พรรคส้มยื่นซักฟอก! ดีลแก้รธน.ล่มกลางสภา แพ้โหวตหั่นอำนาจสว.

ถกแก้ไขร่าง รธน.วาระ 2 วันสุดท้ายเดือด! มาตรา 256/28 ระอุ "วิโรจน์" พาดพิง "สว.รัชนีกร-พิสิษฐ์" ชี้ควรหั่นอำนาจ 1 ใน 3 ของ สว.ลง  เหตุไม่ได้มาจากการเลือกของ ปชช. เจอ สว.สวนคืนดุ "กรวีร์" ดึงสติทุกฝ่าย หวั่นแก้ไข รธน.สะดุด  บอกโหวตวาระ 3 ต้องมีเสียง สว.เห็นชอบไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 "ก่อแก้ว" ท้า สว.หากไม่ลดทิฐิแก้ รธน.ร่วมกัน ไม่จําเป็นต้องรอวาระ 3 ลั่น "พท." จะได้ยื่นซักฟอกต่อล้ม รบ.ทันที "เท้ง" ขู่หาก สว.ไม่ลดอำนาจคงต้องร้องนายกฯ ยุบสภา ถาม ภท.ที่ผ่านมาจริงใจหรือไม่ ก่อนสภามีมติไม่เห็นชอบกับการแก้ไขของ กมธ.เสียงข้างมาก 312 เสียง เห็นชอบ 290 เสียง จน "ผู้นำฝ่ายค้าน" ต้องขอนับคะแนนใหม่ เหตุมีเสียงห่างไม่เกิน 30 สุดท้ายแพ้โหวตเหมือนเดิม "ปชน." พลิกเกมยื่นซักฟอกแบบลงมติทันที "พท." ได้ฤกษ์เปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ 16  ธ.ค. "หลานทักษิณ-จุลพันธ์" มีชื่อตามคาด

ที่รัฐสภา วันที่ 11 ธันวาคม 2568 เวลา 09.50  น. มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ โดยมีนายมงคล สุระสัจจะ รองประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..)พ.ศ….. ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้ว โดยเป็นการพิจารณาเรียงรายมาตรา ในวาระ 2 โดยพิจารณาต่อเป็นวันที่สอง หลังการประชุมวันแรกเสร็จสิ้นที่มาตรา 256/20 ในเวลา 23.30 น. โดยได้พิจารณาไปแล้วกว่า 20 มาตราย่อย จากทั้งหมด 39 มาตรา

โดยการประชุมล่าช้า 50 นาที ตามที่นัดประชุมเวลา 09.00 น. ทั้งนี้ ก่อนการอภิปรายที่ประชุมได้ยืนไว้อาลัยต่อการเสียชีวิตของเหล่าทหารทั้ง 9  นาย ที่สละชีพในการปกป้องแผ่นดินจากสถานการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา

จากนั้นเข้าสู่วาระพิจารณาในมาตรา 256/21 เรื่องเงินประจำตำแหน่ง เบี้ยประชุม และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ  และ กมธ.รับฟังความคิดเห็นฯ โดย น.ส.รัชนีกร ทองทิพย์ สว. ในฐานะ กมธ.เสียงข้างน้อย   อภิปรายว่า ตนแปรญัตติไว้คือตัดเงินประจำตำแหน่งออก ให้คงเหลือแค่เบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่น เวลา 1 ปีสำหรับ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน และ กมธ.รับฟังความคิดเห็นฯ 35 คน รวมเป็น 70 คน หากมีเงินประจำตำแหน่งอีก รัฐบาลและประเทศไทยจะต้องเสียเงินมหาศาลแค่ไหนกับการร่างรัฐธรรมนูญ 1 ฉบับ

ด้านนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธาน กมธ.พิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญฯ ชี้แจงว่า สิ่งที่ น.ส.รัชนีกรอภิปรายไม่ตรงกับที่สงวนไว้ เพราะที่สงวนไว้ไม่ได้ตัดเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่น

จากนั้นที่ประชุมลงมติเห็นด้วยกับสิ่งที่ กมธ.เสนอมาด้วยคะแนน 436 เสียง ไม่เห็นด้วย 8 เสียง งดออกเสียง 9 ไม่ลงคะแนนเสียง 3

เวลา 11.50 น. พิจารณามาตรา 256/25 ที่กำหนดให้มีการประชุมร่วมกันระหว่าง กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และ กมธ.รับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ  อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อดำเนินการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้สอดคล้องความต้องการของประชาชน ตามที่ กมธ.เสียงข้างมากแก้ไขมา  โดยที่ประชุมโหวตลงมติเห็นชอบให้มีการถ่ายทอดการประชุมร่วมฯ เดือนละ 1 ครั้ง

สว.-สส.ปะทะกันเดือด

เวลา 13.30 น. พิจารณามาตรา 256/26 ว่าด้วยเนื้อหาสำคัญของรัฐธรรมนูญ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อย ได้แปรญัตติในเนื้อหาของรัฐธรรมนูญ โดยเสนอให้มีการจำกัดขอบเขตการใช้อำนาจรัฐและการใช้ดุลพินิจขององค์กรของรัฐ การควบคุมมิให้องค์กรของรัฐใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจ หรือขัดขวางเจตนารมณ์ของประชาชน

ตอนหนึ่ง นพ.เปรมศักดิ์ยังหยิบยกคดีในอดีตที่เป็นการใช้อำนาจขององค์กรอิสระที่ไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน เช่น คดีของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ที่กระทำผิดตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อมาถึง ป.ป.ช. กลับยังไม่ดำเนินการ แต่กับคดีของ 44 สส. มีกระแสข่าวจะเร่งรัดพิจารณาภายในเดือน ธ.ค.นี้ ทำให้นายสนอง เทพอักษรณรงค์ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ได้ลุกขึ้นประท้วง

เวลา 15.42 น. ในการพิจารณาถึงมาตรา 256/26/1 ว่าด้วยในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้นำบทบัญญัติในหมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาบัญญัติไว้โดยมิให้มีการแก้ไข ซึ่งนายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคประชาชน ระบุว่า "ความกังวลของ กมธ.เสียงข้างมากที่บอกว่าถ้าเปิดร่างใหม่แล้วไปแตะหมวด 1 และหมวด 2 จะมีการเปลี่ยนรูปแบบของรัฐหรือรูปแบบการปกครอง  ข้อกังวลนี้ถูกคุ้มกันไว้อยู่แล้วในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน คือมาตรา 255 ที่บัญญัติว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่เป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐจะกระทำมิได้ ล็อกสาระสำคัญไว้อยู่แล้ว

จากนั้น ได้เปิดให้ลงมติ โดยเสียงข้างมากเห็นควรให้มีการแก้ไขด้วยเสียงข้างมากด้วยคะแนน 414 ไม่เห็นด้วย 134 งดออกเสียง 3 ไม่ลงคะแนนเสียง 8 และเห็นด้วยกับการเพิ่มมาตราขึ้นใหม่ ตามร่างของคณะกรรมาธิการเสียงข้างมาก โดยเสียงข้างมากเห็นควรให้มีการแก้ไข ด้วยเสียงข้างมากด้วยคะแนน 440 ไม่เห็นด้วย 5 งดออกเสียง 140 ไม่ลงคะแนนเสียง 4

เวลา 16.20 น. พิจารณามาตรา 256/28 ว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภา โดยนายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. ในฐานะกรรมาธิการผู้สงวนความเห็น อภิปรายว่า ขอยืนยันในหลักการ จะต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของรัฐสภา ซึ่งในจำนวนนี้ต้องมี สว.เห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา การคงไว้ซึ่งเสียงของ สว. 1 ใน 3 มิใช่เป็นการขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญและขัดขวางประชาธิปไตย แต่เป็นการคุ้มครองเสียงข้างน้อย และป้องกันไม่ให้รัฐสภาแห่งนี้ใช้เสียงโดยอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

ส่วนนายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายว่า เรียกร้องให้ สว.ร่วมกันสร้างกติกาใช้เกณฑ์เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด นับ สส. สว. ทุกคนแบบหนึ่งคนหนึ่งเสียงเท่ากัน โดยเวลา 17.22 น. ได้เกิดการประท้วงวุ่น  หลังนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายพาดพิงนายพิสิษฐ์และ  น.ส.รัชนีกร ตอนหนึ่งระบุว่า สว.ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งทางตรง แต่เทียบสัดส่วนไม่ได้กับการเลือกตั้ง สส. ฉะนั้นการถ่วงดุลอย่างได้สัดส่วน คืออํานาจใดที่ยึดโยงกับประชาชนอย่างแนบแน่น

"สว.พิสิษฐ์ดึงเบรกมือซะอย่างนั้น รถก็หมุน รถก็คว่ำ รถยนต์ที่ชื่อว่าประชาธิปไตย ที่ชื่อประเทศไทย จะไปสู่จุดหมายได้อย่างไร ท่านรัชนีกรอภิปรายมาตลอดว่าท่านรังเกียจนักการเมือง ท่านลืมไปแล้วว่า ตำแหน่ง สว.ที่ท่านเป็นอยู่เป็นนักการบ้านหรือก็นักการเมืองเหมือนกัน" นายวิโรจน์ระบุ

ทำให้ น.ส.รัชนีกรขอใช้สิทธิ์พาดพิงตอบโต้ รวมทั้งนายพิสิษฐ์ ระบุว่า รัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจนว่าต้องใช้เสียงของ สว. 1 ใน 3 ท่านอยากให้เราเคารพกติกาของท่าน แต่เหตุใดท่านกลับไม่เคารพกติกาที่ใช้กันอยู่ปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีการประท้วงกันอีกหลายครั้ง กระทั่งนายมงคล ซึ่งทำหน้าที่ประธาน ขอให้ทุกท่านหยุดแค่นี้ ขอให้อภิปรายกันต่อ ไม่เช่นนั้นประชุมต่อไม่ได้

แพ้โหวต ปชน.ยื่นซักฟอกทันที 

เวลา 18.11 น. นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย อภิปรายตอนหนึ่งว่า  อยากถามสมาชิกทุกพรรคและ สว. เรากำลังเดินหน้าไปสู่การได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ใช่หรือไม่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การลงคะแนนในวาระที่ 3 นี้จะต้องมีวุฒิสภาเห็นชอบไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของสมาชิกทั้งหมด และเสียงของ สว.ที่ได้ส่งถึงพวกเราในวันนี้ คาดเดาได้ไม่ยากว่าอีก 15 วันข้างหน้าอะไรจะเกิดขึ้น แล้วเราจะเดินไปสู่จุดนั้นหรือไม่ จะปล่อยให้อุปสรรคเล็กๆ น้อยๆ ความเห็นต่างไม่ลงรอยกันเพียงประเด็นเดียว จากความพยายามที่เราทำมาเดือนกว่า และทำมาหลายครั้งมาสะดุดหยุดลงเพราะเรื่องแบบนี้หรือไม่

เวลา 18.30 น. นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อพรรค พท. ในฐานะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า เรามาทะเลาะกันทําไมว่าต้องใช้เสียงคุณต้องใช้เสียงผม ทั้งที่เราเป็นสมาชิกรัฐสภาร่วมกัน เราต้องรับผิดชอบร่วมกัน ถ้าพูดแฟร์ๆ เราควรมีเสียงเท่ากัน ไม่ควรมีเงื่อนไขอะไรที่เป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหาครั้งนี้ 

"พูดตรงๆ ไม่ต้องมาอายกัน ไม่ต้องอีแอบ ผมอยู่ตั้งแต่วันแรกที่ท่านเข้ามา เห็นหมดว่าใครใส่เสื้อสีอะไร ใครมาตัดเสื้อให้ ถ้าเป็นไปได้อยากให้ทั้งรัฐสภาแห่งนี้ได้เสนอทางออกที่เป็นจุดร่วม เพราะทางออกทางนี้เป็นไปไม่ได้เลย ไม่มีการยอมรับซึ่งกันและกัน ถ้าเอาเสียงข้างมาก สว.เสียงข้างมาก ก็ไม่เอาด้วย ถ้าใช้เสียง สว. 1 ใน 3 พวกผมก็ไม่เอาด้วย บอกเลยว่าถ้าใช้เสียง สว. 1 ใน 3 ไม่ต้องรอ 15 วันมาคว่ำ คว่ำตั้งแต่วันนี้เลย ไม่จําเป็นต้องรอ เสียเวลาทําไม คว่ำวันนี้ แล้วผมก็ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ คว่ำรัฐบาลต่อไปเลย ให้มันจบๆ กันไป ฉิบหายกันไปเลย กลัวอะไร ผมเชื่อว่าทุกท่านรู้มีความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง แต่ต่างฝ่ายต่างมีทิฐิ ยืนในจุดของตัวเองมากเกินไปนิดหนึ่ง อยากให้สภาแห่งนี้หาทางออกให้กับประเทศ หาจุดร่วมกัน แก้ไขให้สําเร็จ" นายก่อแก้วระบุ

เวลา 19.10 น. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.พรรคประชาชน กล่าวว่า ถ้าวันนี้เสียงโหวตส่วนใหญ่ในรัฐสภากลับร่างของกรรมาธิการเสียงข้างมาก โดยไปดึงเอาเสียง สว. 1 ใน 3 กลับมา พวกตนเองไม่สามารถยอมรับให้กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้เดินเข้าสู่วาระที่ 3 ได้จริงๆ  หนีไม่พ้นเป็นอย่างอื่น ถ้าผลโหวตในมาตรานี้กลับมติของรัฐบาล กลับร่างของกรรมาธิการเสียงข้างมาก จริงๆ ในฐานะฝ่ายค้านเสียงข้างมาก ตนเองต้องร้องขอให้นายกรัฐมนตรียุบสภา

ต่อมา เวลา 19.35 น. ที่ประชุมมีมติไม่เห็นชอบกับการแก้ไขของกรรมาธิการเสียงข้างมาก ในมาตรา 256/28 จากจำนวนสมาชิก 606 เสียง ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 290 เสียง คะแนนเสียงไม่เห็นชอบ 312 เสียง งดออกเสียง 6 เสียง

แต่นายณัฐพงษ์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านฯ เสนอให้นับคะแนนใหม่ ตามข้อบังคับที่ 58 เนื่องจากคะแนนห่างกันไม่เกิน 30 คะแนน ซึ่งในการนับคะแนนครั้งใหม่ ต้องใช้วิธีการขานชื่อเป็นรายบุคคล ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ระบุว่า การนับคะแนนแบบขานชื่ออาจใช้เวลาไม่น้อย แต่ในเมื่อมีผู้เสนอ และมีผู้รับรองถูกต้อง จึงขอให้ทั้ง 3 ฝ่ายคือ ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และ สว. ส่งตัวแทนเป็นคณะกรรมการตรวจนับคะแนนฝ่ายละ 2 คน โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการนับคะแนนใหม่จำนวนสมาชิก 606 เสียง เสียงเห็นชอบ 290 เสียง ไม่เห็นชอบ 310 เสียง งดออกเสียง 6 เสียง

ทั้งนี้ หลังจากการโหวตมาตรา 256/28 ที่ประชุมรัฐสภามีมติไม่เห็นด้วยกับ กมธ.เสียงข้างมาก ในการใช้เสียงกึ่งหนึ่งของที่ประชุมรัฐสภา เห็นชอบแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยให้กลับไปใช้เสียง สว. 1 ใน 3 มีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีเสียง สส.พรรคภูมิใจไทยไปร่วมโหวตพลิกมติ กมธ.เสียงข้างมากด้วยนั้น

ล่าสุด เวลา 20.00 น. ทางแกนนำพรรคประชาชนได้ตามตัว สส.พรรคประชาชนให้ไปร่วมลงชื่อเพื่อเสนอญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 เเบบลงมติทันที

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) มีรายงานว่า ในวันที่ 16 ธ.ค. เวลา 10.00 น. พรรค พท.จะเปิดตัวผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี โดยคาดว่าจะมีชื่อนายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ หรือ เชน บุตรชายนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวนายทักษิณ รวมทั้งนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หรือหนิม สส.เชียงใหม่ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ส่วนอีกรายชื่อจะเป็นบุคคลภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจโดยเฉพาะ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แฉทหารต่างชาติบังคับโดรน

วุ่นกักตัวคนไทยไม่ให้กลับประเทศ ทบ.ซัดการทูตปอยเปต ใช้พลเรือนเป็นข้อต่อรอง ด้าน กต.เร่งออกเอกสารด่วนให้คนไทยตอนในเดินทางออกทั้งทางบก-อากาศ

ยุบสภา! ดร.อานนท์ ยก 5 ข้อผลดีภูมิใจไทย ส่วนพรรคประชาชนโง่แล้ว โง่อยู่ โง่ต่อไป

ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์เฟซบุ๊กว่าการยุบส