ยุบสภา!ตามขอ ‘อนุทิน’ปัดหักหลังยึดMOA/‘เท้ง’เสียงแข็งไม่ไร้เดียงสา

ราชกิจจาฯ ประกาศ พ.ร.ก.ยุบสภา  เตรียมเลือกตั้งใหม่ ไม่น้อยกว่า 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน “อนุทิน” แจงยุบสภา เหตุ “หัวหน้า ปชน.”  บอกไม่ให้ไปต่อ ยันไม่ได้หักหลังยึดตาม MOA อ้างปมอำนาจ สว.โหวตรัฐธรรมนูญไม่ได้อยู่ในข้อตกลง แย้มยังหนุนประชามติแก้ รธน.คำถามแรก  “บวรศักดิ์” กางข้อ กม.รัฐบาลรักษาการมีอำนาจเต็ม เว้นอนุมัติโครงการใหม่-แต่งตั้ง ขรก. เล็งนัดถก กกต.คุยเลือกตั้ง 15 ธ.ค.นี้ “เท้ง” แถลงขอโทษ ปชช.ผลักดัน รธน.ไม่สำเร็จ เสียงแข็งเล่นการเมืองไม่ไร้เดียงสา รับตามตัวหนังสือ "ภท." ไม่ฉีก MOA แต่ฝากสื่อถามหลักปฏิบัติทำไมโหวตสวนมติวิป รบ.เอง “พท.” ออกแถลงการณ์ซัด รบ.อนุทินยุบสภาหนีตรวจสอบ บอกผิดหวัง "เท้ง" ปล่อยหนูเข้าป่า “นักวิชาการ” วิเคราะห์ "หนู" ยุบสภาชิงธงได้เปรียบการเมือง

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชกฤษฎีกายุบสภา  พ.ศ.2568 ระบุว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า  

ด้วยนายกรัฐมนตรีได้นำความกราบบังคมทูลฯ  ว่า ตามที่รัฐบาลได้เข้ารับหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน ตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ.2568  โดยเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งประกอบด้วยพรรคการเมืองหลายพรรคเข้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาล แต่มิได้มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ในระหว่างที่ประเทศได้เผชิญความท้าทายหลายประการเพราะความไม่แน่นอนรอบด้าน ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และภูมิรัฐศาสตร์ของโลก รวมทั้งสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา

รัฐบาลได้เร่งดำเนินการทุกวิถีทางในการบริหารราชการแผ่นดินให้สามารถแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของประเทศที่รุมเร้าให้สำเร็จลุล่วงโดยเร็ว รวมทั้งมุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่นคง ความสงบเรียบร้อย และสันติสุขให้เกิดขึ้นกับชาติบ้านเมือง อันจะนำพาการเมืองการปกครองของประเทศให้ก้าวหน้าเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน อาทิ การผลักดันการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ การเร่งแก้ไขปัญหาผลกระทบจากสงครามการค้า การขับเคลื่อนนโยบายด้านเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนและชุมชนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ การช่วยเหลือเยียวยาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ การป้องกันและปราบปรามบ่อนการพนัน การพนันออนไลน์ อาชญากรรมข้ามชาติภัยไซเบอร์ และการหลอกลวงประชาชนในรูปแบบต่างๆ การเร่งแก้ไขปัญหากรณีพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชาผ่านกลไกการเจรจาทางการทูตที่เหมาะสมควบคู่กับการป้องกันประเทศที่เข้มแข็ง รวมทั้งกำหนดมาตรการในการดำเนินการเพื่อรองรับและลดผลกระทบในด้านต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับประชาชน

แต่การบริหารราชการแผ่นดินจำเป็นต้องมีเสถียรภาพ อย่างไรก็ตาม โดยที่รัฐบาลเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศที่มีปัญหารุมเร้าในหลายๆ ด้าน ส่งผลให้รัฐบาลไม่อาจบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ และมีเสถียรภาพ หากปล่อยให้สภาวการณ์เป็นอยู่เช่นนี้ ย่อมจะเกิดความไม่มั่นคงทางการเมือง และกระทบต่อความเชื่อมั่นของนานาประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ อันจะนำมาซึ่งความเสื่อมศรัทธาของประชาชนต่อระบบรัฐสภาและการปกครองในระบอบประชาธิปไตยในที่สุด ทางออกที่เหมาะสมคือการยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป อันเป็นการคืนอำนาจการตัดสินใจทางการเมืองให้แก่ประชาชนเจ้าของอำนาจสูงสุดโดยเร็ว เพื่อให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และให้ได้มาซึ่งรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากและมีเสถียรภาพที่ได้รับอาณัติที่ชอบธรรมจากประชาชน  เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปโดยราบรื่นและเรียบร้อยสืบไป

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 103 และมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568” มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา 3 ให้ยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป มาตรา 4 ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปในวันที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกำหนด  ซึ่งต้องไม่น้อยกว่าสี่สิบห้าวันแต่ไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ มาตรา 5 ให้ประธานกรรมการการเลือกตั้งรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ  อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี

อนุทินปัดยุบสภาหักหลัง MOA

ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 08.00 น. นายอนุทินกล่าวถึงการยุบสภาว่ายังไม่มีการแถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เมื่อถามว่าได้แจ้งพรรคร่วมรัฐบาลล่วงหน้าก่อนยุบสภาหรือไม่ นายอนุทินยิ้มไม่ตอบคำถามนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศลและทำบุญตักบาตรถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวาร (50 วัน) นายกฯ ได้ยืนจิบกาแฟยามเช้าด้วยท่าทีผ่อนคลายที่ตึกสันติไมตรี และพูดคุยกับนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี รวมถึงนางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี, น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล  เลขาธิการนายกฯ และ น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมว.วัฒนธรรม ซึ่งสื่อพยายามขอสัมภาษณ์อีกครั้ง เพื่อความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องยุบสภาในหลายประเด็น แต่นายกฯ ปฏิเสธ บอกเพียงว่าจะมีการแถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างหารือเรื่องเวลา

เวลา 10.05 น. นายอนุทินให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงเหตุผลในการตัดสินใจยุบสภาว่า ต้องการคืนอำนาจให้ประชาชน ตนและพรรคภูมิใจไทย (ภท.)เป็นรัฐบาลได้เพราะพรรคประชาชน (ปชน.) ให้มาเป็น และการแก้ไขรัฐธรรมนูญเราก็พยายามทำมาตลอด และในสัญญาที่มีต่อกันในเอ็มโอเอทั้ง 4-5 ข้อ พรรค ภท.ก็ปฏิบัติมาตลอด แต่เรื่องการแก้ไขมาตรา 256/28 เกี่ยวกับอำนาจ สว.ในการโหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่เคยมีการพูดกันในเอ็มโอเอมาก่อน แต่เมื่อหัวหน้าพรรค ปชน.แถลงในรัฐสภาว่า ถ้าพรรค ภท.ไม่โหวตตามที่ต้องการ พรรค ปชน.ก็จะไม่สนับสนุน และขอให้นายกฯ ยุบสภา

 “ท่านโหวตให้ผมเป็นนายกฯ แต่ท่านบอกว่าไม่สนับสนุนผมแล้ว ท่านขอให้ผมยุบสภา ผมก็ทำตามท่าน เป็นไปตามมารยาทและขั้นตอนที่ควรจะเป็น” นายอนุทินกล่าว

ถามว่า ก่อนถึงจุดนี้ได้เจรจากับพรรค ปชน.แล้วหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า มีการพูดคุยและประสานกัน ซึ่งคนที่ประสานงานหลักคือนายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ เมื่อถามว่าสาเหตุที่ตัดสินใจยุบสภามาจากการที่พรรค ปชน.เตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตาม รธน.มาตรา 151 หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า คิดว่าชัดเจนที่ท่านต้องการให้ยุบสภา ตนก็ยุบ เพราะท่านให้ตนมาเป็นรัฐบาล ตนก็ให้เกียรติท่าน

    ซักว่าการยื่นยุบสภายื่นก่อนที่พรรค ปชน.จะมีท่าทีในการเตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เราทำทุกอย่างแล้ว มาจนถึงเรื่องแก้ไข รธน.ได้มีการโหวตในวาระ 1 และวาระ 2 แต่มาติดที่มาตรา 256/28 ซึ่งพรรค ภท.ไม่มีความสามารถที่จะไปกดดันหรือบังคับโน้มน้าว สว.ตามที่พรรค ปชน.ต้องการได้ เมื่อถามว่าพรรค ภท.สนับสนุนการคงอำนาจ สว.ไว้ในการโหวตแก้ไข รธน. มองว่าเป็นการหักหลังทางการเมืองหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มีการหักหลังใดๆ ให้ไปดูเอ็มโอเอว่าเขียนว่าอย่างไร ซึ่งเอ็มโอเอไม่มีเรื่องเกี่ยวกับ สว.เลย

“ข้อตกลงที่พรรค ภท.พยายามอย่างเต็มที่ที่จะแก้ไข รธน. รวมถึงข้อตกลงที่จะไม่มีการเพิ่มจำนวน สส.และไม่พยายามเป็นเสียงข้างมาก ซึ่งเป็นบริบททางการเมืองที่เราสามารถทำได้ แต่เราก็ไม่ทำ ซึ่งการขอให้มีมติเกี่ยวกับคำถามแก้ รธน.เราก็ทำให้ หากส่งมาให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งผมได้หารือกับนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ท่านก็บอกว่าสามารถที่จะกำหนดวันทำประชามติได้ โดยอำนาจ ครม.ที่ยังรักษาการอยู่ ผมก็ทำให้ รักษาเงื่อนไขตามเอ็มโอเอ ไม่มีการหักหลังใดๆ ทั้งสิ้น” นายอนุทินกล่าว

เมื่อถามว่า ในอนาคตยังจับมือกับพรรค ปชน.ได้หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปได้หมด ถามย้ำอีกครั้งการยุบสภาครั้งนี้เตรียมการมาล่วงหน้าหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ถ้าถามเรื่องการเตรียมร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภา ตนได้เตรียมไว้แต่วันแรกที่เป็นนายกฯ แค่เปลี่ยนเดือนมาแค่สองเดือนเท่านั้นเอง

นายกฯ กล่าวถึงกรณีโซเชียลโพสต์ทวงเงินที่ติดไว้จากโครงการคนละครึ่งพลัส 2,400 บาท หลังมีการยุบสภา โดยกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า เดี๋ยวกลับมา

ชี้รบ.รักษาการอำนาจเต็ม

นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกฯ กล่าวถึงแนวทางปฏิบัติในฐานะรัฐบาลรักษาการว่า รัฐบาลนี้ยังมี ครม.ที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมี ครม.ชุดใหม่เข้ารับหน้าที่หลังการเลือกตั้งทั่วไป โดยมีอำนาจเหมือนเดิมทุกอย่าง ทั้งเรื่องความมั่นคง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่มีสิ่งต้องห้ามทำ 2 ข้อคือ ห้ามทำโครงการใหม่ที่ผูกพัน ครม.ชุดใหม่ และห้ามนำทรัพยากรของรัฐ ทั้งบุคคลและยานพาหนะไปใช้เพื่อประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้ง

 “หากจะต้องทำมี 2 เรื่องที่ต้องขอ กกต.คือ การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการและการใช้งบประมาณ งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น นอกนั้นมีอำนาจเหมือนเดิมทุกประการ รวมถึงเรื่องความมั่นคง และวันนี้ยังสามารถประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้ เช่นเดียวกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศยังมีเหมือนเดิม และการฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบภัยก็ยังเหมือนเดิม แต่ถ้าต้องใช้งบกลางเพิ่มจะต้องขอ กกต.ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งคำว่ารักษาการเป็นคำทางวิชาการไม่ต้องกังวลอะไร โดยรัฐบาลจะนัดประชุมกับ กกต.ในวันจันทร์ที่ 15 ธ.ค.นี้ เพื่อหารือถึงเรื่องเลือกตั้ง” นายบวรศักดิ์กล่าว

 มีรายงานว่า สำนักงบประมาณเตรียมจะทำหนังสือเวียนไปยังทุกหน่วยงาน อธิบายถึงขั้นตอนการดำเนินการที่เบิกจ่ายใช้งบประมาณในช่วงรัฐบาลรักษาการ โดยยืนยันเรื่องชายแดนและการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมจะไม่มีปัญหา แต่หากมีข้อสงสัยต้องสอบถามไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อน

ที่พรรค ปชน. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หน้าพรรค ปชน. พร้อมด้วยแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ได้แก่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค และนายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรค แถลงถึงทิศทางการทำงานของพรรค ภายหลังมีพระราชกฤษฎีกายุบสภา

นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ผลจากการลงมติในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา รวมถึงสถานการณ์ประกาศยุบสภาโดยนายกฯ ตนในฐานะหัวหน้าพรรค ปชน. และพรรค ปชน. เรารู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่เราเองยังผลักดันไม่สําเร็จ ขอโทษต่อพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ภารกิจในครั้งนี้ แม้เราจะผลักดันอย่างเต็มที่เพื่อทลายข้อจํากัดทางการเมืองที่เป็นอยู่ แต่เรายังไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์สูงสุดของพวกเราได้ ในการที่จะเดินหน้ากระบวนการการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไปพร้อมๆ กับการเลือกตั้งในครั้งหน้า

 “ตอนนี้เรามีความพร้อมในการส่งผู้สมัครครบทุกจังหวัดทั่วทั้งประเทศ การเดินทางของพรรค ปชน. ตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ เราไม่ได้ตั้งพรรคการเมืองมาทํางานการเมืองเพื่ออยากเข้ามาเป็นรัฐบาลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เราไม่ได้ต้องการจำนวนเก้าอี้ สส.ในสภาเพื่อมาต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งอย่างเดียวเท่านั้น เราต้องการเข้ามาทํางานการเมืองเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง เรายังไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์สูงสุดของพวกเราได้ ในการที่จะเดินหน้ากระบวนการการจัดทํา รธน.ฉบับใหม่ไปพร้อมๆ  กับการเลือกตั้งในครั้งหน้า” นายณัฐพงษ์กล่าว

ถามถึงการผิด MOA ครั้งนี้คิดไว้อยู่แล้วใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรค ปชน.กล่าวว่า หากดูตามข้อตกลงที่เป็นลายลักษณ์อักษร เหตุผลที่นายกฯ ให้ตามข้อเท็จจริงในทางการปฏิบัติ เราไม่สามารถที่จะลงรายละเอียดได้ทั้งหมด ตั้งแต่การเซ็น MOA อยู่แล้วว่าเนื้อหารัฐธรรมนูญจะเป็นแบบไหน เพราะหากย้อนไปดูบันทึกที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ จะเห็นว่ามีข้อถกเถียง มีเหตุผลที่แตกต่างหลากหลาย ของทั้ง สส.แต่ละพรรค และ สว. ดังนั้นในทางปฏิบัติ MOA ก็ต้องวางไว้เป็นหลักกว้างๆ ที่พรรคมีจุดมุ่งหมายนอกจากการยุบสภาโดยเร็วที่สุด คือต้องมีการเดินหน้าการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เราอยากให้มีความยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด

เท้งเสียงแข็งไม่ไร้เดียงสา

หัวหน้าพรรค ปชน.กล่าวว่า อยากให้สื่อและประชาชนถามคําถามต่อนายกฯ ว่าเหตุใดพรรค  ภท.ถึงเลือกที่จะโหวตสวนต่อมติวิปรัฐบาลของตัวเอง เนื่องจากเราได้มีการแสดงจุดยืนก่อนหน้านี้มาตลอด ทั้งผ่านการทํางานในกรรมาธิการและผ่านการประสานงานกับเพื่อนสมาชิกด้วยกันเอง ว่าพรรค ปชน.ไม่สามารถจะยอมรับได้ ถ้ามีการผ่านร่างรัฐธรรมนูญที่ยังคงอํานาจ สว. 1 ใน 3 ไว้อยู่ ดังนั้นเรื่องการผิด MOA หรือไม่ ก็อยากให้ถามคําถามกับนายกฯ ด้วย ซึ่งการเซ็น MOA กับ ภท.เราประเมินล่วงหน้าอยู่แล้วว่าอาจเกิดสถานการณ์อย่างนี้ขึ้น และเราก็ตัดสินใจที่จะใช้เสียงของเราเท่าที่มีอยู่ เพื่อพยายามผลักดันกระบวนการในการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เป็นจริงมากที่สุด เชื่อว่าตลอดกระบวนการที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน  กระบวนการในการเดินหน้าจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ดูเป็นจริงมากที่สุดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ ยืนยันไม่ได้มีความเสียใจใดๆ ทั้งสิ้น เราได้รับฟังความคิดความเห็นจากสมาชิกพรรค ผู้เป็นเจ้าของพรรคตัวจริงอย่างรอบด้านแล้ว

“เรื่องการดําเนินการทางการเมืองที่ผ่านมา ผมไม่ได้คิดว่าผมและพรรคประชาชนกลายเป็นเด็กไร้เดียงสาแต่อย่างใด แต่สิ่งที่พวกเราพยายามทํา คือพยายามทําให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจจากสิ่งที่เกิดขึ้น บางส่วนอาจจะบอกว่าเขาทําตามข้อตกลงทุกอย่าง บางส่วนอาจจะตีความว่าเป็นการหักข้อตกลงกันหรือไม่ ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องวิเคราะห์กัน  แต่สุดท้ายคนที่จะเป็นคนตัดสินในคูหาเลือกตั้งก็คือประชาชน” หัวหน้าพรรค ปชน.กล่าว

ถามว่า นายอนุทินได้ติดต่อมาหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกับสมาชิกพรรค ภท. เนื่องจากอยู่ในสภาด้วยกัน และก็มีความพยายามในการต่อสายถึงท่านนายกฯ หนึ่งครั้ง แต่ท่านไม่ได้รับสาย เมื่อวานนี้ตนไม่ได้มีการพูดคุยกับท่านนายกฯ แต่อย่างใด

ด้านพรรคเพื่อไทย (พท.) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง  เลขาธิการพรรค และนายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ  โฆษกพรรค แถลงความพร้อมการเลือกตั้ง โดยนายจุลพันธ์อ่านแถลงการณ์ของพรรค พท. ตอนหนึ่งระบุว่า การยุบสภาของรัฐบาลครั้งนี้คือ การหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ และความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการบริหารราชการแผ่นดินที่ผิดพลาดและไร้ประสิทธิภาพ ทั้งในประเด็นความขัดแย้งชายแดน ที่ยังแก้ไขไม่ได้อย่างยั่งยืน การโยกย้ายข้าราชการ และใช้งบประมาณเอื้อประโยชน์กลุ่มคนบางกลุ่ม ความน่าเชื่อถือของประเทศที่ตกต่ำในสายตานานาชาติ ประชาชนเดือดร้อนจากอุทกภัย เสียชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมา กระบวนการยุติธรรมถูกบิดเบือน คดีสำคัญไม่เดินหน้าอย่างโปร่งใส

รัฐบาลไม่เคยมีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญตั้งแต่ต้น เพราะสัญญา MOA ที่จัดทำขึ้นไม่ได้ตั้งอยู่บนหลักประชาธิปไตย และตั้งแต่แรกความพยายามของพรรคเพื่อไทยที่จะสร้างกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญที่ยึดโยงประชาชนก็ถูกปัดตกทันที ประเทศไม่ได้ประโยชน์ใดจากกระบวนการนี้ กลับกลายเป็นการเปิดช่องให้พรรคภูมิใจไทยใช้อำนาจ ทรัพยากร และเครือข่ายของรัฐในการแสวงหาผลประโยชน์และสะสมอำนาจเพิ่มขึ้น

 “พรรคเพื่อไทยจึงเห็นว่าคู่สัญญาใน MOA ต้องรับผิดชอบต่อความล้มเหลวนี้ร่วมกัน พรรคเสียดายโอกาสของประเทศ แต่เราจะไม่สิ้นหวัง เตรียมพร้อมการเลือกตั้ง เข้ามาแก้ไขปัญหานําความหวังและโอกาสที่ดีสู่ประชาชนต่อไป”  แถลงการณ์ระบุ

ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ ออกแถลงการณ์ตอนหนึ่งระบุว่า การยุบสภาครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความจำเป็นของบ้านเมือง แต่เกิดจากผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเองล้วนๆ โดยที่ฝ่ายหนึ่งมุ่งเป้าหมายที่จะแก้รัฐธรรมนูญเท่านั้น ไม่คำนึงถึงวิกฤตประเทศในปัจจุบัน ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งต้องการแค่หลีกเลี่ยงการตรวจสอบ ทั้งที่มีหน้าที่แก้ไขวิกฤตโดยตรง ข้อตกลงของสองฝ่ายทำให้การแก้ไขปัญหาวิกฤตประเทศสะดุดลง

ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวว่า พรรคมีความพร้อมในการเลือกตั้ง แต่ยอมรับว่ามีข้อจำกัดในหลายเรื่อง แม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็มั่นใจ อย่างไรก็ตาม ปชป.ห่วงใยปัญหาของประเทศในขณะนี้ ทั้งการสู้รบตามแนวชายแดน และการฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย หากเรามีการเมืองที่เป็นเอกภาพ มีพลังและมีอำนาจเต็ม ก็จะสามารถผ่านสถานการณ์เหล่านี้ไปได้ด้วยดี ยอมรับรู้สึกเสียดาย

วันเดียวกัน รศ.ดร.อรรถสิทธิ์ พานแก้ว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) มองว่า การตัดสินใจของนายกฯ ในนาทีนี้ ทำให้พรรค ภท.ได้เปรียบในสนามการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น เนื่องจากกำลังได้รับแรงสนับสนุนและมีภาพลักษณ์เชิงบวกจากท่าทีในเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งได้กลบเรื่องการแก้ปัญหาน้ำท่วม จ.สงขลาไปแล้ว ขณะเดียวกันยังประสบความสำเร็จจากนโยบายคนละครึ่งพลัสที่ได้ปูทางเอาไว้ในเฟสแรก และกำลังจะเข้าสู่เฟสสอง ซึ่งถือเป็นผลงานชิ้นโบแดงที่ทิ้งเชื้อไว้ในการหาเสียงรอบหน้า.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘โตโต้ ปิยรัฐ’ ประกาศไม่ไปต่อ หลังสภายุบ ส่งไม้ต่อผู้สมัครคนใหม่เขตพระโขนง-บางนา

อดีต สส.กรุงเทพ พรรคประชาชน โพสต์อำลาหน้าที่หลังยุบสภามีผล เผยตลอด 2 ปี 6 เดือนทำงานเต็มกำลัง ไม่เคยขาดประชุมสภาแม้วันเดียว ย้ำรักษาเกียรติที่ประชาชนมอบให้ ก่อนส่งต่อว่าที่ผู้สมัครคนใหม่ลงเขต 23 ในศึกเลือกตั้ง 2569

พรรคกล้าธรรมคึก อดีต สส. 4 พรรคย้ายซบ รับศึกเลือกตั้งหลังยุบสภา

หลัง พ.ร.ฎ.ยุบสภามีผลทันที อดีต สส.จากพลังประชารัฐ-รทสช. ประชาธิปัตย์-ไทยสร้างไทย ทยอยลาออกพรรคเดิม สมัครเข้าพรรคกล้าธรรม เตรียมลงสนามเลือกตั้งครั้งใหม่

รทสช. ออกแถลงการณ์ ชี้แก้รัฐธรรมนูญ-ยุบสภา ซ้ำเติมวิกฤตประเทศ

“รวมไทยสร้างชาติ” ออกแถลงการณ์ ชี้ยุบสภาซ้ำเติมวิกฤต ไม่เกิดประโยชน์ประเทศ สะท้อนให้ความสำคัญการเมืองกว่าความเดือดร้อนประชาชน รทสช. พร้อมพาฝ่าขัดแย้ง ส่งผู้สมัครครบ 77 จว.