“เสธ.แมว” ชี้วิกฤตชายแดน ปมหนึ่งมาจากไทยฟันเครือข่ายสแกมเมอร์ “ดีเอสไอ" เผยผลสอบ 5 บริษัท “ลูกก๊ก อาน” ส่วนใหญ่เป็นเพียงบริษัทกระดาษ ไม่ได้ทำธุรกิจจริง เล็งคุ้ยต่อว่าตั้งมาเพื่อฟอกเงินหรือไม่ ป.ป.ช.เตรียมขอข้อมูล ปปง. มีเจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยว “เบน สมิธ” หรือเปล่า
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.2568 พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ประธานยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าต้นตอความตึงเครียดรอบใหม่ส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติ ซึ่งโยงใยเชิงผลประโยชน์กับกลุ่มผู้มีอำนาจในกัมพูชา โดยการที่ไทยเข้มงวดด้านการบังคับใช้กฎหมายและอายัดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้อง ทำให้เกิดแรงกดดันต่อผู้นำกัมพูชาพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของประชาชนภายในประเทศ นอกจากนี้ มหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาและจีนต่างกังวลต่อบทบาทของเครือข่ายสแกมเมอร์ระดับภูมิภาค จึงผลักดันให้กัมพูชาเร่งสะสางปัญหา ยิ่งทำให้แรงกดดันทางการเมืองภายในทวีคูณจนสะท้อนออกมาในพื้นที่ชายแดน
“หากไทยต้องการให้วิกฤตครั้งนี้ยุติลงอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องจัดการปัญหาเครือข่ายสแกมเมอร์อย่างจริงจัง เพื่อสร้างความโปร่งใส ความสะอาดบริสุทธิ์ในระบบเศรษฐกิจและการเมือง ควบคู่กับการดำเนินยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงที่เด็ดขาดให้สถานการณ์ชายแดนจบลงอย่างแท้จริง”
ขณะเดียวกัน มีรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แจ้งว่า หลังจากที่คณะพนักงานสืบสวนดีเอสไอได้ตรวจสอบข้อมูลการประกอบธุรกิจกิจการในไทยของนายก๊ก อาน สมาชิกวุฒิสภาของประเทศกัมพูชา และลูกทั้ง 3 คน ได้แก่ น.ส.จุรี คล่องกิจกล, น.ส.ภูเฌอหลิน คล่องกิจกล (ยุไล่) และนายกิตติศักดิ์ คล่องกิจกล พบว่าลูกทั้ง 3 คนมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจประเภทการให้การบริการ 5 แห่งในไทย โดยมีสถานะเป็นกรรมการบริษัท
รายงานแจ้งว่า การขยายผลตรวจสอบรายละเอียดเชิงลึกพบว่า บริษัทส่วนใหญ่ไม่ได้มีการดำเนินธุรกิจแล้ว คล้ายลักษณะเป็น Paper Company คือ จดทะเบียนไว้ไม่ได้ประกอบธุรกิจจริง มีเพียง 1 บริษัทในพื้นที่ จ.สงขลา อ.หาดใหญ่ ที่อาจดำเนินธุรกิจจริง แต่ปัจจุบันก็ไม่มีแล้ว และยังมีอีกบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการหางาน การจัดหางานออนไลน์ในพื้นที่เขตสาทร กทม. แต่เมื่อตรวจสอบกลับพบว่ามีการขอใช้พื้นที่ของนิติบุคคลแห่งหนึ่ง แต่ก็ไม่มีการดำเนินธุรกิจจริงเช่นกัน
“การขอใช้พื้นที่นิติบุคคลอื่นเพื่อจดทะเบียนเป็นสถานที่ของบริษัทนั้น พบข้อมูลน่าสนใจว่ามีลักษณะเป็นบริษัทเคลื่อนที่ อาทิ ประเภทธุรกิจสตาร์ทอัป และใช้เป็นที่อยู่ในการรับ-ส่งจดหมาย เพื่อให้ดูมีความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะหากเป็นอาคารที่มีชื่อเสียงในย่านเศรษฐกิจ ซึ่งบริษัทของลูกก๊ก อานแห่งนี้ที่อยู่ในตึกออฟฟิศย่านสาทร และบริษัทอื่นๆ รวม 5 บริษัทก็ไม่มีการประกอบธุรกิจจริง ไม่มีการจ้างพนักงานใดๆ”
รายงานแจ้งอีกว่า จะขยายผลไปตรวจสอบดูเรื่องเส้นทางการเงิน ว่าระหว่างที่บริษัทต่างๆ ได้จดประกอบธุรกิจนั้น มีการส่งงบการเงินของบริษัทอย่างไรบ้าง ซึ่งขณะนี้ดีเอสไออยู่ระหว่างรอรับข้อมูลรายงานกลับมา เพราะแม้ว่าบริษัทจะไม่มีการประกอบธุรกิจแล้ว แต่ยังไม่มีการจดเลิกประกอบกิจการ หากบริษัทเหล่านี้มีการจดแจ้งเรื่องบัญชีธนาคารนิติบุคคลในการรับโอนเงินหรือทำธุรกรรมต่างๆ ก็สามารถดูเรื่องเงินหมุนเวียนได้ด้วย และข้อมูลเหล่านี้จะทำให้เห็นถึงธุรกรรมต้องสงสัย ว่าบริษัททั้ง 5 แห่งนี้ที่จดทะเบียนขึ้นมา เป็นเพียงบริษัทที่เปิดขึ้นมาบังหน้าเพื่อการฟอกเงินหรือไม่อย่างไร
สำหรับกรณีนายก๊ก อาน ที่ไม่มีชื่อเป็นกรรมการในบริษัทใดเลยนั้น มีความเป็นไปได้ว่า นายก๊ก อาน ยังไม่ได้แปลงเป็นสัญชาติไทย แม้ได้ใบถิ่นที่อยู่ถาวรก็ตาม แต่ลูกๆ ได้สัญชาติไทยไปก่อนแล้ว เพราะมีการนำชายชาวไทยรายหนึ่งมาสมมติเป็นพ่อ ดังนั้นการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใดจึงต้องใช้ชื่อลูกๆ แทน เพราะจะทำกิจกรรมธุรกิจในไทยได้ง่ายกว่า แต่ดีเอสไอก็ไม่ตัดประเด็นที่ว่านายก๊ก อาน อาจมีบริษัทของตนเองในไทยที่ใช้ชื่อคนอื่นมาจดตั้งทะเบียนแทนด้วยคล้ายลักษณะนอมินี ซึ่งต้องขยายผลตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป
ส่วนกรณีที่ดีเอสไอเข้าบันทึกถ้อยคำพยานผู้ถือหุ้นชาวไทยของบริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในชั้น 7 อาคารซิโน-ไทย ทาวเวอร์ เนื่องจากมีข้อมูลว่าใช้ตราสัญลักษณ์ ชื่อบริษัท และอีเมลที่สอดคล้องกับบริษัท ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ปของนายเฉิน จื้อ เบื้องต้นยังไม่พบการทำธุรกรรมร่วมกัน นอกจากการพยายามประกอบธุรกิจร่วมกัน แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่านั้น
มีรายงานอีกว่า ในวันที่ 11 ธ.ค.2568 เวลา 14.30 น. นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการคณะกรรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะรักษาราชการแทนเลขาธิการ ป.ป.ช. ได้มอบหมายให้นายพัฒนพงศ์ จันทร์เพ็ชรพูล ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. ประสานสำนักงาน ปปง. เพื่อขอข้อมูลการฟอกเงินกรณีของนายเบน สมิธ และพวกว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยนายสุรพงษ์จะเดินทางไปขอข้อมูลดังกล่าวที่สำนักงาน ปปง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สภาเคาะ20หยิบ1 35อรหันต์ร่างรธน.
นับถอยหลัง “อนุทิน” จ่อดาบ พ.ร.ฎ.ยุบสภา ขณะที่สภาถก รนธ.วาระ 2 เคาะ "กมธ.ร่าง รธน.-กมธ.รับฟังความเห็น" สูตร 20 หยิบ 1
เคอร์ฟิว‘สระแก้ว’ ปะทะเดือด!ชายแดน7จ. หนูปัดทรัมป์กล่อมหย่าศึก
“นายกฯ” เผย “ทรัมป์” ยังไม่ประสานคุยหยุดยิง ชี้การเจรจาระดับผู้นำมีขั้นตอนอยู่ ยันพร้อมแจงข้อมูลสถานการณ์ให้ ปธน.สหรัฐเข้าใจ ย้ำไทยอยู่บนพื้นฐานรักษาอธิปไตย-ดินแดน-ความปลอดภัยประชาชน
รับคดีพิเศษบ.สแกนม่านตา
“ดีเอสไอ" รับคดีบริษัทสแกนม่านตาแลกเหรียญดิจิทัลเป็นคดีพิเศษแล้ว
สำนึกกองทุนแม่แผ่นดิน คืนชีวิตผู้เสพกลับสังคม
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวาย “สมเด็จพระพันปีหลวง”
16ธ.ค.เคาะคนละครึ่งเฟส2
"อนุทิน" ย้ำ "คนละครึ่งพลัส" เฟสสองทำแน่ ตราบใดยังมีอำนาจเต็ม "โฆษกรัฐบาล" เผยชงเข้า ครม.สัปดาห์หน้า คาดให้ 10 ล้านสิทธิ์
‘หนู’ปราบโกง ลุยอุดช่องโหว่ ใช้กม.เด็ดขาด
นายกฯ อนุทินนำปฏิญาณต่อต้านทุจริต หลัง CPI ไทยรั้งท้าย อันดับ 107 ของโลก

