ไม่หยุดยิงสยบเขมร ถล่มกาสิโนทำลายคลังอาวุธ/ในหลวงทรงห่วงทหารไทย

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยติดตามอาการทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา “นายกฯ” ชูกำปั้นบอก "สู้ๆ" หลังสื่อถามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา   ลั่นสัญญากับทหารแล้วเดินตามแผนเต็มที่ ไม่มีคำสั่งหยุดยิง กำชับหน่วยความมั่นคงปกป้องอธิปไตยเต็มกำลัง ปัดยังไม่คิดขอเปิดรัฐสภาถกปมความมั่นคง สดุดีทหารกล้าพลีชีพแล้วรวม 4 นาย บาดเจ็บ 68 นาย ส่วนทหารเขมรดับ 61 นาย บาดเจ็บยังประเมินไม่ได้ “บัวแก้ว” ชี้ชาวโลกรู้ไทยไม่ได้เริ่มก่อน “เหล่าทัพ” แถลงจุดยืน 5 ข้อ ยันไทยจะไม่ทนกับการกระทำของกัมพูชา เดินหน้าจนกว่าเขมรเปลี่ยนท่าทีมายืนบนเส้นทางสันติภาพร่วมกัน  เดือด! ตั้งแต่เช้า “กองทัพ” ลุยยึดทุกที่หมาย หวังยึด “ตาเมือนธม-ภูมะเขือ” เขมรใช้ “BM 21-ปืนใหญ่-โดรนพลีชีพ” ยิงใส่ “ทบ.” ส่งรถถังยิงกาสิโนชายแดนตาพระยาฐานปืน-คลังอาวุธ “ทอ.” เผยกำลังทางอากาศ 2 วันประสบความสำเร็จทุกเป้าหมาย “ตร.” ระบุ 6 ตชด.บาดเจ็บ “เสธ.ทบ.” ย้ำต้องเอาแผ่นดินไทยคืนมาให้หมด “ฮุน เซน” แถหาไทยเปิดฉากโจมตีบีบกัมพูชาตอบโต้

ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี วันที่ 9 ธันวาคม 2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายณรงค์ เทพเสนา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เชิญดอกไม้และสิ่งของพระราชทานไปมอบแก่กำลังพลทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ณ โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมทั้งได้เชิญพระราชกระแสความห่วงใย ที่ทรงติดตามอาการของกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บอย่างใกล้ชิด และมีพระราชประสงค์ให้กำลังพลได้รับการดูแลรักษาพยาบาลอย่างดีที่สุด นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ที่ทรงมีต่อเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการรักษาอธิปไตยของชาติ

มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มอบผ้าห่มกันหนาวพระราชทาน 3,000 ผืน พร้อมด้วยชุดยาเวชภัณฑ์ แก่ผู้อพยพที่พักอาศัย ณ ศูนย์พักพิงชั่วคราว อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และเป็นขวัญกำลังใจแก่ประชาชน

เวลา 10.30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยก่อนเข้าประชุมผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง นายกฯ ได้หันมาชูกำปั้นขึ้นแล้วกล่าวว่า “สู้ๆ” เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามเพิ่มเติม นายกฯ ตอบว่า เดี๋ยวรีบประชุมก่อน

ทั้งนี้ ในการประชุม ครม. รัฐมนตรีลาประชุม 4 คนคือ นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รมช.มหาดไทย, พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม และจ่าเอกยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รมช.อุตสาหกรรม

ต่อมาเวลา 12.15 น. นายอนุทินให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีกระแสข่าวรัฐบาลจะขอให้เปิดประชุมร่วมรัฐสภาตามมาตรา 165 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อสถานการณ์ความมั่นคงของประเทศว่า ในวันที่ 10 ธ.ค. เปิดพิจารณาเรื่องรัฐธรรมนูญก่อน เมื่อถามว่ารัฐบาลมีแนวคิดในเรื่องนี้ใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ยัง ใครพูด เมื่อถามว่ายังไม่มีแนวคิดเรื่องนี้ใช่หรือไม่ นายอนุทินย้ำว่า ยังครับ ตอนนี้มีเรื่องความขัดแย้งเพื่อนบ้านอยู่ เราต้องให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และต้องให้กำลังใจเขาเยอะๆ

ถามว่า กัมพูชายังไม่ได้ติดต่อมาเจรจาใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีครับ เมื่อถามอีกว่าไม่มีติดต่อหรือเราไม่เจรจา นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยดำเนินการในสิ่งที่ควรทำ เราได้แสดงความเป็นประเทศไทยให้กับผู้ที่คิดไม่ดีกับประเทศเราให้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว ฉะนั้นตอนนี้ให้กำลังใจผู้ที่กำลังปกป้องอธิปไตยของเราดีกว่า

นายกฯ ยืนยันว่าจะไม่มีการสั่งให้ทหารหยุด ตอนนี้หยุดไม่ได้แล้ว ให้คำมั่นสัญญากับกองทัพแล้วว่าให้กองทัพดำเนินการตามแผนการที่ได้คิดกันไว้อย่างเต็มที่ รัฐบาลให้การสนับสนุนทุกรูปแบบ เมื่อถามว่าจนกว่ากองทัพจะสิ้นสภาพไปใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวทันทีว่า กองทัพเขาไม่ใช่กองทัพเรา  กองทัพเราไม่มีวันสิ้นสภาพ

พอถามถึงกรณีสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ปล่อยภาพนายอนุทินร่วมเฟรมกับผู้ว่าราชการจังหวัดไพลินของกัมพูชาเพื่อดิสเครดิต พร้อมโจมตีนายอนุทินว่านำชีวิตทหารและประชาชนมาเสี่ยงเพื่อสร้างกระแสคะแนนเสียงทางการเมืองให้ตัวเอง นายอนุทินกล่าวว่า ไปกินก๋วยเตี๋ยว ไปกินกวยจั๊บ ไปกินข้าวต้มที่ไหนก็มีแต่คนเข้ามาทักและให้กำลังใจ คงไม่ต้องไปสร้างกระแสตามที่คนต่างชาติว่า เมื่อถามว่าการที่ สมเด็จฮุน เซน ใช้วิธีการแบบนี้ถือเป็นวิถีเดิมๆ ใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ได้สนใจตรงนั้น ที่นี่ประเทศไทย ต้องกังวลและต้องดูแลพี่น้องคนไทยเท่านั้น คนอื่นตนไม่สน

จากนั้นนายอนุทินให้สัมภาษณ์อีกครั้งกรณีทหารเสียชีวิตจากเหตุปะทะแนวชายเพิ่มว่า เราต้องดูแล เพราะถือว่าเป็นวีรชน วีรบุรุษที่ปกป้องประเทศ เอาชีวิตเข้าปกป้องประเทศ ก็ต้องยกย่องสรรเสริญ ดูแลครอบครัวของเขาให้ดีที่สุด

สั่งปกป้องอธิปไตยเต็มกำลัง

เมื่อถามว่า สมเด็จฮุน เซน สั่งยกระดับการตอบโต้ เป็นเหตุทำให้ทหารไทยเริ่มเสียชีวิต นายอนุทินกล่าวว่า เราไม่พูดถึงคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้อง เพราะนี่คือประเทศไทย พร้อมย้ำว่า จะดูแลคนไทยอย่างเต็มที่ และปกป้องอธิปไตยของไทยอย่างเต็มที่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงที่ตอบคำถามเรื่องที่มีทหารเสียชีวิตเพิ่ม นายอนุทินนิ่งไปสักพักแล้วพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า การสูญเสียทหาร สูญเสียคนไทย ในช่วงที่พวกเขาต้องทำหน้าที่ปกป้องประเทศ ก็ถือเป็นต้นทุนที่ต้องมีการชดใช้และรับผิดชอบ

นอกจากนี้ เวลา 15.58 น. นายอนุทินได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงทหารที่เสียชีวิตจากการทําหน้าที่ปกป้องอธิปไตยไทยทั้ง 3 นายว่า "ขอกราบคารวะวีรบุรุษผู้กล้าทั้งสามท่าน ที่สละชีวิตเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติไทย ผมขอส่งกำลังใจให้แก่ครอบครัวของท่าน และให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้การดูแลสมาชิกในครอบครัวทุกคนอย่างดีที่สุด  และการเสียสละของท่านจะไม่เป็นสิ่งที่สูญเปล่าอย่างแน่นอน" พร้อมโพสต์ภาพธงชาติไทยที่มีข้อความว่า "เกิดมาได้เป็นไทย ใช่ทาสเขา ชีพคนเราต้องแตกดับอย่างมั่นแม่น หากต้องตาย ตายอย่างไรไม่เหมือนแม้น ตายเพื่อแผ่นพสุธามาตุภูมิ"

ช่วงค่ำ นายอนุทินโพสต์ข้อความเป็นภาษาอังกฤษผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า Thailand’s direction remains status quo.  No ceasefire. (แปลว่าทิศทางของไทยยังคงเดิม ไม่มีการหยุดยิง)

ส่วนนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังประชุม ครม.ว่า  นายกฯ สั่งการให้หน่วยงานด้านความมั่นคงดูแลความปลอดภัยของประชาชน และปกป้องอธิปไตยของไทยอย่างเต็มกำลัง รวมทั้งมอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลประชาชนที่ต้องอพยพไปอยู่ศูนย์พักพิงชั่วคราวให้ดีที่สุด ทั้งเรื่องความเป็นอยู่ ความปลอดภัย อาหาร น้ำดื่ม การบริการทางการแพทย์ และให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เตรียมการเรื่องงบประมาณในการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัยตามหลักเกณฑ์เดิม เพื่อให้มีความพร้อมและสามารถโอนเงินให้ประชาชนได้อย่างรวดเร็ว ไม่ล่าช้าเหมือนครั้งที่ผ่านมา และให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้สื่อสารข้อมูลหลักในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ดังกล่าว เพื่อให้ข้อมูลมีความถูกต้อง ชัดเจน และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

“หากรัฐมนตรีท่านใดว่างเว้นจากภารกิจปกติ อยากให้ช่วยกันสับเปลี่ยนหมุนเวียนลงไปให้ความช่วยเหลือ และให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาตามศูนย์พักพิงต่างๆ ในแต่ละจังหวัด” โฆษกประจำสำนักนายกฯ อ้างคำพูดนายอนุทินต่อที่ประชุม ครม.ช่วงท้าย

ด้านนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้ชี้แจงกับคณะทูตานุทูต สื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ เพื่อชี้ให้เห็นว่าเหตุการณ์นี้ ไทยไม่ได้เป็นผู้ก่อ และมีความจำเป็นต้องปกป้องอธิปไตยไทย และทำทุกทางที่จะยุติภัยคุกคามจากกัมพูชา และพยายามให้เห็นว่าวิธีการของกัมพูชาตลอดมาคือปฏิเสธ เบี่ยงเบน พยายามสร้างเรื่องราวต่างๆ ขึ้นมาโดยไม่ตรงกับความเป็นจริง

กต.ชี้ชาวโลกรู้ใครเริ่มก่อน

“ผมคิดว่าที่เราชี้แจงมาก็มาถูกทาง เพราะเหตุการณ์นี้ต้องให้ประชาคมโลกเข้าใจ เพราะบางครั้งสิ่งที่เขาต้องการสร้างสถานการณ์ สร้างภาพว่าเป็นฝ่ายถูกรุกราน เป็นเหยื่อ จากประเทศเพื่อนบ้านที่ใหญ่กว่า ความจริงไม่ใช่ เพราะประเทศเล็กก็สามารถยั่วยุ รุกรานได้ จากเหตุการณ์ต่างๆ เพื่อประโยชน์ของเขา” นายสีหศักดิ์กล่าว

ถามว่า สหประชาชาติเรียกร้องให้สองประเทศเจรจาให้ชัดเจน รมว.การต่างประเทศกล่าวว่า ปัญหาคือจะเจรจาเรื่องอะไร ถ้ากัมพูชายังไม่พร้อมที่จะเจรจาก็จะกลับไปสู่เรื่องเดิมอีก คือตกลงกันแล้วก็ไม่ปฏิบัติตามที่ตกลง ดังนั้นก็ขอให้ฝ่ายกัมพูชาพร้อมจริงๆ ขณะนี้เราก็ต้องดำเนินการทางการทหารไปก่อน จนถึงจุดที่เขาพร้อมจริงๆ เมื่อซักว่าหากมีประเทศที่ 3 ติดต่อมาเพื่อขอเป็นตัวกลางในการประสานให้เกิดการเจรจาระหว่างไทยกับกัมพูชา รมว.การต่างประเทศกล่าวว่า เรื่องนี้ไทยคงยังไม่พร้อมเจรจา เพราะไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มเหตุการณ์ ส่วนเจรจาจะได้อย่างไรในขณะที่ฝ่ายกัมพูชายังใช้วิธีการเช่นนี้อยู่ มีการสร้างสถานการณ์ การยั่วยุ เจรจาในสถานการณ์เช่นนี้คงไม่มีประโยชน์

เวลา 19.40 น. น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล  เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีสื่อต่างประเทศรายงานไทยตอบรับข้อเสนอของนายกฯ มาเลเซียเกี่ยวกับการหยุดยิงกับกัมพูชาว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง และไม่สอดคล้องกับจุดยืนที่นายกฯ และรัฐบาลไทยได้แสดงไว้

 “นายกฯ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงข้อมูลต่อเอกอัครราชทูตทั่วโลก และยืนยันข้อเท็จจริงบนเวทีสหประชาชาติแล้วว่าไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มเหตุปะทะ พร้อมย้ำว่าการสื่อสารของรัฐบาลไทยตั้งอยู่บนข้อมูลจริง ไม่มีการปรุงแต่ง ขอประชาชนไม่หลงเชื่อข้อมูลคลาดเคลื่อนจากต่างประเทศ” เลขาธิการนายกฯ ระบุ

ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก, พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ, พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ และ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมแถลงข่าวการดำเนินการของเหล่าทัพต่อสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา

พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า สถานการณ์การปะทะที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องครั้งนี้ นำไปสู่ประเด็นหลัก 5 ประการ ที่ไทยไม่สามารถอดทนอดกลั้นกับการกระทำของกัมพูชาได้อีกต่อไป ได้แก่ ประเด็นที่ 1 การกระทำแบบเดิมๆ ของฝ่ายกัมพูชา โดยเป็นการรุกรานไทยและปฏิเสธการกระทำดังกล่าว ซึ่งรวมถึงการยั่วยุในรูปแบบต่างๆ เช่น การลอบวางทุ่นระเบิดของกัมพูชา ถึงแม้ว่ากัมพูชาจะพยายามสร้างภาพในการเรียกร้องสันติภาพและการใช้การยับยั้งชั่งใจ แต่ก็เป็นฝ่ายยุยง ยั่วยุ และรุกรานก่อนเสมอ, ประเด็นที่ 2 ไทยเองมุ่งมั่นปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเราจำเป็นที่จะต้องดำเนินการทางทหารอย่างถึงที่สุด เพื่อปกป้องบูรณภาพและดินแดนของไทย

ประเด็นที่ 3 ประชาชนคนไทยนั้นหมดความอดทนอดกลั้นต่อการดำเนินการของกัมพูชา ที่ไม่ได้คำนึงถึงศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิของประเทศไทย รวมถึงการที่คนไทยต้องเผชิญกับภัยคุกคามต่อความปลอดภัยมาแล้วครั้งแล้วครั้งเล่า รัฐบาลไทยจึงต้องให้ความสำคัญสูงสุดในการปกป้องอธิปไตย และประชาชนของเรา ทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนของเรา จนกว่าอธิปไตยและบูรณภาพดินแดนของไทยจะไม่ถูกคุกคาม, ประเด็นที่ 4 ท่าทีของไทยนั้น และการปฏิบัติการทหารของไทยจะดำเนิน ไปจนกว่ากัมพูชาจะเปลี่ยนแปลงจุดยืน เช่น การกลับมาเลือกเดินบนทางเดินสู่สันติภาพที่แท้จริง, ประเด็นที่ 5 กัมพูชานั้นเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงต่างๆ รวมถึงข้อตกลงหยุดยิงและถ้อยแถลงร่วม หรือ joint declaration ที่ได้มีการลงนามที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ที่ผ่านมา

ส่วน พ.อ.ริชฌากล่าวว่า กองทัพบกได้ปฏิบัติการทางทหารตามแผนเผชิญเหตุอย่างเป็นระบบ เพื่อการป้องกันตนเอง ควบคู่กับการผลักดันพื้นที่ที่ถูกรุกล้ำอธิปไตย และทำลายศักยภาพการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาไม่ให้สามารถเป็นภัยคุกคามต่อประเทศไทยได้อีก โดยในห้วงวันที่ 8 ธ.ค. จนถึงปัจจุบัน มีผลการปฏิบัติที่สำคัญ โดยพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ทำลายตึกกาสิโนร้างเครือข่ายสแกมเมอร์ ซึ่งถูกใช้เป็นฐานที่ตั้งทางทหารและจุดปล่อยโดรน ในพื้นที่ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ทำลายเสาสัญญาณระบบ Anti-Drone ในพื้นที่อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ  กวาดล้างพื้นที่ที่รุกล้ำแนวปฏิบัติการ บริเวณช่องระยี ทิศตะวันออกของช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เข้าผลักดันทหารกัมพูชาในพื้นที่ปราสาทคนา อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ โดยปัจจุบันยังไม่สามารถควบคุมพื้นที่ได้เบ็ดเสร็จ เนื่องจากมีสนามทุ่นระเบิดอยู่บริเวณโดยรอบ และทำลายกระเช้าลำเลียงเสบียงบริเวณเนิน 350 พื้นที่ปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์

รองโฆษก ทบ.กล่าวว่า พื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ผลักดันและควบคุมพื้นที่ตามแนวเส้นปฏิบัติการ ใน 3 ที่หมาย ได้แก่ บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง และบ้านคลองแผง อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว สามารถทำลายที่มั่นดัดแปลงของฝ่ายกัมพูชาในพื้นที่ปฏิบัติการได้บางส่วน และสามารถยึดและควบคุมพื้นที่ตามแนวเส้นปฏิบัติการบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้วได้เรียบร้อยแล้ว ส่วนพื้นที่อื่นยังคงอยู่ระหว่างการปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง

ด้าน พล.ร.ต.ปารัชกล่าวว่า กองทัพเรือได้เปิดปฏิบัติการทางทหารในการขับไล่ผู้รุกรานในพื้นที่บ้านหนองรี ตำบลชำราก อำเภอเมืองฯ จังหวัดตราด หรือบ้าน 3 หลัง สำหรับพื้นที่บริเวณนี้ถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีข้อพิพาทที่มีมานาน และกองทัพเรือได้เคยเปิดปฏิบัติการในการรื้อบ้าน 3 หลังไปเรียบร้อยแล้วก่อนหน้านี้ ส่วน พล.อ.ท.จักรกฤษณ์กล่าวว่า กองทัพอากาศปฏิบัติภารกิจร่วมกับกองกำลังสุรนารีในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งบริเวณชายแดน โดยมุ่งเป้าในการโจมตีเป้าหมายทางทหาร โดยเป้าหมายจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนกว่าฝ่ายกัมพูชาจะยุติความพยายามในการกระทำที่เป็นภัยคุกคามต่อกำลังของเรา ส่วน พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ระบุว่า สำหรับตำรวจสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกมิติ การอพยพ จะต้องคำนึงถึงความมีมนุษยธรรม และดูแลรักษาความปลอดภัยของทรัพย์สินประชาชน

ปะทะเดือดพลีชีพแล้ว 4 นาย

เวลา 16.00 น. พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก แถลงสรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาประจำวันว่า วันนี้ในส่วนของพื้นที่กองทัพภาค 2 กองกำลังสุรนารี มีปริมาณการตอบโต้กันด้วยอาวุธอย่างหนาแน่น ทางกัมพูชาเปิดฉากโจมตีด้วยเครื่องยิงระเบิดหลายลำกล้อง BM-21 รวมถึงใช้โดรนทิ้งระเบิด หรือโดรนพลีชีพ ใส่ฐานที่มั่นของไทยจำนวนหนาแน่นมากตั้งแต่ช่วงเช้าในหลายพื้นที่ เช่น ช่องบก, ช่องอานม้า, ปราสาทตาควาย, ปราสาทคนา โดยเฉพาะพื้นที่ภูมะเขือและปราสาทตาเมือนธม ที่ฝ่ายกัมพูชาคงมีความพยายามอย่างหนักที่จะพยายามยึดคืน ส่วนฝ่ายไทยตอบโต้ด้วยอาวุธเล็งตรง อาวุธวิธีโค้ง ได้สร้างความเสียหายระดับหนึ่ง

นอกจากนั้น ฝ่ายไทยพยายามเข้าควบคุมที่หมายสำคัญต่างๆ ให้ได้ แม้จะมีอุปสรรคจากการใช้อาวุธของกัมพูชาก็ตาม ซึ่งปัจจุบันกองกำลังสุรนารีปฏิบัติตามแผนในการต้านทานการโจมตีของทหารกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง และได้ผลักดันทหารกัมพูชาที่รุกล้ำอธิปไตยให้ออกจากพื้นที่

สำหรับพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 รับผิดชอบโดยกองกำลังบูรพา ประกอบไปด้วย 2 พื้นที่ ได้แก่ 1.พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้วที่เข้าเคลียร์พื้นที่ ได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN2 จำนวน 2 ทุ่น พร้อมใช้งาน นอกจากนั้นยังพบระเบิดแสวงเครื่องอีก 2 ชุด ชุดที่หนึ่งประกอบจากกระสุนอาร์พีจี 3 นัด และ ค. 60 จำนวน 1 นัด, ชุดที่ 2 ประกอบไปด้วยกระสุน ปรส.แบบ 82 และระเบิดไดนาไมต์ ซึ่งได้ทำการเก็บกู้เรียบร้อยแล้ว 2.พื้นที่บริเวณบ้านคลองแผง อ. ตาพระยา จ. สระแก้ว หน่วยเฉพาะกิจ 11 ได้ใช้ปืนใหญ่รถถัง (oplot) ยิงทำลายกาสิโนของกัมพูชา ซึ่งตั้งอยู่ติดแนวชายแดน โดยสถานที่แห่งนี้ใช้เป็นที่ตั้งของอาวุธยิงสนับสนุน และป้อมปืนกล รวมถึงเป็นคลังอาวุธของทหารกัมพูชาเพื่อที่จะใช้โจมตีฝ่ายไทยบริเวณจุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา โดยปัจจุบันกองกำลังบูรพากำลังปฏิบัติการโจมตีต่อเป้าหมาย โจมตีของฝ่ายกัมพูชาที่ยังเข้าขัดขวางด้วยจรวด BM-21 ตามปืนใหญ่ปืน ค. อย่างต่อเนื่อง

 “ในปัจจุบันได้พบบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย โดยพบร่องรอยลูกจรวด BM-21 พื้นที่โศกขามป้อม ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยบ้านเรือนได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ นอกจากนั้นยังพบกระสุนปืนใหญ่ตกใส่บ้านเรือนประชาชน ที่บ้านโคกทหาร หมู่ 5 ต.ทับเสด็จ อ.ตาพระยา โดยไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ในส่วนของบ้านหนองจานและหนองหญ้าแก้วนั้น ยังมีการใช้อาวุธใน 2 พื้นที่อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ต้องยอมรับว่าตรงนั้นเป็นพื้นที่โล่ง บางพื้นที่ก็เข้าไปได้ แต่บางพื้นที่ก็ไม่ปลอดภัยที่จะไปรอเฝ้ายึดอยู่ ก็เลยมีการสลับเข้า-สลับออก ยกเว้นตรงพื้นที่หนองหญ้าแก้วที่เราควบคุมได้สมบูรณ์ที่สุด ตอนนี้ไม่มีข้อมูลที่เปลี่ยนแปลง ส่วนหมู่บ้านอื่นนั้นยังไม่ยืนยัน” พล.ต.วินธัยกล่าว

โฆษก ทบ.กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มสถานการณ์นั้น ฝ่ายไทยก็คงดำรงความมุ่งมั่นในการเข้าสู่ที่หมายและควบคุมพื้นที่ แต่วันนี้ฝ่ายกัมพูชายอมรับว่าวันนี้ตอบโต้ด้วยอาวุธเข้ามาค่อนข้างหนัก และเริ่มมีการบาดเจ็บและสูญเสียมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เป็นความพยายามของฝ่ายไทยในการดำเนินภารกิจตามความมุ่งหมายให้ได้

พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ ยืนยันว่า กองทัพอากาศได้มีการจัดลำดับความในการโจมตีเป้าหมายสำคัญ โดยพิจารณาร่วมกันกับกองทัพบก กองกำลังสุรนารี เช่น ศูนย์บัญชาการทางทหาร การส่งกำลังบำรุง คลังอาวุธ ยุทโธปกรณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการปฏิบัติภารกิจของกองกำลังสุรนารี และได้คำนึงถึงความปลอดภัยของชีวิตประชาชนในพื้นที่ แนวคิดดังกล่าวส่งผลต่อการพิจารณาเลือกใช้อาวุธต่อเป้าหมาย โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือการป้องกันหรือควบคุมไม่ให้การปฏิบัติการใดๆ ไม่ให้กระทบต่อพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไทยเองหรือฝ่ายกัมพูชา จึงนำไปสู่การตัดสินใจในการใช้อาวุธที่มีความแม่นยำสูงในการโจมตีเป้าหมาย

โฆษก ทอ.กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายที่ลึกเข้าไปในดินแดนของกัมพูชานั้น ก็เป็นหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงของกำลังกองทัพอากาศ ตลอดช่วง 2 วันที่ผ่านมาขอยืนยันว่าประสบความสำเร็จ แม้ไม่สามารถยืนยันว่ามีเป้าอะไรบ้าง ซึ่งเป็นการโจมตีเพื่อดำรงไว้ซึ่งขีดความสามารถของกำลังทางบก และคำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในยุทธบริเวณ รวมถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ กองทัพอากาศขอยืนยันว่ามีความพร้อมสูงสุดในการสนับสนุนภารกิจของกองทัพไทยทั้ง 3 กองกำลัง

พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่ทำงานร่วมกับทหารในแนวหน้าได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 6 นาย จากสะเก็ดระเบิด และการปะทะ โดย ผบ.ตร.ได้สั่งการไปยังผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนให้ดูแลสิทธิสวัสดิการและการรักษาพยาบาลอย่างเต็มที่

ทั้งนี้ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ได้รับบาดเจ็บ 6 นาย ประกอบด้วย ว่าที่ ร.ต.ต.ศุภชัย เนียมเที่ยง รอง สวป.กก.ตชด.22, จ.ส.ต.พลางกูร หมอกเจริญ ผบ.หมู่ กก.ตชด.22, จ.ส.ต.สิทธิศักดิ์ พันทะไชย ผบ.หมู่ กก.ตชด.22, จ.ส.ต.รุจธร ดานนธิสรน์ ผบ.หมู่ กก.ตชด.22, ส.ต.อ.สิทธิชัย บุ้งทอง ผบ.หมู่ กก.ตชด.22 และ ส.ต.ต.กำพล แสงจันทร์สี ผบ.หมู่ กก.ตชด.12 ล่าสุดทั้ง 6 นายอาการปลอดภัย อยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 รายงานว่า จากผลการปะทะกันอย่างหนักตลอดห้วงเวลาที่ผ่านมา ฝ่ายไทยได้สูญเสียนักรบกล้าสละชีพเพื่อพิทักษ์ชาติไปจำนวน 4 นาย บาดเจ็บรวม 68 นาย ฝ่ายกัมพูชาเสียชีวิต 61 นาย บาดเจ็บยังประเมินไม่ได้

โดยทหารเสียชีวิต 4 นาย แยกเป็นวันที่ 8 ธ.ค.เสียชีวิต 1 นาย คือ จ.ส.อ.ศตวรรษ สุจริต สังกัด กองร้อยทหารม้าลาดตระเวนที่ 6 โดนสะเก็ดระเบิด พื้นที่ฐานป้องไพร ช่องบก ช่วงเช้าวันที่ 9 ธ.ค. เสียชีวิต 2 นาย คือ 1.พลทหารวายุ ขวัญเสือ สังกัด กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ โดนสะเก็ดระเบิดอาวุธวิถีโค้ง พื้นที่ฐานปฏิบัติการ 225 จ.สุรินทร์ และ 2.ส.อ.ชวกร เดชขุนทศ สังกัดกองพันทหารม้าที่ 11 กรมทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ (ม.4 พัน.11 รอ.) ค่ายอดิศร จ.สระบุรี ถูกโดรนทิ้งระเบิดของกัมพูชาขณะเคลื่อนย้ายออกจากบังเกอร์ ณ ฐานบ้านต้นพยุง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และล่าสุดเพิ่มอีก 1 นาย คือ จ่าสิบโทจิระวัฒน์ มุ่งกลาง สังกัด กองพันทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ (ช.พัน.1 รอ.) ได้เสียชีวิตจากการถูกทหารกัมพูชายิงด้วยปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง (ปรส.) จากบริเวณเนิน 677 ช่องอานม้า

‘ฮุน เซน’ แถไทยบีบเขมรตอบโต้

ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก (เสธ.ทบ.) ได้เดินทางมามอบเงินช่วยเหลือ พร้อมให้กำลังใจนายทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา พร้อมขอให้หายจากอาการบาดเจ็บโดยเร็ววัน โดย พล.อ.ชัยพฤกษ์บอกกับทหารที่ได้รับบาดเจ็บว่า ในปัจจุบันเพื่อนทหารกำลังปฏิบัติการในการไล่ยึดพื้นที่ต่างๆ และไม่ต้องห่วง เพราะเราจะเอาแผ่นดินไทยคืนมาให้หมดแน่นอน โดยตอนนี้กัมพูชามีการใช้โดรนในพื้นที่มากขึ้น สิ่งที่น้องได้ทำมาคือการทำเพื่อชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง ยืนยันว่าจะยึดคืนให้หมดตอนนี้เหลือ 4 ที่หมาย เพื่อนๆ ที่อยู่ที่นั่นจะจัดการเอาคืนให้

วันเดียวกัน ตั้งแต่ช่วงเช้า สมเด็จฮุน เซน  ประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า ได้อดทนมากกว่า 24 ชั่วโมง เพื่อรอการหยุดยิงและอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยง โดยไทยประกาศจะเข้ายึด 11 จุดยุทธศาสตร์ แต่กัมพูชาไม่ทราบว่า 11 จุดนั้นอยู่ตรงไหนบ้าง จึงสั่งให้กองกำลังใช้อาวุธครบมือโจมตีตอบโต้ในทุกตำแหน่งที่ถูกฝ่ายไทยรุกเข้ามา ซึ่งแนวตั้งรับของกัมพูชามีฐานที่มั่นแข็งแรง และกองทัพไทยไม่สามารถตีฐานได้

“สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้กัมพูชาจำเป็นต้องใช้ยุทธวิธี ทำลายขีดความสามารถของกำลังทหารไทยในบริเวณรุกล้ำ ซึ่งเป็นการปกป้องตนเองจากการถูกคุกคาม” สมเด็จฮุน เซน ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เคอร์ฟิว‘สระแก้ว’ ปะทะเดือด!ชายแดน7จ. หนูปัดทรัมป์กล่อมหย่าศึก

“นายกฯ” เผย “ทรัมป์” ยังไม่ประสานคุยหยุดยิง ชี้การเจรจาระดับผู้นำมีขั้นตอนอยู่ ยันพร้อมแจงข้อมูลสถานการณ์ให้ ปธน.สหรัฐเข้าใจ ย้ำไทยอยู่บนพื้นฐานรักษาอธิปไตย-ดินแดน-ความปลอดภัยประชาชน

16ธ.ค.เคาะคนละครึ่งเฟส2

"อนุทิน" ย้ำ "คนละครึ่งพลัส" เฟสสองทำแน่ ตราบใดยังมีอำนาจเต็ม "โฆษกรัฐบาล" เผยชงเข้า ครม.สัปดาห์หน้า คาดให้ 10  ล้านสิทธิ์