารัฐบาลมีความจริงใจแก้เรื่องนี้มากแค่ไหน จะพ้นข้อครหาของการที่มีภาพปรากฏกับบุคคลที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์หรือไม่

"ผมเห็นนายอนุทินมีการชี้แจงเป็นภาษาอังกฤษบางคำ ผมมองว่าหากนายอนุทินอยากใช้ภาษาอังกฤษให้เป็นประโยชน์ สิ่งสำคัญตอนนี้คือการพยายามประสานความร่วมมือกับเวทีนานาชาติ เพราะเรื่องสแกมเมอร์เป็นเรื่องที่ไม่ได้กระทบแค่คนไทยเท่านั้น แต่กระทบถึงชีวิตและทรัพย์สินของคนในหลายประเทศ และหลายประเทศรู้ดีว่าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ต้องอาศัยประเทศไทย เพราะมีเชิงภูมิศาสตร์อยู่ระหว่างสองชายแดนที่ถูกมองว่าเป็นฐานของศูนย์สแกมเมอร์ คิดว่าไทยต้องใช้ประโยชน์จากความร่วมมือในระดับนานาชาติ ทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูล การแลกเปลี่ยนทรัพยากร รวมถึงการพูดคุยการวางมาตรฐานในเรื่องของการฟอกเงิน ที่ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกประเทศ" นายพริษฐ์กล่าว

โฆษกพรรค ปชน.กล่าวว่า ตั้งข้อสังเกตหลังจากได้ฟังคำชี้แจงของผู้มีอำนาจที่ปรากฏภาพกับบุคคลที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์  ก็จะเห็นว่าคำชี้แจงหลายครั้งคือเจอกันตามหลักสูตรต่างๆ ทั้ง วปอ. หรือการร่วมงานเลี้ยงในหลักสูตรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตนคิดว่าก็ถึงเวลาแล้วที่เราต้องมาทบทวนหรือพิจารณายกเลิกหลักสูตรดังกล่าวของหน่วยงานภาครัฐ ที่จัดโดยหลายหน่วยงานมากขึ้นเรื่อยๆ

"เราตั้งคำถามถึงประโยชน์ว่าได้ประโยชน์จริงหรือไม่ และคุ้มค่าหรือไม่กับข้อเสีย ไม่ว่าจะเป็นในเชิงงบประมาณภาษีประชาชนที่ใช้อุดหนุน หรือความเสี่ยงเรื่องการไปหล่อเลี้ยงระบบอุปถัมภ์ เนื่องจากผู้เข้าร่วมหลักสูตรเหล่านี้หลายครั้งก็มักจะมาจากหน่วยงานหรือภาคส่วนที่ต้องตรวจสอบกันและกัน ผมคิดว่าเวลานี้เป็นเวลาที่สมควรที่เราจะหยิบยกเรื่องนี้มาพิจารณา และยกเลิกหลักสูตรดังกล่าว" โฆษกพรรค ปชน.ระบุ

นายพริษฐ์มองว่า เป็นเรื่องตลกร้ายที่หลักสูตรซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันความมั่นคงของประเทศ กลับถูกตั้งคำถามว่า หลักสูตรเหล่านี้กลายเป็นการสร้างพื้นที่ให้บุคคลที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์เข้าถึงผู้มีอำนาจรัฐหรือไม่ ทั้งที่สแกมเมอร์เป็นหนึ่งในภัยความมั่นคงของประเทศ

ลุ้นดาบสองฟันสแกมเมอร์ซ้่ำ

ด้านนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ปชน. โพสต์ข้อความพร้อมเปิดเอกสาร กรณีถูก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ฟ้องหมิ่นประมาทมาเปิดเผย โดยระบุว่า เราจะได้เห็นถึงพฤติกรรมของผู้ที่เป็นรองนายกฯ ว่ามีพฤติกรรมการใช้กฎหมายเพื่อปิดปากฝ่ายตรวจสอบอย่างไร ส่วนนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊กกรณีที่การเผยแพร่ภาพถ่ายหมู่ซึ่งมีนายอนุทินร่วมเฟรมกับนายเบน สมิธ รวมถึงภาพของนายเอกนิติที่ร่วมพูดคุยกับนายเบน สมิธ ด้วย โดยระบุว่า  Connection = Corruption  ต่อคำถามว่านายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง รู้จักมักคุ้นกับนายเบน สมิธ แค่ไหน

"การปล่อยออกมาคำตอบคือนายเอกนิติเคยเจอ และนายอนุทินมีความคุ้นเคยพอที่จะนั่งทานข้าวด้วย อย่างน้อยก็ตามที่ท่านได้ชี้แจงว่าในฐานะเพื่อนของเพื่อน ซึ่งถ้าเพียงแค่นั้นก็ไม่มีอะไรผิด แต่สะท้อนให้เห็นความจริงว่าระบบการสร้างคอนเนกชัน และการสร้างคอนเนกชันอย่างเป็นระบบของสังคมไทยนั้น น่ากลัวและอันตรายอย่างไร ผมและหลายคนพูดหลายครั้งว่ารัฐควรยกเลิกพวกหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงต่างๆ เสียที ส่วนหลักสูตรของเอกชน เจ้าหน้าที่รัฐก็ควรหลีกเลี่ยงที่จะเข้าร่วม" รองหัวพรรค ปชป.ระบุ

วันเดียวกัน นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ปปง.  เปิดเผยผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ตอนหนึ่งถึงการอายัดทรัพย์แก๊งสแกมเมอร์ว่า คณะกรรมการธุรกรรมมีมติอายัด เนื่องจากคดี น.ส.แตงไทย ที่เสมือนกับเป็นผู้บริหารจัดการบัญชีม้า และเงินดังกล่าวก็โอนไปเป็นทอดๆ ซึ่งก็ไปสัมพันธ์กับนายยิม เลียก และนายเบน สมิธ จึงนำไปสู่การยึดและอายัด

"เมื่อคณะกรรมการธุรกรรมได้มีมติยึดอายัดไปแล้ว ผู้ที่ได้รับคำสั่งดังกล่าวจะต้องใช้เวลาภายใน 30 วัน ดำเนินการชี้แจงว่าทรัพย์สินที่ถูกยึดอายัดไปนั้น ไม่เกี่ยวกับการกระทำความผิดคดีมูลฐานอย่างไรบ้าง ส่วนประเด็นที่ว่ามีการอายัดทรัพย์นายยิม เลียก และออกหมายจับแล้ว แต่นายเบน สมิธ มีการอายัดทรัพย์สิน แต่กลับไม่มีการออกหมายจับนายเบน สมิธนั้น ขอเรียนว่า การออกหมายจับเป็นเรื่องของตำรวจ ซึ่งมาตรการทางอาญาเข้มข้นกว่ามาตรการทางแพ่งของ ปปง. และตำรวจต้องมีพยานหลักฐานพอสมควรเพื่อให้ศาลออกหมายจับได้ แต่กรณีนี้ยังไม่จบ ขอให้รออีก 2-3 วัน จะมีอะไรให้ดูอีก ทั้งมาตรการทางแพ่งและมาตรการทางอาญาเลย"  โฆษกสำนักงาน ปปง.ระบุ.