หนูเหน็บทรัมป์ฟังรายงานมั่ว

"อนุทิน" ลั่น! "ทรัมป์-อันวาร์" เป็นบุคคลที่สาม ไม่ได้อยู่หน้างาน ฟังแต่รายงานใครไม่ทราบ แต่ยังรักกันดี เผยคุยกับผู้นำสหรัฐอเมริกา จะส่งรูปและวิดีโอคลิปยิงจรวด BM-21 ไปให้ดู จะได้รู้ใครแรงกว่าใคร ด้าน "ศุภจี" ยัน "ทรัมป์" ไม่ได้เอาเรื่องขึ้นภาษีตอบโต้มาต่อรองให้หยุดยิง ตามที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน มีแต่สอบถามเรื่องการเจรจาไปถึงไหน และรับปากไปบอก USTR ให้มาคุยกันต่อ

เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย มาออกรายการกรรมกรข่าว คุยนอกจอ มีนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ โดยนายอนุทินชี้แจงกรณีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เสนอให้หยุดยิงว่า ทุกฝ่ายทั้งนายโดนัลด์ ทรัมป์ และนายอันวาร์อยู่ต่างประเทศ เวลาพูดคุยเขาต้องฟังแต่รายงานบอกว่าไม่มีทุ่นระเบิด ทุ่นระเบิดเก่า แต่ฟังรายงานใครไม่ทราบ แต่ตอนลงพื้นที่ไปเห็นกับตา ตรงนี้เวลามาพูดก็ต้องถูกหักล้างโดยคนที่เห็นหน้างานจริง

นายกฯ กล่าวว่า วันที่พูดคุยกับนายนายโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ท่านก็บอกว่าเราตอบโต้แรงไปด้วยซ้ำและสาสมแล้ว ตนบอกว่าเดี๋ยวจะส่งรูปและวิดีโอคลิปที่ยิงจรวด BM-21 ไปให้ ถามว่าใครแรงกว่าใคร มันพิสูจน์ได้ด้วยสิ่งที่มันเกิดขึ้น

 “เวลาคุยกับผู้นำต่างชาติตั้งแต่มีเรื่องอังเคิล ผมก็ไม่กล้าเวลาคุยกับผู้นำต่างชาติ ผมต้องมีประจักษ์พยานด้วย พูดจริงๆ ไม่งั้นเดี๋ยวก็หาว่าแต่งเรื่องเองหรือเปล่า ผมไม่กล้า เดี๋ยวจะเป็นปัญหาเราก็ต้องเปิดเผย"

นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ได้มีการพูดว่าให้หยุดยิงเวลา 4 ทุ่มคืนวันนั้น เขาก็พูดว่าให้หยุด แต่ในทางปฏิบัติอยู่ดีๆบอกว่า 4 ทุ่มหยุด กำลังจะตะลุมบอนกันอยู่ ความจริงแล้วคนที่บอกจะหยุดหรือไม่หยุดเป็นคู่กรณีกัน ก็ได้ยืนกรานกับเขาไป บอกว่าให้ไปบอกฝั่งโน้น ท่านโดนัลด์ ทรัมป์ ท่านอันวาร์ ท่านเป็นบุคคลที่ 3 ท่านจะบอกว่ายิงต่อไปไม่ได้หรอก ท่านต้องบอกหยุดยิงอย่างเดียว หยุดสู้รบและท่านก็ไม่ได้คาดคั้น มันบอกไม่อยากให้มีสงคราม ท่านหยุดสงครามมาแล้ว ท่านมีมิชชันของท่านที่ไม่อยากให้เกิดการสู้รบกัน ถามว่าท่านก็พูดถูกหมด

"ท่านอันวาร์บอกว่าอนุทินคุณก็เพื่อนผม ท่านฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชาก็เพื่อนผม ผมไม่ต้องการเห็นเพื่อนทะเลาะกัน ท่านก็พูดถูกต้องหมด แต่ประเทศไทยก็ต้องบอกว่าท่านต้องไปบอกคนที่มาตีเราก่อนให้หยุด เราจะได้ไม่ต้องตอบโต้แล้วมานั่งคุยกัน เราคุยกัน 3-4 ครั้งแล้ว ก่อนที่ผมจะเข้ามาและผมยอมไปทำปฏิญญา สำหรับผมการปฏิบัติโคตรง่ายเลย 4 ข้อไม่ได้ยากเลย ไม่มีอะไรที่ต้องคิดมาก ท่าเยอะหรืออะไรเยอะเลย”

นายอนุทินเผยว่า ท่าทีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ก็ไม่ได้มีอาการกดดันอะไร ขอสรุปง่ายๆ เราลงนามกับกัมพูชา เราปฏิบัติครบ 4 ข้อ กัมพูชาปฏิบัติไม่ครบ ใครต้องแก้ ถ้าจะมาคุยกันใหม่ทุกคนบอก let's go back to ปฏิญญา ประเทศไทยทำได้หรือไม่ หรือถ้าจะ go back to แรกที่ไทยจะต้องพูดก่อนคือถอยออกไป อาวุธทั้งหลายคุณเล็งมาใส่ ต้องเอาออกไปให้หมด

"ผมไม่ใช่ว่าตึงทั้งหมด ผมไม่ได้อยากรบ และไม่ต้องการรบ รบทุกวันก็เสียหายทุกวัน เรามีเรื่องกันก็ต้องเจ็บทั้งคู่ ประชาชนเกี่ยวข้องมีชีวิตทหารและชีวิตผู้คนทั้ง 2 ประเทศ ไม่ใช่ว่าเราอยากเห็นคนไทยปลอดภัย แต่เราอยากเห็นประชาชนฝั่งตรงข้ามไม่อยากให้เขาเป็นอะไรเลย ถามว่าผมสบายใจไหม ผมไม่สบายใจ โดยเฉพาะเรื่องชีวิตของคน แต่ว่าในเรื่องของประเทศของอธิปไตย มันมีหน้าที่ที่เราจะต้องดำเนินการ ไม่มีหัวหน้ารัฐบาลชุดไหนที่อยากจะให้เกิดการสู้รบ ผมได้พูดกับนายกฯ อันวาร์บ่อย มีความสนิทสนมมากกว่าท่านโดนัลด์ ทรัมป์ ท่านโทรศัพท์หาผม ถ้าผมมีอะไรด่วนก็โทรศัพท์หาท่านและรับสายผมทุกครั้ง  นายกฯ อันวาร์เข้าใจประเทศไทย"

นายอนุทินกล่าวว่า "เราไม่ได้ต้องการที่จะมีเรื่องมีปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านใดๆ ทั้งสิ้นไม่ว่าประเทศไหน เขาเป็นคนผิดสัญญา นอกจากคุณเบี้ยวแล้ว คุณยังทุบผมต่อ เรื่องการเรียกร้องให้นำดาวเทียมมาตรวจสอบว่าใครเป็นคนยิงก่อนนั้น คุณเป็นใคร คุณมีสิทธิ์อะไรเอาดาวเทียมมาจับการปฏิบัติการทางทหารของประเทศผม การเอาดาวเทียมมาจับต้องการให้เห็นว่าเราตอบโต้แรง มันมีหรือทะเลาะกัน พอคุณยิงใส่ผมไม่เป็นอะไร เราไม่ได้เริ่มก่อน ถ้าจะดีกันต่างคนต่างถอยมันง่ายกว่า และผมว่ามันคงจะไม่ไปถึงวันเลือกตั้งหรอก ไม่มีใครอยากขัดแย้ง ทุกวันที่มีความขัดแย้งความเสียหายเกิดขึ้น"

 วันเดียวกันนี้ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ อาจจะขึ้นภาษีการค้ากับไทยและกัมพูชาหากไม่หยุดยิงกันว่า ประเด็นนี้ไม่ได้มีการหารือกันในช่วงที่ประธานาธิบดีได้ต่อสายคุยทางโทรศัพท์กับนายอนุทินเมื่อค่ำวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยในเรื่องความขัดแย้งกับกัมพูชา ไทยได้ยืนยันว่าจำเป็นต้องรักษาอธิปไตยของประเทศ และความปลอดภัยของประชาชน และทหาร หากจะหยุดปฏิบัติการทางทหาร กัมพูชาต้องแสดงท่าทีชัดเจนก่อนว่าจะหยุดยิง และกลับมาดำเนินการตามเงื่อนไขของข้อตกลงสันติภาพ แล้วฝ่ายไทยจึงจะกลับมาพิจารณาอีกครั้ง

 “บรรยากาศการพูดคุยกันในวันนั้นดีมาก และประธานาธิบดีไม่ได้เอาเรื่องภาษีมาขู่เรา คุยกันเกือบ 20 นาที กำลังจะวางสาย ประธานาธิบดีก็ถามว่าเรื่องภาษีไปถึงไหนแล้ว นายกฯ บอกว่ายังไม่ได้คุยกันต่อเลย ประธานาธิบดีเลยบอกว่าเดี๋ยวจะกลับไปบอก USTR (สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ) จะได้คุยกันต่อไป ไม่ได้ยกเรื่องนี้มาเป็นข้อต่อรองเลย”

 ทั้งนี้ หลังจากการคุยกับประธานาธิบดีแล้ว กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้แจ้งกับสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ว่าสหรัฐฯ จะเริ่มเจรจาทางเทคนิคกับไทยแล้ว หลังการเจรจาหยุดไปตั้งแต่ USTR ส่งหนังสือขอชะลอการเจรจากับไทยเมื่อกลางเดือน พ.ย. 2568 และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้กลับมาเจรจาใหม่ แต่การกลับมาเจรจารอบใหม่นี้เป็นการส่งสัญญาณจากกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ใช่จาก USTR คงต้องรอดูอีก 1-2 วันนี้น่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น แต่ฝ่ายไทยก็ได้แจ้งไปแล้วว่า เราพร้อมทุกเมื่อ หากสหรัฐฯ พร้อมเมื่อไรก็นัดมาได้เลย

ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลของสหรัฐอเมริกาได้ตีพิมพ์ว่า ทรัมป์กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า เขาได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยและกัมพูชา และผู้นําทั้งสองเห็นด้วยที่จะหยุดยิงภายใน 24 ชั่วโมง และกลับไปใช้ข้อตกลงสันติภาพ อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นการต่อสู้ก็ยังคงดําเนินต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ยึด‘ตาควาย’ได้100%

“นายกฯ” นัดถก สมช. 16 ธ.ค. ย้ำต้องปะทะเพื่อหยุดปะทะ ลั่นพื้นที่ที่เราสถาปนาชัดเจนอยู่แล้วว่าตรงไหนต้องเป็นของเรา

นายกฯหนู กำชับ รมต. อย่าโดดประชุม ครม. พรุ่งนี้

ผู้สื่อข่าวรายงาน ก่อนที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย จะเดินทางออกจากพรรคภูมิใจไทย หลังจบการประชถมสส. ปรากฎว่านายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ภูมิใจไทยคึกคัก! 'อนุทิน' สวมเสื้อให้ว่าที่ผู้สมัคร สส. อดีตเด็กเพื่อไทยโผล่พรึ่บ

ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ตลอดช่วงบ่ายยังคงมีอดีต สส. และนักการเมือง เดินทางมาสมัครสมาชิกพรรคอย่างคึกคัก อาทิ น.ส.สุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ อดีต สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ที่ได้มีการเปิดตัวไปก่อนหน้านี้แล้ว