ยึด‘ช่องอานม้า’ 2.4พันล.สู้เขมร

“ครม.” อนุมัติงบกลาง 2.4 พันล้าน ให้กองทัพสู้ศึกชายแดน “นายกฯ” ถก "สมช." ยันรถขนน้ำมันช่องเม็กไปลาวไม่เลี้ยวเขมร “เลขาฯ สมช.” มอบ “กต.” พาคนไทย 3-4 พันคน ตกค้างในปอยเปตกลับบ้าน คาดใช้วิธีเช่าเหมาลำ ไฟเขียว “ศรชล.” เข้มเรือสัญชาติไทยขนน้ำมัน-ยุทธปัจจัยผ่านอ่าวไทย “บิ๊กเล็ก” ลั่นจีนยังไม่ประสานขอขีปนาวุธที่ไทยยึดได้จากเนิน 500 ลั่นตามกฎบัตรเป็นของเรา แย้มขอเวลาอีกไม่นานสถานการณ์ชายแดนจบ “สีหศักดิ์” เผย  UNSC ยังไม่เรียกประชุมนัดพิเศษปมชายแดนไทย-เขมร “บัวแก้ว” ระบุ 3 เงื่อนไขหยุดยิง “กัมพูชา” ต้องปฏิบัติตามจริงจัง ชายแดนยังระอุ! เขมรถล่มหนักจุดที่ไทยยึดไว้ได้ “ทหารไทย” รุกคืบยึดช่องอานม้าได้ ร้องเพลงชาติแสดงอธิปไตยไทยกระหึ่ม “กปช.จต.” ประกาศยกเลิกเคอร์ฟิว 5 อำเภอตราด

ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ วันที่ 16 ธันวาคม 2568 เวลา 09.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ครั้งที่ 16/2568 มีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม, พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม, นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ, พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม, นายฉัตรชัย บางชวด เลขาฯ สมช. และ ผบ.เหล่าทัพ เข้าร่วมประชุม

ภายหลังการประชุม นายอนุทินปฏิเสธให้สัมภาษณ์ถึงผลการประชุม สมช. โดยระบุว่าจะต้องไปเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เดี๋ยวเลขาธิการ สมช.จะแถลงผลการประชุม ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีกัมพูชาใช้เวทีโลกกดดันประเทศไทย นายกฯ ไม่ตอบคําถามดังกล่าว เมื่อถามว่า จะไม่ให้มีการส่งน้ำมันไปยังประเทศกัมพูชาใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวย้ำว่า เดี๋ยวเลขาฯ สมช.จะแถลง

ซักว่ามีการตรวจสอบหรือไม่ กรณีรถขนน้ำมันไปจอดรอที่ด่านช่องเม็ก จ.อุบลราชธานี จะขนน้ำมันไปที่ไหน นายกฯ ตอบว่า ไปลาว เมื่อถามว่า ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ไม่ได้เลี้ยวไปยังกัมพูชาใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีครับ เมื่อถามอีกว่าจะต้องสกัดกั้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไปลาวก็สกัดไม่ได้

เมื่อถามย้ำว่า กัมพูชาพยายามใช้เวทีโลกโจมตีว่าไทยใช้อาวุธรุนแรง จะต้องให้กระทรวงการต่างประเทศมีคําชี้แจงอย่างใดหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไปดูอาวุธเปรียบเทียบ เวลาเขายิง BM-27 มา ทําไมผู้สื่อข่าวถามแบบนี้ ไปเปิดคลิปดู เวลาเขายิงมาเป็นอย่างไร ใครรุนแรงกว่า เมื่อถามว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ มีการให้สัมภาษณ์อ้างอิงจะใช้มาตรการภาษีกดดันให้ไทยกับกัมพูชาหยุดยิง จะตอบประเด็นนี้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า "ไม่ตอบ" เมื่อถามย้ำว่า มาตรการภาษีไม่สามารถมากดดันอะไรใครได้ใช่หรือไม่ นายกฯ ไม่ตอบคำถามดังกล่าว ถามอีกว่า ที่นานาชาติมากดดันเช่นนี้ยิ่งจะทําให้การหยุดยิงไม่เกิดขึ้นใช่หรือไม่ นายกฯ ตอบว่า ไม่มีใครกดดัน ใครจะมากดดัน จะกดดันใคร เมื่อถามย้ำว่า สหรัฐใช้มาตรการภาษีมากดดันอีกแล้ว นายกฯ กล่าวว่า กดดันใคร ตนไม่ทราบ

ต่อมา นายฉัตรชัย บางชวด เลขาฯ สมช. แถลงผลประชุม สมช.ว่า การช่วยเหลือคนไทยที่ตกค้างอยู่ในปอยเปต ประเทศกัมพูชา มีประมาณ 3-4 พันคน จึงมีมติมอบให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปดำเนินการ ประสานกับคนไทยเหล่านั้น ที่จะหาทางส่งคนไทย ไม่ว่าจะทางเครื่องบินพาณิชย์ โดยมีเรื่องของการยืมเงินตามระบบกระทรวงการคลังในการซื้อตั๋วเครื่องบิน หรือการเช่าเหมาลำพาคนไทยกลับประเทศไทย โดยเฉพาะคนไทยที่ติดค้างด่านปอยเปต จะให้เดินทางไปขึ้นเครื่องที่เสียมเรียบ ซึ่งอาจจะใช้วิธีการเช่าเหมาลำ

 “ส่วนการเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ที่ผ่านมามีหลักเกณฑ์ชัดเจนอยู่แล้ว ก็จะมีการรวบรวมผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตล่าสุด นำเสนอ ครม. และมีเงินเยียวยาเพิ่มเติมจากที่เคยอนุมัติก่อนหน้านี้” นายฉัตรชัยกล่าว

เลขาฯ สมช.กล่าวถึงเรื่องการสกัดกั้นน้ำมันและยุทธปัจจัยทางทะเลว่า ที่ประชุมมีมติมอบให้ ศรชล.เป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก ในการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่การแจ้งเตือนเรือไทยที่จะเข้าในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงให้ได้รับทราบ รวมถึงการประสานกรมเจ้าท่าในการตรวจเรือไทย ซึ่งเน้นเรือไทยเป็นหลักที่มีการขนส่งสินค้าที่จะเอื้อต่อการทำสงครามในกัมพูชา โดยจะมีการตรวจเรือไทยที่มีที่หมายปลายทางสินค้า เพื่อควบคุมให้เกิดความเรียบร้อย ส่วนสินค้ายุทธภัณฑ์ ยุทธปัจจัยต่างๆ มอบให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการกำหนดสินค้า

ไฟเขียวงบ 2.4 พันล.สู้ศึกชายแดน

จากนั้นเวลา 11.00 น. นายอนุทินเป็นประธานการประชุม ครม.ภายหลังประชุม นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงตอนหนึ่งว่า นายกฯ ได้ชี้แจงต่อที่ประชุม ครม.กรณีที่มีรถบรรทุกน้ำมันบริเวณช่องเม็ก ที่ประชาชนมีความกังวล จะมีการส่งไปยังกัมพูชาผ่านทาง สปป.ลาว ว่า จากการประชุม สมช.และขอข้อมูลจากกระทรวงพลังงาน จึงขอยืนยันว่า กระทรวงพลังงานได้ตรวจสอบแล้วว่า ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา การส่งน้ำมันไปยัง สปป.ลาวไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

“แต่นายกฯ ยังได้ให้ข้อสังเกตไปยังกระทรวงพลังงาน กรมสรรพสามิต และกรมศุลากรว่า รถขนน้ำมันทุกคันที่ผ่านชายแดนไทยไปยัง สปป.ลาวจะต้องตรวจสอบจุดหมายปลายทางทุกคันอย่างรวดเร็ว และกระทรวงคมนาคมยืนยันว่า รถขนน้ำมันทุกคันมี GPS และไม่ยินยอมให้ใช้ช่องทาง สปป.ลาว เพื่อไปยังกัมพูชา จึงขอให้ประชาชนสบายใจได้” นายสิริพงศ์กล่าว

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบงบกลางตามคำขอของกระทรวงกลาโหม ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายปี 2569 เพิ่มเติม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายรองรับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านตะวันออก ซึ่งเป็นการขอมาจากกองทัพบกและกองทัพเรือ

“รัฐบาลยินดีให้การสนับสนุน โดยอนุมัติงบ 2,444,061,516 บาท ส่วนรายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยงบดังกล่าวจะใช้ในการดูแลขวัญกำลังใจกำลังพลกองทัพ เพื่อให้รับมืออริราชศัตรูได้ในยามฉุกเฉิน” โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว

ขณะที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า มีความคืบหน้าไปตามลำดับ ไม่มีอะไรต้องกังวล ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของกองทัพที่ได้ดำเนินการ เรื่องขีปนาวุธที่เนิน 500 ซึ่งเป็นของใหม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามาจากไหน

ถามว่า ทางการจีนได้มีการประสานขอคืนอาวุธเหล่านี้หรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ไม่ได้รับทราบตรงนี้เลยที่จะมาติดต่อขอคืน ซึ่งอาวุธเหล่านี้ยังคงอยู่ในความดูแลของกองทัพ ซึ่งตามกฎบัตรแล้วอันไหนที่ยึดได้ก็เป็นของเรา ถามย้ำว่าอาวุธเหล่านี้เราสามารถเอาไปใช้ได้เลย หรือจะต้องรอตรวจสอบก่อน พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า เราสามารถใช้ได้หรือทำลายก็ได้ แต่ต้องมีการตรวจสอบก่อน

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีหลายประเทศเป็นห่วงเรื่องการสกัดกั้นน้ำมัน โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา รมว.กลาโหมกล่าวว่า เราใช้วิธีสันติ ไม่ได้ใช้กำลังเข้าประหัตประหารกัน ไม่ได้ใช้อาวุธ เป็นการใช้สันติวิธีที่จะจำกัดฝ่ายกัมพูชาที่จะเข้ามาปฏิบัติการในฝ่ายเรา เพราะยืนยันแล้วว่าเราจะหยุดยิงเมื่อกัมพูชาสิ้นสุดการเป็นปรปักษ์อย่างชัดเจนและเปิดเผย เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่เป็นแนวทางสันติที่ใช้ได้ที่จะทำให้สิ้นสุดการเป็นปรปักษ์ นั่นเป็นหนทางที่ดีที่สุด

ซักถึงเหตุการณ์ชายแดนจะยืดเยื้อแค่ไหน รมว.กลาโหมกล่าว “ขอเวลาอีกไม่นานครับ”

ด้าน นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าหลังไทยทำหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติ และประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) เพื่อประท้วงกัมพูชาเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ขณะนี้ที่ประชุมยูเอ็นเอสซียังไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการประชุมนัดพิเศษเรื่องสถานการณ์ไทย-กัมพูชา หลังจากนี้ทางรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนจะมีการประชุมสมัยพิเศษเรื่องสถานการณ์ไทย- กัมพูชา ในวันที่ 22 ธ.ค.นี้

ถามว่า ท่าทีของจีนต่อเรื่องนี้เป็นอย่างไร นายสีหศักดิ์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ปลัด กต.ได้พูดคุยกับเอกอัครราชทูตจีน ที่ผ่านมามีการระบุว่าอยากให้ไทยและกัมพูชาเข้าสู่สันติภาพ พยายามแก้ไขปัญหาระหว่างกัน ซึ่งฝ่ายไทยพร้อมอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ต้องเห็นตรงกันทั้ง 2 ฝ่าย เหตุการณ์หยุดยิงก็พูดได้ แต่ที่เราเห็นก็คือ คำพูดว่าหยุดยิง ในวันรุ่งขึ้นก็ยังยิงเข้ามา ซึ่งไทยมีท่าทีที่ชัดเจนว่า ถ้าจะหยุดยิง เขาต้องเป็นฝ่ายยุติก่อน แล้วค่อยมาพูดกันว่ากระบวนการจะเป็นอย่างไร

ซักถึงขีปนาวุธที่เรายึดได้บริเวณเนิน 500 มีความทันสมัยและเป็นสัญชาติจีน ทางการจีนมีการชี้แจงมาแล้วหรือไม่ว่า นายสีหศักดิ์ระบุว่า อาวุธที่เขาให้กัมพูชาเป็นของเก่า ซึ่งทางการจีนยืนยันว่าไม่ได้มีการส่งมอบอาวุธใหม่ แต่อาจจะมีหลายวิธีในการได้มาซึ่งอาวุธต่างๆ เพราะมีตลาดทั่วไป แต่เรื่องนี้เราจะติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะการที่ฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธจากประเทศจีน ซึ่งเป็นอาวุธหนักโจมตีเข้ามายังฝั่งไทย ทำให้เราได้รับความเสียหายและมีพลเรือนเสียชีวิต จึงต้องมีการติดตามพูดคุยกับฝ่ายจีน

3 เงื่อนไขหยุดยิงเขมรต้องทำจริง

นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงจุดยืนไทยต่อสถานการณ์ชายแดนว่า ไทยได้กำหนด 3 เงื่อนไขสำคัญ ที่ต้องการเห็นจากกัมพูชาเพื่อให้การหยุดยิงเกิดขึ้นอย่างมีความหมาย ได้แก่ 1.ฝ่ายกัมพูชาจะต้องประกาศหยุดยิงก่อน ในฐานะประเทศที่รุกล้ำเข้าพื้นที่ของไทย 2.การหยุดยิงต้องเกิดขึ้นจริงและต่อเนื่อง ไม่ใช่หยุดแล้วกลับมาใช้ความรุนแรงซ้ำ และ 3.กัมพูชาต้องร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างจริงจังและจริงใจ

ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์ไทย-กัมพูชา พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม    แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า  กัมพูชายังเปิดฉากโจมตีต่อเนื่องตลอดแนวชายแดน ตั้งแต่ช่วงเช้าการปะทะยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง  โดยสังเกตได้ว่าแต่ละจุดและหลายเหตุการณ์ ฝ่ายกัมพูชาได้ใช้จรวดหลายลำกล้อง บีเอ็ม 21 เข้ามาโจมตีในจุดที่ฝ่ายไทยยึดไว้ได้ โดยเวลา 07.00 น. มีการโจมตีที่เนิน 677 ช่องอานม้า และเวลา 11.00 น. โจมตีใส่เนิน 350 ใกล้บริเวณปราสาทตาควายอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเวลา 12.00 น. ฝ่ายกัมพูชาระดมยิงบีเอ็ม 21 ใส่ปราสาทตาควาย ทั้งนี้ ฝ่ายไทยไม่หยุดยั้งในเรื่องการตอบโต้และจะผลักดันกัมพูชาออกจากพื้นที่

พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวถึงกระแสข่าวการใช้ล็อบบี้ยิสต์ของฝ่ายกัมพูชา เพื่อประโคมข่าวในเวทีระหว่างประเทศ โดยยืนยันว่าพบการใช้ล็อบบี้ยิสต์จริง สังเกตได้จากการปรากฏตัวของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวตะวันตก ที่ออกมาเรียกร้องผ่านภาพและวิดีโอในพื้นที่ต่างๆ ของกัมพูชา ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าว มีลักษณะเป็นการสร้างภาพและบรรยากาศเพื่อให้ประชาคมโลกเกิดความเห็นใจต่อฝ่ายกัมพูชา ทั้งที่การปฏิบัติการทางทหารของไทยมีเป้าหมายเฉพาะ และไม่มีเจตนาโจมตีพลเรือนแต่อย่างใด

 “ลักษณะการทำงานของล็อบบี้ยิสต์จะเป็นการสื่อสารด้วยการพูดภาษาอังกฤษไปยังประชาคมโลก กล่าวหาว่าไทยใช้ความรุนแรงในการดำเนินการ จนมีกระทบต่อพลเรือน ลักษณะประโคมข่าว ปั่นกระแส ออกมาร้องไห้เพื่อบอกว่ามีผลกระทบต่อประชาชนกัมพูชามากเลยทีเดียว แต่ไม่มีรูปภาพ หลักฐานยืนยันเป็นลักษณะการพูดจา ทั้งนี้ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมมีชาวต่างชาติออกมาลักษณะนี้จำนวนมากในต่างประเทศ แต่ไม่มีหลักฐานหรือภาพในการยืนยันเลย” โฆษกกลาโหมกล่าว

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ประจำว่า จากการประเมินสถานการณ์ในภาพรวมในห้วง 8 วันที่ผ่านมา  ฝ่ายกัมพูชามีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง พื้นที่ช่องบก ฝ่ายกัมพูชาเร่งเสริมความแข็งแรงของที่มั่น ปรับกำลังเข้าสู่การตั้งรับเต็มรูปแบบ มีเป้าหมายชัดเจนในการยึดตรึงกำลังฝ่ายเรา และชะลอการรุกให้ได้นานที่สุด

พื้นที่ช่องอานม้า ฝ่ายกัมพูชาประสบปัญหาการบังคับบัญชาอย่างรุนแรง สถานการณ์บีบคั้นจนมีแนวโน้มต้องถอนตัวไปยังแนวต้านทานที่ 2 มิฉะนั้นอาจถูกตัดขาดโดยสมบูรณ์ พื้นที่สัตตะโสม-โดนตรวล-ซำแต ฝ่ายกัมพูชาใช้การยิงสนับสนุนแบบยิงแล้วย้ายฐาน เพื่อลดความเสี่ยงจากการยิงโต้ตอบของฝ่ายเรา สะท้อนถึงความพยายามเอาตัวรอดท่ามกลางการครองอำนาจการยิงของฝ่ายเรา

พื้นที่พระวิหาร-ห้วยตามาเรีย ฝ่ายกัมพูชาจำกัดการเคลื่อนไหว ซ่อนพรางกำลังและยุทโธปกรณ์อย่างเข้มงวด เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับและการทำลายจากอำนาจการยิงของฝ่ายเรา พื้นที่ภูมะเขือ จุดตรวจการณ์สำคัญแห่งนี้ถูกฝ่ายกัมพูชาระดมยิงกดดันอย่างต่อเนื่อง เพื่อจำกัดการตรวจการณ์และการชี้เป้าของฝ่ายเราพื้นที่ช่องจอม-ช่องระยี-ปลดต่าง เส้นทางส่งกำลังบำรุงของฝ่ายกัมพูชาถูกตัดขาดอย่างมีนัยสำคัญ พื้นที่ส่วนหลังเริ่มมีความเสี่ยง ซึ่งถือเป็นปัจจัยวิกฤตต่อการดำรงกำลังในพื้นที่แนวหน้า พื้นที่ช่องคนา ฝ่ายกัมพูชาพยายามรวมอำนาจการยิงด้วยจรวดหลายลำกล้อง BM-21 เพื่อยิงรบกวน แต่การปฏิบัติดังกล่าวมีความเสี่ยงสูงต่อการถูกตรวจจับและทำลายของฝ่ายเรา พื้นที่ปราสาทตาควาย-เนิน 350 ฝ่ายกัมพูชามีแนวโน้มดำรงการรบแบบหน่วงเวลา ใช้ที่มั่นดัดแปลงแข็งแรงและยุทธวิธีซุ่มโจมตี เพื่อยึดตรึงกำลังฝ่ายเราและซื้อเวลา พื้นที่ช่องกร่าง ฝ่ายกัมพูชายิงฉากป้องกันตามคำขอ เพื่อขัดขวางการรุกของฝ่ายเรา เมื่อเข้าสู่พื้นที่สังหาร ทำให้เมื่อคืนที่ผ่านมาฝ่ายเราได้รับความสูญเสียพื้นที่ปราสาทตาเมือน ฝ่ายกัมพูชาสูญเสียขีดความสามารถในการรบอย่างชัดเจน จากการขาดแคลนอาวุธ กระสุน วัตถุระเบิด และยานเกราะ มีแนวโน้มต้องถอนตัว หรืออาจเลือกต้านทานเป็นระลอกสุดท้าย เพื่อรักษาเกียรติภูมิของหน่วย

ยกเลิกเคอร์ฟิว 5 อำเภอตราด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการรายงานสถานการณ์ของศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาค 2 ได้มีการแจ้งเตือนประชาชนหากพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายซากโดรน และวัตถุที่ตกจากโดรน ห้ามเข้าใกล้โดยเด็ดขาด เพราะพบว่ามีการดัดแปลงเป็นระเบิดแสวงเครื่อง ซึ่งสามารถทำงานได้ทั้งจากถูกแรงกระทบ และสั่งระเบิดจากระยะไกล รวมทั้งระบบไฟฟ้าสถิตในพื้นที่ จนทำให้เกิดการระเบิด

มีรายงานว่า กองทัพบกเปิดคลิปทหารไทยร้องเพลงชาติ ช่องอานม้า อําเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เสียงดังกึกก้อง ภายหลังควบคุมพื้นที่ไว้ได้ทั้งหมด สำหรับช่องอานม้า เป็นสมรภูมิหนึ่งที่ทหารไทยกับทหารกัมพูชาปะทะกันหนัก จนสุดท้ายทหารไทยสามารถยึดคืนพื้นที่อธิปไตยของไทยกลับมาได้

ร.ท.หญิงนภัสกร ทิพย์โส ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า ในปัจจุบันเราได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยว่าเป็นจารชน ในพื้นที่ จ.ตราด ตามข่าวก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าเกี่ยวพันกับนายตำรวจระดับสูงของกัมพูชา ซึ่งรายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้

เวลา 15.30 น. กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ได้ออกประกาศคำสั่งยกเลิกมาตรการห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) ในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองตราด, อำเภอบ่อไร่, อำเภอคลองใหญ่, อำเภอแหลมงอบ และอำเภอเขาสมิง โดยระบุว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสามารถควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบภายในพื้นที่ตัวเมืองได้แล้ว 

วันเดียวกัน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกแถลงการณ์เหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค.68 เป็นต้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งปรากฏการโจมตีด้วยอาวุธจรวด BM-21  มายังพื้นที่พลเรือน เช่น ในพื้นที่บ้านหนองเม็ก ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งอยู่บริเวณใจกลางแหล่งชุมชนและโรงเรียน เป็นเหตุให้มีประชาชนเสียชีวิต บ้านเรือนถูกเพลิงไหม้ ผลผลิตทางการเกษตรเสียหาย กระทบต่อรายได้และการประกอบอาชีพ โรงพยาบาลหลายแห่งต้องปิดให้บริการชั่วคราว และประชาชนต้องอพยพจากถิ่นที่อยู่เป็นจำนวนมากนั้น

กสม.ขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของทหารและประชาชนผู้เสียชีวิต รวมทั้งประชาชนที่ต้องสูญเสียทรัพย์สินจากแรงระเบิด และมีความห่วงใยอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของทหารและประชาชนบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยขอเป็นกำลังใจให้ทุกฝ่ายผ่านสถานการณ์ความทุกข์ยาก เดือดร้อนที่เกิดขึ้นไปได้ด้วยดี การที่ทหารกัมพูชาเปิดฉากปะทะและใช้ยุทธวิธีโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายมายังแหล่งชุมชน รวมทั้งยังมีพฤติการณ์ที่ขัดขวางการเดินทางกลับประเทศของประชาชนชาวไทยหลายพันคน เป็นการละเมิดต่อหลักสิทธิมนุษยชนสากลและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาเจนีวาและธรรมนูญกรุงโรม

 “ขอเรียกร้องให้รัฐบาลและทหารกัมพูชาเคารพต่อหลักสิทธิมนุษยชน ยุติการโจมตีต่อพื้นที่พลเรือน และไม่ใช้พลเรือนเป็นเสมือนโล่มนุษย์ พร้อมกันนี้ขอให้รัฐบาลไทยและหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเร่งเยียวยาความเสียหายและเร่งหาทางออกที่นำไปสู่การสร้างสันติภาพในพื้นที่โดยเร็ว รวมทั้งแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้อง เพื่อมิให้ประชาชนทั้งสองฝ่ายได้รับผลกระทบที่รุนแรงยิ่งไปกว่านี้” แถลงการณ์ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง