นับถอยหลัง “อนุทิน” จ่อดาบ พ.ร.ฎ.ยุบสภา ขณะที่สภาถก รนธ.วาระ 2 เคาะ "กมธ.ร่าง รธน.-กมธ.รับฟังความเห็น" สูตร 20 หยิบ 1 "เพื่อไทย" ปักหลักทวงคืน “ส.ส.ร.” ผวาหนักโดนน้ำเงินครอบเรียบ ขณะที่ "ไอติม" สวน กมธ.เสียงข้างมาก ยันจุดยืน ปชช.ต้องมีส่วนร่วม ด้าน “นันทนา” ผวา รธน.ฉบับสีเทา "วิทยา" ควันออกหูปมคุณสมบัติกีดกันนักการเมือง จ่อวิ่งโร่ไปยื่นศาล
เมื่อวันพุธ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์กระแสข่าวเรียกแกนพรรคร่วมรัฐบาลพูดคุยเตรียมความพร้อมยุบสภาว่า คุยเมื่อไหร่ ตนยืนอยู่ตรงนี้ บอกว่าไม่มี แล้วจะมีได้อย่างไร ยังยืนยันการยุบสภาเป็นอำนาจของนายกฯ ที่จะทูลเกล้าฯ ถวายขึ้นไป
เมื่อถามว่า ยังเป็นไทม์ไลน์เดิมในวันที่ 31 ม.ค.69 หรือจะเร็วขึ้น นายอนุทินกล่าวว่า เป็นอำนาจของนายกฯ เมื่อถามย้ำว่าการประชุมหัวหน้าหน่วยราชการเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. บอกว่าอาจจะเร็วกว่าเดิมเหลือเพียงแค่ลงวัน ว. เวลา น. ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ใช่ เราก็ดูสถานการณ์ความเหมาะสม ผู้สื่อข่าวถามว่าร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภามีการเตรียมไว้แล้วใช่หรือไม่ นายกฯ ไม่ตอบคำถามแค่พยักหน้ายอมรับ
ส่วนการแก้รัฐธรรมนูญวาระ 2 ในวันนี้จะเดินไปถึงวาระ 3 ได้หรือไม่นั้น นายอนุทินกล่าวว่า พยายามเต็มที่เรามีเอ็มโอเออยู่
ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พ.ศ….. ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้ว โดยเป็นการพิจารณาเรียงรายมาตรา ในวาระ 2
นายวันมูหะมัดนอร์ชี้แจงว่า การอภิปรายกันไม่ยึดเยื้อ จึงขอความร่วมมือสมาชิกที่มาประชุมอย่างน้อย 2 วันนี้ ขอให้อยู่ใกล้ๆ ห้องประชุม เพื่อที่จะลงมติได้เร็ว เพื่อที่เราจะได้ไปเร็ว หากต้องรอลงมติก็จะเสียเวลา
“ดังนั้น หน้างานผมอยากให้ประธานวิป 3 ฝ่าย ทั้งฝ่ายค้าน รัฐบาล และวุฒิสภา หารือได้ตลอดเวลา เพื่อที่การอภิปรายได้ไปเร็วหากมีปัญหาจะได้แจ้งมาที่ประธานได้” ประธานรัฐสภากล่าว
ด้านนายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ระบุว่า จะยื่นญัตติด่วนต่อประธานด้วย เพื่อให้รัฐสภาให้มีมติเพื่อยื่นไปที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเรื่องการทำประชามติครั้งที่ 1 เพื่อไม่ต้องเสียเวลาไปรอการลงมติในวาระที่ 3 นั่นคือเมื่อพิจารณาวาระที่ 2 เสร็จแล้ว จึงอยากขอความกรุณาให้เพื่อนสมาชิกร่วมพิจารณาญัตติด่วนเพื่อที่ทำคำถามที่ 1 ส่งไปที่รัฐบาล เพื่อให้รัฐบาลทำคำถามประชามติในครั้งที่ 1 เสียก่อน ส่วนหลังจากที่ลงมติในวาระที่ 3 เรียบร้อย ประธานอาจจะให้สภาพิจารณาในเรื่องคำถามเพื่อที่ส่งไปให้รัฐบาล เพื่อทำคำถามประชามติในคำถามที่ 2 ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ก็สามารถทำได้ ทั้งนี้พวกตนเองได้เสนอญัตติกับรัฐสภาไว้แล้ว และรอประธานบรรจุระเบียบวาระ หากไม่ขัดข้องเราจะได้พิจารณาในญัตติด่วนหลังจากที่พิจารณาวาระที่ 2 เสร็จ
ขณะที่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า เห็นว่าเป็นการทำงานเกินความจำเป็นหรือไม่ เพราะอำนาจของ ครม.มีอยู่แล้วในกรณีที่ต้องการส่งคำถามประชามติ ครม.ไม่ต้องมาถามรัฐสภา สามารถส่งคำถามประชามติคำถามที่ 1 ไปที่ กกต.ได้เลย
ทำให้นายภราดรอภิปรายว่า ได้ แม้ว่ากฎหมายประชามติจะอนุญาตให้ ครม.ทำได้ แต่เมื่อกฤษฎีกาทักท้วงว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเริ่มต้นที่รัฐสภา ก็ควรที่จะให้รัฐสภานั้นเสนอคำถามต่อ ครม. เพื่อให้ครม.ดำเนินต่อไปและส่งให้ กกต.เพื่อให้เกิดความรอบคอบ และความถูกต้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ได้ชี้แจงว่า เราจะดำเนินการต่อไป และจะต้องมีการหารือระหว่างวิปทั้ง 3 ฝ่ายด้วย เพระาหลักใหญ่ค่อนข้างจะเห็นตรงกันแล้ว
2 ปี ปท.เปลี่ยน
จากนั้น นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ รายงานผลการพิจารณาว่า กมธ.ได้พิจารณาโดยเป็นไปตามหลักการของร่างแก้รัฐธรรมนูญ และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีบทสรุปส่วนแก้ไขในส่วนของกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้มี กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน รัฐสภาคัดเลือกจากบัญชีรายชื่อของบุคคลที่สมควรได้รับการคัดเลือก ตามสูตร 20 หยิบ 1 มีหน้าที่และอำนาจและจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จภายใน 360 วัน
นายณัฐวุฒิรายงานว่า กมธ.ได้ปรับเปลี่ยนจากสภาที่ปรึกษาการร่างรัฐธรรมนูญ เป็น กมธ.รับฟังความคิดเห็น และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรรมนูญ จำนวน 35 คน รัฐสภาเลือกจากบัญชีรายชื่อของบุคคลผู้สมควรได้รับเลือก มีหน้าที่และอำนาจ รับฟัง รวบรวมความคิดเห็นจากประชาชชนอย่างทั่วถึง รอบด้าน เป็นระบบ ขอให้ สว. สส. ครม. หรือหน่วยางานต่างๆ ลงพื้นที่ฟังความเห็นเพื่อนำมาสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ และเผยแพร่สาระ ความคืบหน้าของการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่านช่องทางต่างๆ
“หากมีรัฐธรรมนูญใหม่เกิดขึ้นจริง กมธ.ยืนยันว่าอาจใช้เวลาเกือบ 2 ปีเศษ ซึ่งเหมาะสมและพอควรต่อการเปลี่ยนผ่านของประเทศอีกครั้ง ร่างรัฐธรรมนูญที่แก้ไขเพิ่มเติมทั้งหมดมีมาตราหลัก 8 มาตรา มีเพียง 1 หมวด มี 39 มาตราย่อย กมธ.แก้ไข 33 มาตรา ไม่แก้ไข 3 มาตรา ได้ตัดออก 10 มาตรา และเพิ่มขึ้นใหม่ 3 มาตรา เท่ากับว่าหากเดินหน้าพิจารณา ต้องลงมติรวมกันประมาณ 50 ครั้ง” นายณัฐวุฒิกล่าว
นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า กรรมาธิการพรรคเพื่อไทย ขอสงวนความเห็น และแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256/1 โดยให้มีคณะกรรมการสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ตามที่คิดไว้เดิม เพราะเชื่อว่า จะเป็นผลดีมากกว่าการมีเพียงกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และกรรมาธิการรับฟังความเห็น ซึ่งองค์ประกอบของ ส.ส.ร. เป็นการเลือกมาจากประชาชน 300 คนทั่วประเทศ และท้ายที่สุดให้รัฐสภาเลือก ส.ส.ร. 100 คน โดยมีหลักประกันว่าอย่างน้อยต้อง มี ส.ส.ร.จังหวัดละ 1 คน เราเชื่อมั่นว่าจะไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เพราะกำหนดไว้เพียงว่าห้ามมิให้รัฐสภาเลือกผู้ร่างจากประชาชนโดยตรง แต่วิธีการที่เราเสนอเป็นเรื่องของผู้ที่สมควรจะสมัครไปสมัครแล้วให้ประชาชนเลือกเบื้องต้น และให้รัฐสภาเลือก ส.ส.ร.เหลือ 100 คน จึงมิใช่การเลือกผู้ร่างโดยตรง จึงเห็นว่าควรมีส.ส.ร.ส่วนหนึ่งที่มาจากการเสนอขององค์กรทั้งหลาย เช่น วุฒิสภา สภาผู้แทนราษฎร คณะรัฐมนตรี (ครม.) องค์กรเอกชน และองค์กรท้องถิ่น เลือกมาแล้วเสนอให้รัฐสภาแต่งตั้งอีก จำนวน 51 คน
ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการผู้สงวนความเห็น อภิปรายว่า ผู้ที่ครองเสียงข้างมากในสภา ชุดที่ 27 และรัฐสภา บวกกับ สว. ที่มีอยู่ในปัจจุบัน นั่นแหละคือรัฐสภาชุดนั้น ผู้ที่ครองเสียงข้างมากได้สามารถจะชี้นำครอบงำผู้จะมาเป็นกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญได้ แม้เราจะใช้วิธีการสูตร 20 หยิบ 1 สุดท้ายก็เป็นไปตามเสียงข้างมาก และเสียงข้างมากทำ 2 อย่างในคราวเดียวกัน คือยกร่าง และเห็นชอบร่างเลยก่อนเสนอให้รัฐสภาพิจารณาเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ
“เบ็ดเสร็จอยู่ในตัว 35 คน กำหนดประเทศได้ ถ้า 35 คนเป็นผู้เขียนรัฐธรรมนูญสุ่มเสี่ยงต่อการชี้นำ ตั้งแต่กระบวนการการรับสมัครเบื้องต้น ซึ่งในร่างของกรรมาธิการเสียงข้างมากก็เสมือนจะไปเอื้อให้กับคนกลุ่มนี้ถูกจัดตั้งมาตั้งแต่แรก 35 คนใส่ชื่อมาได้ทันที และผู้สนับสนุนอีก 100 คน บุคคลทั่วไปยากมากที่จะไปหาผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้ง 100 คนแล้วมาสนับสนุน ตัวเองให้สมัครเป็นกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าเป็นพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองที่มีสมาชิกพรรคอยู่แล้วง่ายมากที่จะมีผู้รับรอง ฉะนั้น ข้อสงวนของผม จึงต้องการที่จะตัดประเด็นนี้ออกไปเพื่อลดการครอบงำชี้นำให้มากที่สุด" นพ.ชลน่านกล่าว
นพ.ชลน่านกล่าวว่า ตนจึงเสนอที่มาของกรรมาธิการ 35 คน แบ่งออกเป็นที่มาตามสัดส่วนภูมิภาค 20 คน แบ่งตามความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ เช่น ด้านกฎหมาย 5 คน ด้านรัฐศาสตร์ หรือรัฐประศาสนศาสตร์ 5 คน เคยมีประสบการณ์ทางการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดิน หรือการร่างรัฐธรรมนูญ 5 คน กำหนดคุณสมบัติไว้ให้มีผู้มาสมัคร และให้รัฐสภาคัดเลือก
นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่า ในการเห็นชอบกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ 1 คน ต้องได้รับเสียงเห็นชอบจากรัฐสภา โดยเสียงต้องเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา โดยต้องมี สว.เห็นชอบด้วย ไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 หรือ 40 คน และต้องมีเสียงเห็นชอบจากสมาชิกฝ่ายค้าน ไม่น้อยกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ เหมือนกับการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 256/1 หากเป็นเช่นนี้จะเกิดการถ่วงดุลจากการเห็นชอบจากทุกฝ่าย
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการฯ ผู้สงวนความเห็น อภิปรายว่า ยืนยันว่าในมาตรา 256/1 ว่าด้วยการกำหนดองค์กรที่จะทำหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตนเองไม่เห็นด้วยกับมติของกรรมาธิการฯ เสียงข้างมาก จึงต้องสงวนความเห็นเพื่อยืนยันว่า ข้อเสนอของพรรคประชาชนไม่ขัอต่อคำวินิจฉัยแต่อย่างใด คือ 1.หากดูความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 85 ว่าการเลือกตั้งโดยตรง หมายถึงผู้เลือกตั้งเป็นผู้เลือกและชี้ขาดว่าใครจะถูกรับเลือก ดังนั้น การที่ประชาชนเลือกผู้ร่างมา 70 คน โดยไม่มีหลักประกันว่าทั้ง 70 คนนั้น ใครบ้างจะถูกคัดเลือกโดยรัฐสภา 35 คน จึงไม่ถือเป็นการเลือกตั้งโดยตรง 2.ตามกติการัฐธรรมนูญ 2560 ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในประเทศนี้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรง แต่มาจากการคัดเลือกของสภา ในมุมเดียวกัน จึงไม่ต่างจากการเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญตามที่พรรคประชาชนเสนอ
รธน.ฉบับสีเทา
ต่อมาเวลา 12.10 น. การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาแล้วเสร็จ ซึ่งอยู่ระหว่างการอภิปรายร่างมาตรา 4 ซึ่ง กมธ.เสียงส่วนใหญ่เสนอให้มี กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน ซึ่งรัฐสภาคัดเลือกจากบัญชีรายชื่อของผู้สมัครได้รับเลือกด้วยสูตร 20 หยิบ 1 และ กมธ.รับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน ซึ่งรัฐสภาคัดเลือกจากบัญชีรายชื่อของบุคคลที่สมัครรับคัดเลือกด้วยสูตร 20 หยิบ 1 นั้น
น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. อภิปรายว่า หากให้มีผู้ร่างรัฐธรรมนูญตามที่ กมธ.เสียงข้างมากเสนอ เป็นวิธีที่สมาชิกรัฐสภาเลือกผู้สมัครเข้ามาเองในสูตร 20 หยิบ 1 ด้วยวิธีดังกล่าวจะยึดโยงประชาชนอย่างไร เพราะมี สว.ที่ไม่ได้มาจากประชาชน โดยเฉพาะ สว.เสียงข้างมากสามารถหยิบผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้ 7-8 คน ส่วนที่เหลือต้องไปเกาะกับพรรคการเมืองจะได้เป็น กมธ.เสียงข้างมาก ด้วยวิธีนี้จะไม่ได้รัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชน
“ยังไม่เข็ดอีกเหรอ ที่เลือกกันเองแบบ สว. ที่ได้มาโดยประชาชนไม่ได้เลือก และเมื่อเข้ามาเป็นแล้วไม่เคยทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน ข้อเสนอแก้รัฐธรรมนูญมุ่งเพื่อรักษาอำนาจของพวกพ้อง ทั้งเสนอให้ สว.อยู่ครบวาระ 5 ปี มีอำนาจแก้รัฐธรรมนูญ ได้ไปเป็น สส. เป็นรัฐมนตรีหลังพ้น สว. หากได้คนร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้มาจากประชาชน เขาจะคิดถึงประโยชน์ของตนเองมากกว่าประโยชน์ประชาชน และรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศจะยอมให้กลุ่มฮั้วร่างรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของพวกพ้อง หากเป็นพวกที่เชื่อมโยงกับสแกมเมอร์ อาจได้เห็นรัฐธรรมนูญฉบับสีเทาได้” น.ส.นันทนากล่าว
ผวา! สีน้ำเงิน
ขณะที่นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การใช้สูตร 20 หยิบ 1 มีปัญหาที่มองเห็นได้ว่า หากมีคนควบคุมได้ 18 กลุ่ม จาก 35 กลุ่ม ควบคุมการเป็นไปของรัฐธรรมนูญแบบเบ็ดเสร็จ เพราะใช้เสียงเพียง 198 เสียง เป็นสิ่งที่น่ากังวล เหตุผลการเลือกแบบกลุ่ม กลุ่มที่รวมตัวเหนียวแน่น หรือจัดการเป็นระบบ และมีกติกาที่เอื้อต่อการเลือก สามารถควบคุมความเป็นไปของรัฐธรรมนูญได้เบ็ดเสร็จ หากมีพรรคการเมืองหรือกลุ่มสีน้ำเงินมี สส. 100 คน สว. 150 เสียง รวม 250 เสียง สามารถควบคุมได้
“สส.สีน้ำเงิน 80 เสียง หรือเป็น 100 เสียงตอนนี้ และร่างเขียนกติกาเลือก กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญให้ประธานรัฐสภายุคหน้ากำหนด หากเลือกตั้งเที่ยวหน้ารัฐบาลเป็นสีน้ำเงินและ สว.สีน้ำเงิน จะได้รัฐธรรมนูญสีน้ำเงินอย่างแท้จริง เมื่อใดที่มีรัฐธรรมนูญบิดเบี้ยว กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้เปรียบ รัฐธรรมนูญอยู่ไม่นาน” นายจิตติพจน์กล่าว
ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นําฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายว่า หลักสาระสําคัญของมาตรา 256/1 คือองค์ประกอบและที่มาของผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจมีการพูดคุยถึงเรื่องสูตร 20 หยิบ 1 รวมถึงเรื่องอื่นๆ ตนเองและพรรคประชาชนเราเห็นว่าข้อเสนอของพวกเราที่ได้มีตัวแทนสงวนคําแปรญัตติ สงวนความเห็นไว้ เรื่องของผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญนั้น สามารถมาจากการเลือกตั้งโดยอ้อมได้ รวมถึงเรื่องคณะที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงได้ เรายังมีความเห็นว่าข้อเสนอนี้ไม่ได้มีความแย้งกับคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างไร ดังนั้น ขอเชิญชวนท่านสมาชิกทุกท่านย้อนกลับไปดูเจตจํานงเริ่มต้นที่พวกเราเดินหน้ากระบวนการการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะสุดท้ายแล้วเราควรจะต้องทําหน้าที่ของพวกเราในสภาอย่างเต็มที่ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีการอภิปรายในร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ซึ่ง กมธ.พิจารณาแล้วเสร็จ โดยที่ประชุมได้ใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมงในการอภิปรายร่างมาตรา 4 ซึ่ง กมธ.เสียงข้างมากเสนอให้มี กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน ที่รัฐสภาคัดเลือกจากบัญชีรายชื่อของผู้สมัครได้รับเลือกด้วยสูตร 20 หยิบ 1 และ กมธ.รับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน ซึ่งรัฐสภาคัดเลือกจากบัญชีรายชื่อของบุคคลที่สมัครรับคัดเลือกด้วยสูตร 20 หยิบ 1
เมื่อการอภิปรายแล้วเสร็จจึงได้ลงมติ ผลปรากฏว่า มติเสียงข้างมาก 328 เสียง เห็นด้วยกับการแก้ไขของ กมธ.เสียงข้างมาก ที่เสนอให้ที่ประชุมพิจารณา ต่อ 266 เสียงที่ไม่เห็นด้วย มีผู้งดออกเสียง 21 เสียง
หลังจากนั้น เวลา 14.20 น. การประชุมได้พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาแล้วเสร็จในร่างมาตรา 256/2 ว่าด้วยขั้นตอนของการสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมาธิการ (กมธ.) ร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่ง กมธ.เสียงข้างมากแก้ไขให้ผู้ที่ประสงค์จะสมัครต้องยื่นใบสมัครพร้อมหลักฐาน การแสดงวิสัยทัศน์ และรายชื่อผู้สนับสนุนไม่น้อยกว่า 100 คนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และยื่นรายชื่อให้รัฐสภาดำเนินการเผยแพร่บัญชีผู้สมัคร รวมถึงหลักฐานให้ประชาชนตรวจสอบ ทั้งนี้ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ประธานรัฐสภากำหนด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการอภิปรายของ กมธ.เสียงข้างน้อย ในฝั่งพรรคเพื่อไทยสงวนความเห็นให้แก้ไข เนื่องจากกังวลในเงื่อนไขที่ กมธ.เสียงข้างมากกำหนดนั้น อาจทำให้เกิดความล้มเหลวของการคัดเลือกบุคคลเข้ามาเป็นผู้ทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ทางด้านนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธาน กมธ. ชี้แจงว่า เหตุผลสำคัญที่ กมธ.พิจารณาคือ เพื่อให้การแก้ไขผ่านไปโดยไม่มีการส่งตีความ ที่ทำให้ระยะเวลาถูกทอดยาวออกไปโดยไม่จำเป็น ต้องอิงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้การแก้ไขของ กมธ.นั้นจะตอบโจทย์การมีส่วนร่วมของประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นที่ประชุมได้ลงมติตัดสิน โดยเสียงข้างมาก 315 เสียง เห็นด้วยกับการแก้ไขของ กมธ.เสียงข้างมาก ต่อเสียงไม่เห็นด้วย 255 เสียง
ขู่ยื่นศาลรธน.
จากนั้นเวลา 15.00 น. เข้าสู่การพิจารณามาตรา 256/3 เกี่ยวกับคุณสมบัติของคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ โดย นายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ อภิปรายว่า ตนเองติดใจว่าทำไมต้องห้ามคนที่เป็นนักการเมืองลาออกวันนี้แล้วไปสมัครเป็น กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้ ทำไมห้ามอดีตรัฐมนตรี อดีตประธานสภาฯ อดีตผู้ว่าฯ กทม. อดีตนายกเทศมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งแล้ว ทำไมต้องรอถึง 5 ปี และจะรับรองได้อย่างไรว่าหากตนหรือท่านประธานสภาฯ ลาออกแล้วไปสมัคร แล้วคณะกรรมการการเลือกตั้งตีความว่าเป็นอดีต สส. อดีตรัฐมนตรีลาออกยังไม่ถึง 5 ปี แล้วไปเข้าเงื่อนไข ซึ่งตนเป็นกรรมการสิทธิและเสรีภาพมา 7 ปี มีอาชีพทนายความ 45 ปี ดังนั้นตนมีคุณสมบัติ แต่เมื่อคุณสมบัติหนึ่งของตนที่ไปขัดข้อกำหนด หากลาออกแล้วไปลงสมัคร กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ แล้วใครจะรับรอง หรือประธาน กมธ.จะทำหน้าที่เป็นตุลาการวินิจฉัยไว้ตอนนี้ก็จะบันทึกไว้ว่าหากเป็นหลายตำแหน่ง แล้วหยิบตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งมาก็ได้ ถ้าไม่วินิจฉัยให้ในวันนี้ ตนเองก็จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าเขียนกฎหมายขัดกันในตัว
ด้านนายณัฐวุฒิชี้แจงว่า ตนเองคงไม่ใช่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แต่ยืนยันว่านี่คือเจตนารมณ์ ขณะที่กรรมาธิการมีการพิจารณาว่ามาตรา 256/3 คือประตูเข้าซึ่งเป็นชอยส์เบื้องต้น เรายืนยันว่ามีการอภิปรายและบันทึกการประชุมชัดเจนว่าหากเข้าเงื่อนไข คือมีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และเข้าเงื่อนไข (3) คือมีอย่างหนึ่งอย่างใดเป็นคุณสมบัติพื้นฐาน และไม่มีประเด็นติดข้อใดข้อหนึ่ง จะไม่สามารถเดินต่อได้ หากจะมีการขัดหรือเข้าข่ายเป็นลักษณะต้องห้าม ที่ไม่ใช่ให้เป็นผู้มีคุณสมบัตินั้น จะต้องไปพิจารณาในมาตรา 256/4
จากนั้นที่ประชุมลงมติมาตรา 256/3 เห็นชอบตามกรรมาธิการเสียงข้างมากด้วยคะแนน 530 ไม่เห็นด้วย 30 งดออกเสียง 11 ไม่ลงคะแนน 5
ต่อมา น.ส.นันทนาอภิปรายมาตรา 256/4 บุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับการคัดเลือกเป็นกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญว่า ข้อเสนอที่ตนเองเพิ่มขึ้นคือคุณสมบัติต้องห้ามของบุคคลที่มาสมัครเป็นกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ ต้องไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำรัฐประหาร ซึ่งประชาธิปไตยตรงข้ามกับเผด็จการ การทำรัฐประหารคือการทำลายประชาธิปไตย เราจะให้คนที่ทำลายประชาธิปไตยมาร่างรัฐธรรมนูญเช่นนั้นหรือ ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนฝากมา
เคาะ 20 หยิบ 1
ต่อมาเวลา 19.30 น. เมื่อพิจารณาถึงมาตรา 256/5 ว่าด้วยวิธีการคัดเลือกกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ ที่ใช้สูตร 20 หยิบ 1 ตามการแก้ไขของกรรมาธิการฯ เสียงข้างมาก นพ.ชลน่านมองว่า การใช้คำว่าสมาชิกรัฐสภานั้น การรวมกลุ่มกัน 20 คน ถือว่าเป็นเพียงสมาชิก ยังไม่ใช่สมาชิกรัฐสภา สมาชิกรัฐสภาควรเป็นที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา จึงเสนอให้แก้ไขเนื้อหา เป็นวิธีการลงคะแนนให้ความเห็นชอบ ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาต้องขานชื่อผู้สมควรได้รับการคัดเลือกเป็นกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญไปจนครบ 35 คน
“ทั้งนี้ ผู้ได้รับการคัดเลือกต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้ง 2 สภา โดยในจำนวนนี้ต้องมี สส.ฝ่ายค้านไม่น้อยกว่า 20% ของทุกพรรคการเมืองดังกล่าวรวมกัน และต้องมี สว.เห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวน สว.ทั้งหมด เพื่อป้องกันการครอบงำ” นพ.ชลน่านระบุ
ขณะที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการฯ กล่าวชี้แจงว่า การเลือกกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญต้องแยกเป็นต้นทาง ซึ่งได้พิจารณาไปแล้วในมาตรา 256/2 มติของรัฐสภาตัดการเลือกตั้งโดยอ้อมของประชาชนออกไป และให้ส่งรายชื่อผู้สมัครทั้งหมดให้รัฐสภาคัดเลือก
“ตอนนี้ต้องพิจารณากระบวนการปลายทางคือสูตร 20 หยิบ 1 ซึ่งเป็นการกำหนดจากการนำจำนวนสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด 700 คน หารด้วย 35 เพื่อให้กรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญสะท้อนสัดส่วนความหลากหลายทางความคิด และลดการผูกขาด มองว่าการกินรวบที่หลายฝ่ายกังวลจะหนักหนาสาหัสกว่านี้มากหากเราใช้เกณฑ์อื่นที่มีการสงวนความเห็นมา ใช้การลงมติเพื่อเลือกบุคคลที่เห็นตรงกับตนเองเข้าไปเป็นตัวแทนได้มากกว่า” นายพริษฐ์ระบุ
จากนั้นที่ประชุมมีมติเห็นชอบกับการแก้ไขของกรรมาธิการฯ เสียงข้างมาก หรือคือเห็นชอบกับสูตร 20 หยิบ 1 ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 405 เสียง ไม่เห็นชอบ 91 เสียง งดออกเสียง 10 เสียง ไม่ลงคะแนน 2 เสียง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เคอร์ฟิว‘สระแก้ว’ ปะทะเดือด!ชายแดน7จ. หนูปัดทรัมป์กล่อมหย่าศึก
“นายกฯ” เผย “ทรัมป์” ยังไม่ประสานคุยหยุดยิง ชี้การเจรจาระดับผู้นำมีขั้นตอนอยู่ ยันพร้อมแจงข้อมูลสถานการณ์ให้ ปธน.สหรัฐเข้าใจ ย้ำไทยอยู่บนพื้นฐานรักษาอธิปไตย-ดินแดน-ความปลอดภัยประชาชน
รับคดีพิเศษบ.สแกนม่านตา
“ดีเอสไอ" รับคดีบริษัทสแกนม่านตาแลกเหรียญดิจิทัลเป็นคดีพิเศษแล้ว
สำนึกกองทุนแม่แผ่นดิน คืนชีวิตผู้เสพกลับสังคม
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวาย “สมเด็จพระพันปีหลวง”
16ธ.ค.เคาะคนละครึ่งเฟส2
"อนุทิน" ย้ำ "คนละครึ่งพลัส" เฟสสองทำแน่ ตราบใดยังมีอำนาจเต็ม "โฆษกรัฐบาล" เผยชงเข้า ครม.สัปดาห์หน้า คาดให้ 10 ล้านสิทธิ์
‘หนู’ปราบโกง ลุยอุดช่องโหว่ ใช้กม.เด็ดขาด
นายกฯ อนุทินนำปฏิญาณต่อต้านทุจริต หลัง CPI ไทยรั้งท้าย อันดับ 107 ของโลก
ปปช.สาวจนท.พันเบนสมิธ ธุรกิจลูกก๊กอานแค่บริษัทเก๊
“เสธ.แมว” ชี้วิกฤตชายแดน ปมหนึ่งมาจากไทยฟันเครือข่ายสแกมเมอร์ “ดีเอสไอ" เผยผลสอบ 5 บริษัท “ลูกก๊ก อาน” ส่วนใหญ่เป็นเพียงบริษัทกระดาษ

