กกต.รับสภาพ อาจเลื่อนยาว เลือกตั้ง2569

“ประธาน กกต.” นัด ครม.หารือคำถามประชามติ รับเป็นไปได้หย่อนบัตร 8 ก.พ.  “โสภณ” มองถ้าคนชายแดนยังอพยพอยู่ไม่น่าเลือกตั้งได้ “อนุทิน” ระบุเป็นอำนาจ กกต. “จุลพันธ์” ขู่เลื่อนยาวพังพินาศแน่ เลขาฯ กกต.รับมีช่องอยู่ยาว ฮือฮา “สุริยะ” โผล่แคนดิเดต พท.

เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. นายณรงค์ กลั่นวารินทร์  ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมในการจัดการเลือกตั้งภายหลังโปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ยุบสภาผู้แทนราษฎร ว่า กกต.จะมีการประชุมกันในวันที่ 15-16 ธ.ค. เพื่อกำหนดวันเลือกตั้ง ซึ่งจะมีความชัดเจนขึ้น และสำนักงาน กกต.ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว โดยมีความเป็นไปได้ว่าวันเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันที่ 8 ก.พ.69

ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะทำให้การเลือกตั้งทั่วไปมีอุปสรรคหรือไม่นั้น นายณรงค์กล่าวว่า การจัดการเลือกตั้งจะต้องจัดพร้อมกัน ซึ่งจากสถานการณ์ชายแดนเราจะทำเต็มที่ ตอนนี้ยังไม่มีปัญหาอะไร ส่วนเรื่องการจัดทำประชามติคำถามที่ 1 ต้องรอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้ามาหารือกันก่อน โดยตัวแทน ครม.จะมาพบกับ กกต.ในสัปดาห์หน้า

ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ที่อาจถูกมองว่าเป็น กกต.สีน้ำเงิน เพราะมาจากการเลือกของ สว.  นายณรงค์ยืนยันว่า การจัดการเลือกตั้งเราต้องรักษากติกา มีความเป็นกลาง และไม่กดดัน เพราะเป็นหน้าที่ จะจัดการเลือกตั้งให้ดีที่สุด

นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรับผิดชอบพื้นที่ภาคอีสาน พรรคภูมิใจไทย (ภท.)  กล่าวถึงเรื่องชายแดนว่า ถ้ามันไม่สงบก็เป็นเรื่องของ กกต. ถ้าคนยังอพยพอยู่อย่างนี้จะเลือกตั้งอย่างไร ซึ่งไม่น่าจะได้ เพราะต้องเลือกตั้งพร้อมกัน  ส่วนการหาเสียงของพรรค ภท.ในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชานั้น ไม่มีปัญหา เราก็ดูแลประชาชน ซึ่งจะเลือกตั้งเมื่อไหร่ยังไม่รู้ อยู่ที่ กกต.

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท.  กล่าวว่า การตัดสินใจจัดเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของ กกต. นายโสภณมีพื้นเพอยู่ตรงนั้น อาจแสดงความคิดเห็นส่วนตัว รัฐบาลกำหนดวันเลือกตั้งเองไม่ได้  และการที่ตนยุบสภาไม่ได้คิดว่าเหตุการณ์จะยืดเยื้อหรือไม่

นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการระบุอาจจะมีการขยายการกำหนดวันเลือกตั้ง สส.เกินกว่า 60 วัน ทำให้รัฐบาลอยู่ยาวว่า  ดูเงื่อนไขตามกฎหมาย ตอนนี้มีสถานการณ์สู้รบที่จังหวัดชายแดน แต่ในทางกฎหมายมีทางออกเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว โดยในรัฐธรรมนูญมาตรา 104 ระบุว่า หากมีเหตุจำเป็น กกต.กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่เหตุนั้นสิ้นสุดลง นี่คืออำนาจ แต่จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่นั้น เรายังบอกไม่ได้  ซึ่งเหตุสิ้นสุดลงแปลว่าไม่มีเหตุอีกแล้ว ก็จัดเลือกตั้งได้อยู่แล้ว แต่อย่างที่บอกว่ายังมีทางออกอื่น และ กกต.ต้องมีการประเมินสถานการณ์

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค พท.  กล่าวถึงสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนมีผลกระทบกับการเลือกตั้งหรือไม่ ว่าเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. สส.ของพรรค ภท.เดินพูดทั้งวัน ซึ่งกลไกตามรัฐธรรมนูญไม่มีอะไรติดขัด กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งก็เขียนชัดเจนว่า ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินจำเป็น แต่ละหน่วยเลือกตั้งสามารถเลื่อนการเลือกตั้งในแต่ละจุดนั้นได้ แต่ไม่กระทบการเลือกตั้งภาพรวม ซึ่งยังมองไม่ออกว่ารัฐบาลมีความประสงค์ที่จะดำเนินการด้วยกฎหมายช่องใด แต่ต่อให้ดำเนินการจริงก็สามารถทำได้ถ้ามีช่องทางทางกฎหมาย แต่นั่นคือความพังพินาศของท่าน เพราะประชาชนคนไทยคงไม่รอด้วย

หัวหน้าพรรค พท.ยังเปิดเผยว่า ในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ จะมีการเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คน ภายใต้แคมเปญ ยกเครื่องประเทศไทย เพื่อไทยทําได้ ซึ่งจะตอบโจทย์เศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐาน คุณภาพชีวิต บนหลักคิดที่เป็นวิทยาศาสตร์

มีรายงานว่า แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พท. ประกอบด้วย นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายจุลพันธ์ 

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีเป็นไปได้หรือไม่ที่รัฐบาลจะอาศัยช่วงนี้เป็นรัฐบาลรักษาการยาวว่า  จะไปลากยาวด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ได้ ยกเว้นเท่าที่กฎหมายให้อำนาจไว้ ส่วนกรณีคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญที่เคยวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งทั่วไปต้องเลือกตั้งพร้อมกันทั้งประเทศนั้น ตนเข้าใจว่ามีบทบัญญัติที่พยายามมาปรับเพื่อแก้สถานการณ์ตรงนั้นอยู่ว่าในกรณีบางพื้นที่ ส่วนวิธีการจะเป็นอย่างไร คงเป็นหน้าที่และอำนาจของ กกต.ที่จะวินิจฉัย

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ หัวหน้าพรรครักชาติ กล่าวว่า เกมการเมืองจะทำให้การเมืองเข้าสู่สภาวะเดดล็อก จะทำให้การเมืองไทยเข้าสู่ภาวะชะงักงันหรือเดดล็อก และขอตั้งคำถามไปยัง กกต.ว่าจะสามารถจัดการเลือกตั้งทั่วประเทศภายใน 60 วันได้หรือไม่ ซึ่งตนเชื่อว่าไม่สามารถดำเนินการได้ ภายใต้สถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาในปัจจุบัน

วันเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวคึกคักภายหลังจากมี พ.ร.ฎ.ยุบสภา โดยบรรดาอดีต สส.หลายคนได้ทยอยลาออกจากพรรคการเมืองเก่า เพื่อไปสมัครสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ เพื่อเตรียมพร้อมสู่การเลือกตั้ง โดยที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. เดินทางมาพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพื่อยื่นใบสมัครเป็นสมาชิกพรรค โดยมีรายงานว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิมจะลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.แบบบัญชีรายชื่อ

ขณะที่ พรรคกล้าธรรม (กธ.) มีอดีต สส.จาก 4 พรรคการเมืองย้ายเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.หลายคน ไม่ว่าจะเป็นจากพรรค พปชร. พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กลุ่มนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตหัวหน้าพรรค ปชป. และพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.)

ในส่วนพรรค ภท. นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ อดีต สส.ศรีสะเกษ พรรค พท. ได้โพสต์ภาพหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรค พท. ร่วมกับอดีต 3 สส.พรรค พท. พร้อมกับเปิดเผยว่า ได้กรอกใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค ภท.แล้ว เตรียมจะยื่นในวันที่ 13 ธ.ค. ซึ่งในส่วนของตนจะลงเลือกตั้งในเขต 4 ศรีสะเกษเช่นเดิม และอีก 3 คนลงพื้นที่เดิมเช่นเดียวกัน

ขณะเดียวกัน ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 12 ธ.ค. บรรดาอดีต สส.ของพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ทั้ง 10 คน ได้ทยอยเดินทางมาที่ทำการพรรค ชทพ. เพื่อเซ็นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค โดยหลังจากนี้ทั้ง 10 คน นำโดยนายวราวุธ ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรค ชทพ. จะเดินทางไปที่พรรค ภท.เพื่อสมัครสมาชิกพรรค ในวันจันทร์ที่ 15 ธ.ค.

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) เปิดเผยว่า พรรค ชพน.ต้องมาประชุมพรรคกันว่าเราจะดำเนินการอย่างไรต่อไปสำหรับอนาคตทางการเมือง ซึ่งภายในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมกัน

ขณะที่ ความเคลื่อนไหวของพรรคประชาชน (ปชน.) เมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน. ได้เดินทางไปที่อาคารอนาคตใหม่ เพื่อประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคตลอดทั้งวัน หารือถึงแนวทางการทำงาน และเตรียมพร้อมสู่การเลือกตั้ง

ส่วนบรรยากาศที่สำนักงาน กกต. เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ตลอดทั้งวันมีสมาชิกพรรคการเมืองต่างๆ ทยอยเดินทางมายื่นหนังสือลาออกจากพรรคต้นสังกัด เพื่อไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใหม่แล้ว รวมถึงนายกัณวีร์ สืบแสง อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม (ปธ.) ที่เปิดเผยว่า จะไปยื่นเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ ชื่อว่า พรรคพลวัต ซึ่งพรรคพลวัตชัดเจนว่าจะเดินหน้าไปสู่การเป็นฝ่ายบริหาร ธงของเราคือ การต้องร่วมกับฝ่ายบริหาร  เพราะพี่น้องประชาชนรออยู่ การเป็นฝ่ายค้านอย่างเดียวไม่เพียงพอจริงๆ.