“นายกฯ” นัดถก สมช. 16 ธ.ค. ย้ำต้องปะทะเพื่อหยุดปะทะ ลั่นพื้นที่ที่เราสถาปนาชัดเจนอยู่แล้วว่าตรงไหนต้องเป็นของเรา ยึดแผนที่มาตรา 1:50,000 “ฉัตรชัย” บอกให้รอผลประชุมจะขยายพื้นที่เคอร์ฟิวหรือไม่ ทัพเรือแจงไม่ได้ปิดอ่าวแค่คุมพื้นที่เสี่ยงภัยสูง ห้ามเฉพาะเรือสัญชาติไทยที่ส่งน้ำมันและยุทธปัจจัย กองทัพยันจีนไม่มีการติดต่อขอคืนจรวด “โฆษก กห.” ซัดระบอบ ฮุน เซน คือต้นตอปัญหา ประกาศยึดปราสาทตาควายได้ 100% ทหารเขมรสังเวยกว่าครึ่งพัน สันดานเดิมไม่เปลี่ยนปล่อยเฟกนิวส์ทั้งอาวุธเคมี-บอมบ์พื้นที่พลเรือน
เมื่อวันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ได้เชิญนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าพบหารือในหลายเรื่อง ทั้งการเสนอการสกัดกั้นการส่งยุทธปัจจัยทางทะเล การตรวจยึดระบบขีปนาวุธต่อต้านรถถังนำวิถียุคที่ 5 รุ่น GAM-102 LR สัญชาติจีน ได้ที่บริเวณเนิน 500 รวมถึงสายลับและทหารรับจ้างของฝ่ายกัมพูชาที่แทรกซึมเข้ามาในไทย ซึ่งเรื่องนี้ให้ติดตามและเฝ้าระวังพื้นที่อยู่แล้ว
นายกฯ ยังกล่าวถึงการช่วยเหลือคนไทยในกัมพูชาว่า เราพร้อมดำเนินการทุกการช่วยเหลือ แต่ยังไม่ได้พูดคุยรายละเอียดกับกระทรวงการต่างประเทศ โดยจะเหมาเครื่องบินพาณิชย์ไปรับ ถ้าอะไรที่ทำให้คนไทยได้รับความสะดวกพร้อมทำหมด โดยขณะนี้มีรายงานว่ามีคนไทยติดค้างอยู่หลายพันคน ก็จะดำเนินการเต็มที่
“ผมไม่สามารถบอกรายละเอียดเป้าดำเนินการของทหาร แต่เป้าหมายที่ทหารเข้ายึดพื้นที่ได้ แต่ไม่ได้เป็นการทำลายขีดความสามารถ ไม่ได้หมายความว่าเข้าไปถล่มให้แหลกลาญกันไปข้างหนึ่ง แต่เราเข้าไปยึดครองพื้นที่ทำให้มีการถอยร่นของฝ่ายตรงข้าม และทำให้เขาเห็นว่าเราเป็นประเทศที่คุณจะมารุกล้ำ มาคุกคามอธิปไตย มาทำร้ายคนของเรา ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หรือชาวบ้านไม่ได้ทั้งนั้น และดินแดนของเรา เรามีการสถาปนาชัดเจนอยู่แล้วว่าตรงไหนเป็นของเรา ใช้แผนที่มาตรา 1:50,000 มาโดยตลอด สุดท้ายคือต้องพยายามไปให้ถึงจุดที่ไม่มีใครอยากจะปะทะ แต่เราต้องปะทะเพื่อหยุดปะทะ” นายกฯ กล่าว
เมื่อมีการถามว่า ตอนนี้ใกล้แล้วหรือยัง นายอนุทินกล่าวต่อว่า ถ้าในเรื่องของการเข้ายึดพื้นที่ พร้อมพยักหน้าและตอบว่าอืม
นายอนุทินให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงการประชุม สมช.ว่า มีวาระที่เกี่ยวกับการควบคุมจำกัดยุทธภัณฑ์ทั้งหลายที่ส่งไปยังกัมพูชา โดยเราปิดในส่วนของเราที่ช่องเม็ก จังหวัดอุบลราชธานี โดยรายละเอียดให้ถามกองทัพและแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งดูแลเรื่องนี้อยู่ ท่านเป็นคนออกคำสั่ง
เมื่อถามถึงกรณีสำนักงานสหประชาชาติ ณ กรุงเจนีวา โพสต์ข้อความถึงหลายประเทศที่มีความรุนแรงให้หยุดยิง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีไทยและกัมพูชาด้วย จะชี้แจงอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า ประเทศไทยรักษาอธิปไตยของเรา ไม่ต้องชี้แจง ภาพมันชัดเจนอยู่แล้ว BM-21 มาเป็นซีรีส์ มาเป็นชุดเฟี้ยวฟ้าวเต็มไปหมด ไทยยังไม่เคยทำอะไรประเทศเขาเลย
ขณะที่นายฉัตรชัยกล่าวภายหลังเข้ามารายงานสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาให้นายกฯ ฟัง โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ว่าเป็นการหารือเพื่อเตรียมการประชุม สมช.วันที่ 16 ธ.ค.นี้ ซึ่งวาระการประชุมจะมีเรื่องการขอสกัดกั้นการส่งยุทธปัจจัยตามที่กระทรวงกลาโหม (กห.) เสนอมาเป็นเรื่องหลัก รวมถึงเรื่องความคืบหน้าในการช่วยเหลือคนไทยที่ต้องการเดินทางออกจากกัมพูชา ส่วนเรื่องสายลับและยุทโธปกรณ์สัญชาติจีนที่กองทัพไทยยึดได้นั้น รวมถึงการประกาศขยายพื้นที่ใช้กฎอัยการศึก และการประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่อื่นๆ ขอให้รอการประชุมในวันพรุ่งนี้
พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษก กห. แถลงย้ำถึงจุดยืนของไทยว่า ฝ่ายไทยเน้นในเรื่องการปกป้องอธิปไตยของชาติ ภายใต้หลักมนุษยธรรม และฝ่ายไทยไม่ใช่ผู้เริ่มความขัดแย้ง แต่เป็นระบอบของฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และรัฐบาลกัมพูชา ที่ริเริ่มความขัดแย้งดังกล่าว และไม่ใช่ความขัดแย้งระหว่างประชาชน นอกจากนี้ไทย ยังยึดมั่นหลีกเลี่ยงการโจมตีเป้าหมายพลเรือน รวมถึงจุดยืนโจมตีเฉพาะจุดที่เป็นภัยคุกคามทางทหารเท่านั้น ขณะที่การอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเกิดจากการตัดสินใจที่ล่าช้าของกัมพูชาเอง โดยกัมพูชาทิ้งประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย อพยพล่าช้า ทําให้เกิดความโกลาหล
เน้นเฉพาะเรือไทย
ขณะที่ น.อ.นรา คุณโฑถม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ (ทร.) แถลงถึงการประกาศจำกัดอาณาเขตอ่าวไทยและพื้นที่เสี่ยงภัยระดับสูง เพื่อสกัดน้ำมันยุทธปัจจัยลำเลียงเข้ากัมพูชาว่า เน้นเฉพาะเรือสัญชาติไทย ซึ่งพื้นที่เสี่ยงภัยสูงไม่ใช่บล็อกเขตหรือการปิดอ่าว ในกรณีนั้นต้องเป็นในภาวะสงครามขนาดใหญ่ ซึ่งการประกาศปิดอ่าวจะกระทบเรือของชาติอื่น แต่ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นความขัดแย้งสองรัฐ คือไทย-กัมพูชา ปฏิบัติการของเราจะไม่กระทบประเทศที่ 3
“ขอเน้นย้ำให้หลีกเลี่ยงใช้คําว่าปิดอ่าวหรือบล็อกเขต ให้ใช้คำว่าพื้นที่เสี่ยงภัยสูง ซึ่งจะบังคับใช้กับเรือสัญชาติไทยเท่านั้น เพื่อผลการปฏิบัติการจํากัดการลําเลียงยุทธปัจจัยสําคัญ รวมถึงน้ำมันเชื้อเพลิงจากไทยไปยังกัมพูชา เราจะดําเนินการอย่างเต็มที่เพื่อตัดยุทธปัจจัยเหล่านี้”
พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษก ทร. กล่าวเช่นกันว่า ไม่มีการบล็อกเขต ไม่มีการปิดน่านน้ำไทย เราเคารพเจตนาระหว่างประเทศและประชาคมโลก เพื่อตัดการส่งกำลังบำรุงยุทธปัจจัยไปสู่กัมพูชาเท่านั้น
เมื่อถามถึงกระแสข่าวพบเรือบรรทุกน้ำมัน-สินค้า 2 ลำของไทย ชื่อ นาคราช 26 และไทยแหลมทอง ที่อยู่ใกล้พื้นที่ จ.เกาะกง โฆษก ทร.กล่าวว่า เราพยายามแก้ไขปัญหา มีหลายบริษัทเดินเรือของไทยที่ใช้เรือไทยในการลำเลียงน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปในพื้นที่กัมพูชา ที่ผ่านมา ทร.พยายามพูดคุยกับบริษัทเจ้าของเรือนั้นๆ ในเรื่องการขอความร่วมมือไม่ลำเลียงยุทธปัจจัยเข้าไปในกัมพูชา เรื่องนี้จะพิจารณาใน สมช.อีกครั้ง
พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก (ทบ.) กล่าวเสริมว่า มีการนำเข้าน้ำมัน ยุทธปัจจัยให้กัมพูชาจึงต้องควบคุม แต่รายละเอียดจะมาจากช่องทางไหนไม่สามารถบอกได้
ด้าน พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ (ทอ.) ระบุว่า การตัดเส้นทางกําลังบํารุงทำได้หลายวิธี ที่ผ่านมา ทอ.ทํางานร่วมกับ ทบ.และ ทร.ในการโจมตีเส้นทางส่งกําลังบํารุง เช่นการโจมตีสะพาน ถือเป็นหนทางหนึ่งเพื่อให้การสู้รบและข้อขัดแย้งยุติโดยเร็ว แม้ควบคุมได้ไม่ทั้งหมด แต่ควบคุมในสิ่งที่เราควบคุมได้และลดทอนประสิทธิภาพการส่งกําลังบํารุงไปส่วนหน้า ก็ส่งผลต่อการปฏิบัติเช่นเดียวกัน
ขณะที่ พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า หากเราพิสูจน์ทราบได้ว่ามีการลําเลียงยุทธปัจจัยน้ำมันมาจากช่องทางอื่น หรือจากประเทศที่ 3 คงต้องประสานระหว่างกระทรวงในเรื่องการดําเนินการ ส่วนช่วงเที่ยงคืนวันนี้ (15 ธ.ค.) กองทัพภาคที่ 2 ได้ออกคําสั่งควบคุมการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงและยุทธภัณฑ์ 2 จุดผ่านแดนถาวรช่องเม็ก ต.ช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี ซึ่งอยู่ติดกับ สปป.ลาว เพราะมีการนําน้ำมันและยุทธภัณฑ์ต่างๆ ส่งต่อไปให้กัมพูชานํามาใช้ในการสู้รบ ซึ่งไทยไม่มีเจตนาสร้างผลกระทบให้เพื่อนบ้าน จึงขออภัยพี่น้องชาวลาวที่ได้รับผลกระทบ โดยจะดําเนินมาตรการนี้ให้รวดเร็วและมีผลกระทบน้อยที่สุดต่อประชาชนชาวลาว
นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ชี้แจงเรื่องนี้ว่า ไทยไม่ต้องการยกระดับสถานการณ์ การดำเนินการของไทยเพื่อปกป้องอธิปไตยและลดภัยคุกคามเท่านั้น
ขณะที่ พล.ร.ต.ปารัชยังกล่าวถึงการคงสถานะเคอร์ฟิวใน 5 อำเภอของ จ.ตราดว่า จะใช้ให้สั้นที่สุด แต่ยังพบกลุ่มคนไม่หวังดีเข้ามาในพื้นที่ จึงจะมีการตรวจตราสถานที่ราชการและสถานที่สำคัญในพื้นที่ โดยประสานหน่วยความมั่นคงในพื้นที่สอดส่องดูแล ใช้มาตรการหาข่าวและข่าวกรองต่างๆ ร่วมกับตำรวจและฝ่ายปกครอง
ตร.เข้มคนเข้าประเทศ
พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษก ตร. ชี้แจงกรณีการแจ้งเตือนประชาชนเฝ้าระวังนักรบรับจ้างต่างชาติใน จ.นครราชสีมาว่า เกิดจากการประชุมหน่วยงานความมั่นคง จ.นครราชสีมาพบข้อมูล และแจ้งเตือนไปยังโรงพัก และแต่ละโรงพักก็แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ เป็นการบูรณาการระหว่างหน่วยงานความมั่นคง ขณะนี้ตํารวจดำเนินการเข้มข้น ฝากเตือนประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา ตรวจสอบ คน กลุ่มบุคคล ยานพาหนะ โดรน หากพบให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ 24 ชม.
“การคัดกรองชาวต่างชาติในการเดินทางเข้าประเทศได้ใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมืองอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชาวต่างชาติในประเทศที่เราเปิดฟรีวีซ่า ซึ่งกัมพูชาเป็น 1 ใน 93 ประเทศที่ตรวจสอบเข้มข้น เมื่อเดือน ธ.ค.ไม่อนุญาตให้ชาวกัมพูชาที่ต้องสงสัยเข้ามา 78 คน รวมถึงบุคคลที่มีความเสี่ยงจะเป็นนักรบรับจ้าง ซึ่งปฏิเสธการเข้าประเทศไป 128 คน” พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ระบุ
พล.ร.ต.สุรสันต์ยังกล่าวถึงกรณีชาวต่างชาติช่วยบังคับโดรนกัมพูชาว่า เป็นข่าวลือที่อาจส่งต่อกันมา เท่าที่ทราบการปฏิบัติทางโดรนของฝ่ายตรงข้ามถูกลิดรอนขีดความสามารถไปมาก หลังจาก ทอ.ได้ทิ้งระเบิดเข้าไปที่เป้าหมาย รวมถึง ทอ.โจมตีเป้าหมายโดยเฉพาะบริเวณกาสิโนทมอดา และทำลายเสาอากาศส่งสัญญาณ
ด้าน พล.อ.ท.จักรกฤษณ์กล่าวถึงกรณีกัมพูชาระบุถึงเครื่องบินรบของไทยเข้าทิ้งระเบิด 2 ลูกใน จ.เสียมเรียบ ใกล้ศูนย์ผู้ลี้ภัยว่า การปฏิบัติการทางอากาศไม่ได้จำกัดอยู่ที่ชายแดน เป้าหมายทางทหารถูกให้คำจำกัดความว่าอยู่บนพื้นฐานของการใช้ต่อโครงสร้างพื้นฐาน หรืออาคารสถานที่นั้นในวัตถุประสงค์ทางทหาร ดังนั้นขอยืนยันว่าการโจมตีเป้าหมายทางทหารเพื่อป้องกันผลกระทบที่มีต่อประชาชน เราปฏิบัติอยู่บนพื้นฐานการรักษาเอกราชอธิปไตยและหลักมนุษยธรรม ดังนั้นจึงใช้อาวุธที่มีความแม่นยำสูงเพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง และเมื่อมีการตรวจสอบวิเคราะห์แล้วก็ไม่ได้ส่งผลต่อประชาชนกัมพูชาที่อยู่ในพื้นที่
“เป็นเฟกนิวส์และความพยายามที่จะดิสเครดิต การปฏิบัติการทางฝ่ายเราล้วนแต่เป็นเป้าหมายทางทหารทั้งสิ้น อาจมีบ้างที่ใช้โครงสร้างทางพลเรือนเป็นปฏิบัติการทางทหาร แต่เราขอสงวนสิทธิ์ป้องกันตนเองในการโจมตีเป้าหมายเหล่านั้น เพื่อความปลอดภัยของทหารและความปลอดภัยของประชาชน” พล.อ.ท.จักรกฤษณ์กล่าวชี้แจงข้อกล่าวหาว่าฝ่ายไทยโจมตีเป้าหมายที่เป็นพลเรือนในพื้นที่กาสิโน
พล.ร.ต.สุรสันต์แถลงถึงกรณีกัมพูชานำภาพเจ้าหน้าที่ฉีดพ่นป้องกันยุง ไปบิดเบือนว่าเป็นปฏิบัติการทางเคมี ว่าเป็นภาพเฟกนิวส์ชัดเจน ฝ่ายกัมพูชาหวังสร้างสถานการณ์สร้างเหตุการณ์ต่างๆ ให้ประชาชนและประชาคมตื่นตระหนก หากไม่มีความรู้เทคนิคในเรื่องการป้องกันยุงก็อาจจะเชื่อ จึงขออย่าหลงเชื่อข่าวที่ถูกปล่อยออกมาจากฝ่ายกัมพูชา
ทั้งนี้ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้แชร์ข้อความของกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า "ขอแจ้งสถานการณ์ตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย กรณีทหารไทยยังโจมตีกัมพูชาในกองทัพหมู่ที่ 4 ลึกเข้าไปในดินแดนอธิปไตยของกัมพูชา ว่าเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. เวลา 10.00 น. ทหารไทยขยายสนามรบเปิดไฟดุเดือดใช้เครื่องบินรบ F-16 ทิ้งระเบิดสองลูกใกล้ค่ายผู้ลี้ภัยในภูมิศาสตร์ อ.เสรีสนม จ.เสียมเรียบ"
ส่วน พ.อ.ริชฌากล่าวถึงกรณีฝ่ายจีนประสานขอคืนจรวดและระบบอาวุธต่อต้านรถถัง GAM-102 ที่ไทยยึดได้ เพื่อป้องกันข้อมูลของคุณลักษณะรั่วไหลว่า จรวดที่ยึดได้ยังอยู่ในการครอบครองของเรา ส่วนข้อสันนิษฐานหรือข้อสงสัยมีการติดต่อมาเพื่อขออาวุธคืนหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถระบุได้และยังไม่ได้รับรายงานเข้ามา
พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษก ทบ. กล่าวเรื่องนี้เช่นกันว่า ยังไม่มีข้อมูลว่ามีการมาขอคืน ซึ่งในเรื่องยุทธกรคงมีหลายอย่าง เรื่องยุทโธปกรณ์ต่างๆ จะมีการจัดเก็บไว้ก่อน ยังไม่มีการดำเนินการใดต่อสิ่งอุปกรณ์เหล่านั้น เพราะเป็นสิ่งที่พวกเราต้องควบคุมไว้ด้วยเพราะอยู่ในพื้นที่การรบ แต่จะดำเนินการอย่างไรนั้นก็ต้องรอหลังเสร็จสิ้นภารกิจแล้วค่อยว่ากัน
สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่นั้น พ.อ.ริชฌากล่าวว่า กัมพูชายังโจมตีเข้ามาในพื้นที่พลเรือนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ส่วนประมาณการสูญเสียของกัมพูชา ฐานที่มั่น ฐานปฏิบัติการต่างๆ ที่ตั้งทางทหาร อาวุธยิง บก.ควบคุมและจุดปฏิบัติการที่ตั้งอาวุธต่างๆ ทําลายประมาณ 82 แห่ง BM-21 จำนวน 1 ระบบ รถถัง 12 คัน ยานรบต่างๆ รวมถึงยานเกราะ 10 คัน ปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (ปตอ.) 4 ระบบ ปืนใหญ่เครื่องยิงลูกระเบิด 7 กระบอก แอนตี้โดรน 5 จุด โดรน 175 ลำ เสาสื่อสาร 5 จุด และทหารกัมพูชาเสียชีวิต 505 นาย
ยึดปราสาทตาควาย 100%
พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า สถานการณ์ในช่วงเช้ามีการเปิดฉากระดมยิงโจมตีโดยอาวุธหนักของกัมพูชามายังฝ่ายไทย หลักๆ ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานีและ จ.สุรินทร์ ส่งผลให้ต้องอพยพประชาชนโดยด่วนเพิ่มเติม 2 อำเภอ ได้แก่ อ.ขุนหาญ และ อ.ภูสิงห์ หลังจากเมื่อวานนี้แจ้งอพยพในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษแล้ว โดยฝ่ายไทยยึดตัวปราสาทตาควายได้ 100% เต็ม ส่วนพื้นที่รอบข้างปราสาทยังมีการปะทะกันอยู่ต่อเนื่อง
“ที่กัมพูชาออกมาระบุว่าภาพทหารไทยยึดปราสาทตาควายเป็นเฟกนิวส์นั้น ขอยืนยันว่าภาพนั้นเป็นภาพจริง และแสตมป์ว่าเป็นของจริง ฝ่ายไทยยังเข้มแข็งและรุกรบยึดคืนในสิ่งที่เป็นพื้นที่ของไทยต่อไป ส่วนที่กัมพูชาเสนอภาพและข่าวว่ากำลังพลไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากนั้น ได้ตรวจสอบยืนยันว่าเป็นการใช้แอปพลิเคชันเอไอ Gemini” พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าว
นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ย้ำว่า หากแม้กรมศิลปากรได้มีโอกาสซ่อมปราสาทตาควาย หรือปราสาทหลังใดก็แล้วแต่ที่เป็นของไทย เราสามารถบูรณะกลับคืนมาได้อย่างแน่นอนที่สุด ซึ่งเคยมีประจักษ์พยานมาแล้ว คือปราสาทหินพนมรุ้ง ปราสาทหินพิมาย และปราสาทหินสด๊กก๊อกธม
ด้านนางมาระตีระบุว่า ฝ่ายไทยมีหลักฐานชัดเจนว่ากองทัพกัมพูชาใช้ปราสาทและโบราณสถานต่างๆ ตามแนวชายแดนเป็นฐานปฏิบัติการทางทหาร ไทยจึงมีทางเลือกเดียวคือใช้สิทธิ์ในการปกป้องตนเอง การกระทำของกัมพูชาถือเป็นการละเมิดอนุสัญญากรุงเฮก ว่าด้วยการคุ้มครองทรัพย์สินทางวัฒนธรรมในกรณีเกิดความขัดแย้งทางอาวุธ และอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ จึงขอเรียกร้องให้กัมพูชายุติการใช้พื้นที่โบราณสถานเพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร และยุติการบิดเบือนข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้
ส่วน พล.อ.ต.อมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (เลขาฯ สกมช.) กล่าวให้ความเชื่อมั่นเรื่องระบบไซเบอร์ภายหลังมีความพยายามโจมตีว่า เราเฝ้าระวังตั้งแต่ที่มีความเสี่ยงว่าจะมีการปะทะในเดือน มิ.ย. โดยสิ่งที่เรามุ่งหวังคือการให้บริการประชาชนต้องไม่สะดุด แม้จะมีความพยายามในรูปแบบใดก็ตาม จะมีการแจ้งเตือนภัยภายใน 5 นาที หากมีเหตุมีแนวโน้มที่จะสร้างปัญหา เฝ้าระวังไม่ให้เหตุการณ์บานปลายและส่งผลกระทบต่อประชาชน
วันเดียวกัน นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีเมื่อช่วงวันที่ 24-29 ก.ค. 2568 เกิดเหตุการณ์ทหารกัมพูชายิงทั้งปืนและระเบิดตกมายังพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนในไทย เป็นเหตุให้มีคนเสียชีวิต 32 ราย และบาดเจ็บ 238 ราย ทรัพย์สินเสียหายเกือบร้อยล้านบาทว่า นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อัยการสูงสุด (อสส.) ได้พิจารณามีคำสั่งรับคดีที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ที่ได้ยื่นขอให้ดำเนินคดีกับนายฮุน เซน และนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่สั่งการยิงระเบิดจนเป็นเหตุให้คนไทยบาดเจ็บล้มตายไว้เป็นคดีนอกราชอาณาจักรแล้ว และมีคำสั่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เป็นพนักงานสอบสวน และให้อัยการจากสำนักงานการสอบสวนไปร่วมสอบสวนคดี
“ผู้รับผิดชอบคดีนี้คือ ผู้บัญชาการตํารวจภูธรภาค 3 ซึ่งจะเป็นผู้สรุปสํานวนทําความเห็นว่าเห็นควรสั่งฟ้องเห็นควรสั่งไม่ฟ้องคดี เสนอท่านอัยการสูงสุดพิจารณาแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งคดีนอกราชอาณาจักรเป็นอำนาจและดุลพินิจของอัยการสูงสุดว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง”.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เคาะวันเลือกตั้ง8กพ. กกต.เปิดรับสมัคร27-31ธค. ก๊วนการเมืองไหลรวม‘ภท.’
ปี่กลองสนั่น! กกต.เคาะวันเลือกตั้ง 8 ก.พ. 69 เปิดรับสมัคร สส. 27-31 ธ.ค.
ขอไฟเขียวงบคนละครึ่ง รับมีหลายนโยบายสะดุด
"บวรศักดิ์" นำทีมหารือ กกต.ขอใช้งบฯ โครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2-ครม.
ศิลปินแห่งชาติ แต่งเพลงถวาย พระพันปีหลวง
พระราชวงศ์ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล พร้อมด้วยองคมนตรี ถวายพระพันปีหลวง
หนูเหน็บทรัมป์ฟังรายงานมั่ว
"อนุทิน" ลั่น! "ทรัมป์-อันวาร์" เป็นบุคคลที่สาม ไม่ได้อยู่หน้างาน
นายกฯหนู กำชับ รมต. อย่าโดดประชุม ครม. พรุ่งนี้
ผู้สื่อข่าวรายงาน ก่อนที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย จะเดินทางออกจากพรรคภูมิใจไทย หลังจบการประชถมสส. ปรากฎว่านายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ภูมิใจไทยคึกคัก! 'อนุทิน' สวมเสื้อให้ว่าที่ผู้สมัคร สส. อดีตเด็กเพื่อไทยโผล่พรึ่บ
ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ตลอดช่วงบ่ายยังคงมีอดีต สส. และนักการเมือง เดินทางมาสมัครสมาชิกพรรคอย่างคึกคัก อาทิ น.ส.สุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ อดีต สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ที่ได้มีการเปิดตัวไปก่อนหน้านี้แล้ว

