งัด3มาตรการ คุม‘เทรดทอง’ สกัดบาทแข็ง

“คลัง” ผนึก “แบงก์ชาติ” เข็น 3 มาตรการคุมธุรกรรมซื้อขายทองออนไลน์ หลังจับตามานานพบปริมาณสูงเกิน 50% จีดีพี ทำเงินบาทไทยแข็งโป๊กแซงหน้าภูมิภาค จ่ออัดยาแรงให้รายงานการซื้อขาย-รีดภาษีธุรกิจเฉพาะ-คุมเพดานซื้อขาย พร้อมออกกฎให้สถาบันการเงินแจงตรวจเข้มเงินดอลลาร์เข้าประเทศ

เมื่อวันอังคารที่ 23 ธันวาคม 2568 นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อหาแนวทางบริหารจัดการสถานการณ์ค่าเงินบาทว่า เบื้องต้นได้วาง 3 มาตรการในการดำเนินการ คือ 1.ให้กรมสรรพากรกำหนดแนวทางสำหรับผู้ให้บริการซื้อขายทองคำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ต้องรายงานหรือนำส่งข้อมูลธุรกรรมให้กรมสรรพากรเหมือนการซื้อขายสินค้าออนไลน์อื่นๆ 2.ให้กรมสรรพากรดูความเหมาะสม หากต้องจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับธุรกิจการซื้อขายทองคำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยอัตราการจัดเก็บกำลังหารือเพื่อให้ได้ในระดับที่เหมาะสม และ 3.ธปท.จะไปดูแนวทางในการกำกับปริมาณการทำธุรกรรมทองคำที่ซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เหมาะสม เช่น การกำหนดเพดาน หรือวงเงิน เป็นต้น

 “รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าเร็วและมากกว่าเมื่อเทียบกับภูมิภาค ซึ่งที่ผ่านมาทั้ง 3 หน่วยงาน คือ คลัง, ธปท.และ ก.ล.ต.ทำการบ้านเรื่องนี้มาระยะหนึ่ง พบว่าธุรกรรมซื้อขายทองคำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ผิดปกติเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เงินบาทแข็งค่ากว่าปกติ” นายลวรณระบุ

ด้านนายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า  มาตรการของ ธปท.จะดำเนินการกับการซื้อขายทองคำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เท่านั้น เพราะพบว่ามีปริมาณการซื้อขายที่สูงเกินสมควร ซึ่งเบื้องต้นจะครอบคลุมธุรกิจทองคำที่ซื้อขายทองคำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ราว 15-16 ราย ซึ่งเป็นรายใหญ่และปริมาณการซื้อขายมากๆ โดย 3-4 รายมีปริมาณธุรกรรมการซื้อขายทองรวมกันในปี 2567 โตกว่า 39-40% ของจีดีพี ส่วนปี 2568 ประเมินว่าเกิน 50% ของจีดีพี ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีหน่วยงานที่เข้ามากำกับดูแลการทำธุรกรรมในส่วนนี้ แต่ยืนยันว่ามาตรการนี้ไม่มีผลกระทบและไม่เกี่ยวข้องกับรายย่อยที่ซื้อขายทองตามร้านทองทั่วไป

นายวิทัยกล่าวต่อว่า ตั้งแต่ต้นปี 2568 พบว่าเงินบาทไทยแข็งค่าไปแล้ว 9.4% นำภูมิภาค เป็นรองเพียงมาเลเซีย ขณะที่ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าไปแล้ว 4.2% ถือว่าเร็วมาก สถานการณ์การแข็งค่าของอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าวไม่สะท้อนปัจจัยเศรษฐกิจ โดยการแข็งค่าหลักๆ มาจากปัจจัยพื้นฐานเรื่องการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ, การไหลเข้าของเงินทุน และความเคลื่อนไหวจากธุรกรรมซื้อขายทองคำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต้องสงสัย ที่ทำให้เกิดการขายดอลลาร์ซื้อบาทเป็นปัจจัยหลักๆ ที่กระทบค่าเงินในช่วงที่ผ่านมา

ผู้ว่าฯ ธปท.ระบุอีกว่า จากข้อมูลพบว่ามูลค่าการซื้อขายทองคำของธุรกิจทองสูงกว่ามูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ด้วย โดยมูลค่าการซื้อขายทองเฉลี่ยอยู่ที่ 6.5 หมื่นล้านบาทต่อวัน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายหุ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 4.2 หมื่นล้านบาทต่อวัน และในบางวันที่ราคาทองคำเหวี่ยงเยอะๆ พบว่ามูลค่าการซื้อขายทองสูงสุดถึง 2.55 แสนล้านบาท สะท้อนปริมาณการซื้อขายของธุรกิจทองที่ใหญ่มากๆ และทำให้เกิดธุรกรรมการซื้อขายเงินตราต่างประเทศตามมาทันที

 “ต้องยอมรับว่าเงินบาทของไทยเคลื่อนไหวสัมพันธ์กับราคาทองคำมากกว่าสกุลเงินภูมิภาค เพราะเรามีการซื้อขายทองคำเยอะ โดยเงินบาทไทยมีความสัมพันธ์ถึง 65% ในบางช่วง ขณะที่ประเทศอื่นอยู่ที่ 20-30% เท่านั้น ตรงนี้เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ค่าเงินบาทผันผวนสูงตามการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ” นายวิทัยกล่าว

นายวิทัยกล่าวอีกว่า ธปท.อยู่ระหว่างการประสานกับกระทรวงการคลัง ในการแก้ไขประกาศกระทรวงการคลังเพื่อเพิ่มอำนาจให้ ธปท.กำกับดูแลธุรกรรมต้องสงสัยการซื้อขายทองคำ โดยเฉพาะร้านทองรายใหญ่และแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2-3 สัปดาห์นี้ และคาดว่าจะออกประกาศได้ภายในช่วงสัปดาห์ที่ 3 เดือน ม.ค. 2569 เนื่องจากธุรกรรมการซื้อขายทองคำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์สูงถึง 80% ขณะที่การซื้อขายผ่านร้านทองปกติมีเพียง 15-20% เท่านั้น รวมถึงมีการออกเกณฑ์ให้สถาบันการเงินเข้มงวดในการตรวจสอบเอกสารเงินเข้าประเทศ โดยเฉพาะในส่วนที่ต้องขายดอลลาร์เพื่อซื้อบาท ซึ่งที่ผ่านมาเปิดเสรีมาตลอดกว่า 10 ปี โดยหลังจากนี้ต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่าแหล่งที่มาของเงินดังกล่าวมาจากไหน และนำเข้ามาใช้เพื่อวัตถุประสงค์อะไร ซึ่งส่วนนี้คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์

 “มาตรการนี้จะเป็นการดูแลค่าเงินบาทในภาพที่ใหญ่ขึ้น ไม่ใช่มาตรการด้านภาษี และไม่ได้มีการใส่ลิมิตการห้ามนำเงินเข้าประเทศ แต่จะเป็นการขอให้แบงก์เข้มงวดในการตรวจสอบเอกสาร ที่จะต้องตรวจให้ชัดเจนว่าแหล่งที่มาของเงินมาจากไหน เอามาใช้ในวัตถุประสงค์อะไร เป็นการป้องปรามในภาพใหญ่” ผู้ว่าการ ธปท.ระบุ

นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า การซื้อขายเงินดิจิทัล (USDT) ของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลส่งผลกระทบทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากปริมาณธุรกรรมซื้อขายเงินดิจิทัล รวมถึงยอดการแลกเงินดอลลาร์เป็นเงินบาทคิดเป็นเพียง 1.22% และ 0.17% ตามลำดับของยอดกระแสเงินตราต่างประเทศไหลเข้า ซึ่งมีมูลค่า 29.1 ล้านล้านบาท จึงไม่มีนัยสำคัญต่อค่าเงิน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตั้งทีมสอบประชานิยม/44ส้มระทึก

กกต.ลั่นคุมเข้มนโยบายประชานิยมหาเสียง  ตั้ง คกก.ตรวจสอบเงินที่ใช้-วิเคราะห์ผลกระทบ ชี้ชัด "อินฟลูฯ-ยูทูบเบอร์" สมัคร สส.