เปิดฉากเจรจาจีบีซี ไทยทุบโต๊ะเขมรต้องหยุดยิงจริง/บัวแก้วสวน‘ทรัมป์’

"อนุทิน" เมิน "ทรัมป์" บอกไทยเริ่มยิงกัมพูชาก่อน บอกทุกคนรู้ความจริง เราเป็นฝ่ายถูกรุกราน-ถูกโจมตี สิ่งที่ทำคือตอบโต้รักษาอธิปไตย แจ้งคณะรัฐมนตรียังไม่ชัดถกเขมร 24 ธ.ค.จบหรือไม่ “ครม.” ไฟเขียวงบกลาง 206 ล้านเสริมเขี้ยวเล็บ ทบ. พร้อมอนุมัติอีก 5 พัน ล.ให้ทุกเหล่าทัพสู้ศึกชายแดน เห็นชอบหลักเกณฑ์จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยชายแดนเพิ่มเติม 2.3 พันล้าน เสร็จภายใน 30 วัน “สีหศักดิ์” ย้ำจุดยืนถก GBC ต้องทำตามเงื่อนไขไทย ลั่นหยุดยิงหรือไม่อยู่ที่ความจริงใจกัมพูชา ปัดข้อเสนอเขมรเปลี่ยนคุยที่มาเลย์ ย้ำต้องคุยกันที่จันทบุรี “สระแก้ว” ปะทะเดือด 3 จุด “กกล.บูรพา” ถล่มเป้าทหารปอยเปต 2 แห่ง สดุดีทหารกล้าสูญเสียอีก 1 นาย

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 23 ธันวาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมีหนึ่งในวาระที่น่าสนใจ กรณีสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนองบเยียวยากำลังพลทหารที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุชายแดนไทย-กัมพูชา รอบที่ 2

โดยนายอนุทินให้สัมภาษณ์หลังประชุม ครม.ว่า มีการพิจารณาประเด็นดังกล่าวที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนอ และเยียวยาประชาชนในเขตที่ประสบภัยการสู้รบชายแดน ซึ่งงบดังกล่าวต้องขอ กกต. นอกจากนี้มีเรื่องงบสร้างศักยภาพของกองทัพ รวมถึงงบผู้ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมเพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้ ส่วนใหญ่งบที่อนุมัติเป็นงบประมาณที่ช่วยเหลือประชาชนจากภัยพิบัติต่างๆ ไม่ได้เป็นงบก่อหนี้ผูกพันใดๆ

ถามถึงกรณีสื่อต่างประเทศรายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ระบุไทยเป็นฝ่ายเริ่มสงครามกับกัมพูชา จะตอบโต้ประเด็นนี้อย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า ความจริงทุกคนทราบอยู่แล้ว ไม่มีความกังวลใดๆ เราเป็นฝ่ายถูกรุกรานและถูกโจมตี สิ่งที่เราทำก็คือตอบโต้เพื่อรักษาอธิปไตยของเรา

ซักว่า หลายๆ ประเทศเหมือนจะเป็นกลาง แต่ท้ายที่สุดเหมือนยืนข้างกัมพูชา จะต้องมีการพูดคุยกับนานาประเทศอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ไม่เห็นมีใคร แต่ปัญหาเป็นเรื่องระดับทวิภาคีไทย-กัมพูชา ยังไม่เห็นประเทศไหนที่บอกว่ายืนอยู่ข้างไหน ประเทศที่มาทุกคนก็บอกว่าเป็นกลางหมดและยินดีที่ทุกประเทศเป็นกลาง ทั้งนี้มันเป็นปัญหาที่เราจะต้องแก้ไขและต้องทำให้จบสิ้นให้ได้ ระหว่างประเทศเรากับคู่กรณี

เมื่อถามอีกว่า เป็นเพราะเราไม่ได้ใช้ล็อบบี้ยิสต์เหมือนกัมพูชาใช่หรือไม่ จึงทำให้โลกไม่เข้าข้างเรา นายกฯ ไม่ตอบคำถามดังกล่าว

ส่วนนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า นายกฯ ได้กล่าวในที่ประชุม ครม. แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่ตอนนี้ยังถือว่ายังไม่เข้าสู่สภาวะปกติ และมีประชาชนจํานวนมากยังอยู่ในศูนย์อพยพต่างๆ พร้อมให้ข้อสังเกตว่าในศูนย์พักพิงแต่ละแห่งที่ประชาชนพักอาศัย อยากจะให้ ปภ.บูรณาการข้อมูลกับผู้ดูแลศูนย์อพยพในการนําข้อมูลของผู้อพยพในศูนย์มาขึ้นทะเบียน ไม่ต้องไปทําเอกสารตามระเบียบราชการให้เกิดความซ้ำซ้อน เพื่อให้ง่ายต่อการจัดสรรเงินเยียวยา ดังนั้น ครม.จึงมีมติให้นําข้อเสนอของนายกฯ เข้าไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติของ ปภ.

นายกฯ ไม่มั่นใจถก GBC จบหรือไม่

 “นายกฯ ยังพูดคุยถึงสถานการณ์โดยรวมว่า สถานการณ์จะคลี่คลายไปในทิศทางใดและเมื่อไหร่ โดยรับทราบว่ากระทรวงกลาโหมจะเริ่มมีการเจรจากับกัมพูชาในวันที่ 24 ธ.ค. โดยไทยยังคงยึดถือแนวทางว่ากัมพูชาจะต้องแสดงความเสียใจ และคําขอโทษต่อสิ่งที่กัมพูชาได้ดําเนินการไป และหากจะกลับไปสู่ปฏิญญาก็ต้องมาคุยในจุดที่ต้องถอนกําลังกันใหม่ ไทยยืนยันว่าจะต้องเป็นจุดที่เราอยู่ ณ ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าวันที่ 24 ธ.ค.จะจบหรือไม่ เพราะความเห็นระหว่างไทยกับกัมพูชายังไม่ตรงกัน” นายสิริพงศ์กล่าว

นอกจากนี้ นายกฯ ยังสั่งการเรื่องการบรรจุทายาทของกําลังพลที่เสียชีวิตให้เข้าทํางานรับราชการ เนื่องจากที่ผ่านมามีข้อจํากัดเกี่ยวกับการบรรจุตําแหน่งของกองทัพบก ซึ่งไม่ตรงตามวุฒิการศึกษาและภูมิลําเนาที่กําหนด นายกฯ มอบหมายให้สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ร่วมกับกระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณา ว่าจะสามารถปรับระเบียบต่างๆ ให้ยืดหยุ่นได้อย่างไร เพื่อให้สามารถบรรจุทายาทของกําลังพลที่เสียชีวิตให้สามารถเข้ารับราชการได้

นายสิริพงศ์กล่าวด้วยว่า ครม.มีมติอนุมัติงบกลางสำหรับกองทัพบกในการจัดหายุทธภัณฑ์เพิ่มเติม เพื่อเสริมศักยภาพของกำลังพลอีกจำนวน 206 ล้านบาท ซึ่งรายละเอียดอยู่ในชั้นความลับ และ ครม.ยังเห็นชอบให้กระทรวงกลาโหมใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อสนับสนุนกระทรวงกลาโหมโดยผ่านกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศเพิ่มเติมอีก ภายในกรอบวงเงิน 5,050,871,138 บาท โดยรายละเอียดอยู่ในชั้นความลับเช่นกัน แต่เป็นการประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่ารัฐบาลให้การสนับสนุนกำลังพลอย่างเต็มที่ต่อภารกิจที่กำลังปฏิบัติอยู่ เพื่อเป็นการปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย

 นอกจากนี้ สมช.ได้ขอมติ ครม.ในการทบทวนมติ ครม.เมื่อ 5 ส.ค. 2568 เนื่องจากมติ ครม.ดังกล่าวได้มีการกำหนดหลักเกณฑ์การเยียวยาต่อผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.- 2 ส.ค. 68 ซึ่งมติ ครม.ครั้งนั้นทำให้ผู้ที่ประสบเหตุหลังจากนั้นไม่ว่าจะเป็นทหารที่ไปเหยียบกับระเบิด หรือกรณีมีการปะทะกันหลังจากวันนั้นมา ผู้ที่ประสบเหตุจะไม่เข้าหลักเกณฑ์เลย ดังนั้นทาง สมช.จึงขอปรับมติ ครม.ใหม่ โดยใช้กรอบวงเงินเดิมจากวันที่ 16 ก.ค. 68 ไปจนกว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาจะเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งหลักเกณฑ์การเยียวยาเป็นเช่นเดิมทุกประการ

ถามว่า หลังจบเหตุจะมีงานเยียวยาปูนบำเหน็จทหารในภาพรวมหรือไม่ นายสิริพงศ์กล่าวว่า มีการพูดคุยกันในประเด็นนี้ ไม่ได้หมายถึงทหารเท่านั้น แต่หมายถึงข้าราชการในพื้นที่อพยพทั้งหมด ที่ไม่ว่าจะเป็นในศูนย์อพยพ หรือผู้ที่ต้องไปอำนวยความสะดวก จะมีการพูดคุยกันในครั้งถัดไปในที่ประชุม ครม. ซึ่งเป็นแนวทางของรัฐบาลอยู่แล้ว ปัจจุบันอาจจะเร็วเกินไปที่จะพูดถึง การให้ขวัญและกำลังใจและการปูนบำเหน็จ เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่ได้คลี่คลาย

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ครม.ยังเห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย อันเนื่องมาจากการกระทำของกองกำลังจากนอกประเทศปี 2568 เพื่อเป็นค่าเยียวยาความเดือดร้อนของประชาชน โดยอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณในการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพิ่มเติม จำนวน 467,128 ครัวเรือน วงเงิน 2,335,640,000 บาท เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยอันเนื่องมาจากการกระทำของกองกำลังจากนอกประเทศ ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยอันเนื่องมาจากการกระทำของกองกำลังจากนอกประเทศ ปี 2568 เพื่อเป็นค่าเยียวยาความเดือดร้อนของประชาชน โดยให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เป็นหน่วยรับงบประมาณและจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยผ่านธนาคารออมสิน โดยให้เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไป รวมทั้งให้สามารถถัวจ่ายข้ามจังหวัดได้ โดย ครม.ยังได้อนุมัติระยะเวลาการจ่ายเงินช่วยเหลือตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 68 โดยให้จ่ายเงินช่วยเหลือให้แล้วเสร็จ จากเดิม 90 วัน เป็นภายใน 30 วัน ตั้งแต่วันที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม

ทั้งนี้ จากเดิม ครม.เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 68 ได้เห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยอันเนื่องมาจากการกระทำของกองกำลังจากนอกประเทศ ปี 2568 ตามที่กระทรวงมหาดไทย โดย ปภ.เสนอ ในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และจังหวัดตราด โดย 1.กรณีอพยพตั้งแต่ 8 วันขึ้นไป ให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 5,000 บาท 2.กรณีอพยพไม่เกิน 7 วัน ให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 2,000 บาท

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า เนื่องในสัปดาห์หน้าจะเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ นายกฯ ได้มี ส.ค.ส.ถึงพี่น้องคนไทยทุกท่าน โดยมีข้อความระบุว่า "เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2569 ขอส่งความห่วงใย และกําลังใจ ให้พี่น้องประชาชนทุกท่าน" นอกจากนี้ นายกฯ ยังมี ส.ค.ส.อีกหนึ่งฉบับให้แก่ทหารและผู้ปฏิบัติหน้าที่แนวหน้าในสถานการณ์ชายแดนพื้นที่ 7 จังหวัด โดยมีข้อความระบุว่า "เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2569 ขอส่งความห่วงใยและกําลังใจให้ทหารและผู้ปฏิบัติแนวหน้าในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดนไทยกัมพูชา" หวังว่า ส.ค.ส.นี้จะเป็นกําลังใจให้แก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่และประชาชนไทยทุกคน และตนได้รับทราบจากประชาชนจํานวนมากว่าต้องการที่จะส่งกําลังใจให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่อยู่แนวหน้าด้วยสิ่งของ หรือการส่งกําลังใจด้วยรูปแบบ ส.ค.ส. ทางสํานักโฆษกสํานักนายกรัฐมนตรีจึงได้รวบรวมสถานที่ที่จะให้ทุกท่านส่งความปรารถนาดีไปสู่ผู้ปฏิบัติงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุม ครม. นายสีสะหวาด อินพะจัน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายอนุทินในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง ช่วงหนึ่งนายอนุทินยืนยันกับนายสีสะหวาด ถึงประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชาว่า  ไทยไม่เคยรุกรานกัมพูชาก่อน แต่ไทยจำเป็นต้องตอบโต้กัมพูชาที่มารุกรานไทยตามความเหมาะสมทางภูมิประเทศ

ทั้งนี้ สำหรับมาตรการควบคุมการส่งออกน้ำมัน นายกฯ กล่าวว่า เป็นมาตรการชั่วคราวเพื่อป้องกันการลักลอบขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงไปยังกัมพูชา ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อจำกัดการส่งออกน้ำมันไปยัง สปป.ลาว และประเด็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาเป็นปัญหาในระดับทวิภาคีเท่านั้น

'ไทย' ลั่นคุยเขมรต้องที่จันทบุรี

ขณะที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ  กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา ที่จังหวัดจันทบุรี วันที่ 24 ธ.ค.นี้ว่า กัมพูชาได้ประกาศว่าเขาพร้อมหยุดยิง และไปประกาศให้กับทุกๆ ประเทศ ซึ่งส่งผลความกดดันมายังประเทศไทยให้มีการหยุดยิง การหยุดยิงนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากการประกาศ แต่เกิดขึ้นจากการพูดคุยกันว่าจะมีมาตรการอย่างไร ที่จะต้องตรวจสอบ หยุดยิงที่ไหน ซึ่งต้องหยุดยิงแบบหยุดยิงจริงๆ เราเองก็มีเงื่อนไขที่จะต้องไปพูดคุยกัน โดยยุทธศาสตร์ของกัมพูชาที่ผ่านมาก็มีการแสดงจุดยืนว่าพร้อมหยุดยิง แล้วกัมพูชาไปบอกกับนานาชาติว่าเขาหยุดยิง แล้วนานาชาติจึงมาถามว่าทำไมไทยถึงไม่หยุดยิง เราได้ชี้แจงไปว่าการหยุดยิงเป็นสิ่งที่สำคัญ จะต้องมีการพูดคุยกันทั้งสองฝ่าย อย่างเช่นไปประชุมอาเซียนเขาก็ไม่ได้กดดันเรา ขอให้ทั้งสองประเทศมาพูดคุยกัน และขอให้กัมพูชามาพูดคุยกับเรา ไม่ใช่ไปพูดคุยกับโลกแล้วให้โลกมาบอกเรา

ส่วน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการประชุม GBC ว่า เป็นการประชุมของฝ่ายเลขาฯ ซึ่งหากฝ่ายเลขาฯ ประชุมไม่ได้ตามที่ตนคิดเอาไว้ ตนก็ไม่ไปลงนาม โดยจากพฤติกรรมของกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา  ตนอยากจะย้ำว่ามีประมาณ 5 ข้อย่อย ประกอบด้วย    1.กองทัพกัมพูชาผิดอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดพบว่าผิด 3 เรื่อง คือมีทุ่นระเบิดสังหารบุคคลไว้ในครอบครอง อีกประเด็นคือมีการผลิตด้วย เนื่องจากพบว่าทหารกัมพูชาได้นำทุ่นระเบิดรถถังมาดัดแปลงเป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งตนถือว่าเป็นการผลิตด้วย และมีการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่เป็นทุ่นระเบิดใหม่ ซึ่งต้องขอบคุณทหารกัมพูชาบางคนที่บันทึกหลักฐานไว้ โดยจากการตรวจพบหลักฐานพื้นที่บ้านสามหลัง จะพบว่ามีเอกสารฉบับหนึ่งที่ระบุพิกัด โดยมุมขวาบนของเอกสารจะเขียนว่า “30/10/2025” คือวันที่ 30 ต.ค. 2568 ซึ่งความหมายที่ตนมอง คือเราเซ็นปฏิญญาร่วมที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ในวันที่ 26 ต.ค. 68 แต่มาวางทุ่นระเบิดในวันที่ 30 สะท้อนว่าไม่ได้ปฏิบัติตามอย่างชัดเจน

2.ทหารกัมพูชาใช้โบราณสถานเป็นที่มั่นทางทหาร 3 ที่ คือ ปราสาทตาควาย, ปราสาทพระวิหาร และปราสาทคนา 3.ทหารกัมพูชาใช้ชุมชนเป็นที่ตั้งยิงอาวุธหนัก โดยเฉพาะ BM-21 เมื่อยิงเสร็จแล้วจะเข้าที่ตั้งชุมชน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราไม่สามารถทำลายได้ เพราะเราเคารพกติกา เราไม่ยิงในที่หมายพลเรือน 4. กัมพูชาใช้อาคารพลเรือนเป็นที่ตั้งทางการทหารและเป็นคลังอาวุธ แต่ก็ทำให้ไทยยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว  เนื่องจากกัมพูชาใช้รังสแกมเมอร์และบ่อนกาสิโนเป็นที่ตั้ง ซึ่งเรามุ่งทำลายที่ตั้งทางการทหาร ไม่ใช่เหตุปราบสแกมเมอร์เป็นหลัก เพียงแต่เมื่อถูกใช้เป็นที่ตั้งทางการทหาร รังสแกมเมอร์จึงถูกทำลายไปด้วย และ 5.กัมพูชาใช้พลเรือนเป็นโล่ รวมถึงใช้พลเรือนมาสู้กับเรา เช่นที่ปรากฏตามคลิปต่างๆ ซึ่งหากเราทำอะไรแล้วเขาเสียชีวิต  ก็จะมีการโจมตีว่าทหารไทยทำร้ายพลเรือน

“ผมมองว่าเมื่อถึงเวลาตรงนี้ก็ไม่มีประเทศไหนที่มายืนข้างเราจริงๆ ทุกคนพูดเหมือนเป็นกลาง แต่เหมือนไปยืนฝั่งกัมพูชา และพูดให้เป็นกลาง คือเขาฟังข้อมูลทางการกัมพูชา และมองว่าเราเป็นประเทศใหญ่ที่ไปรุกราน ผมยืนยันในฐานะที่รับผิดชอบทางนโยบาย เราปกป้องตัวเอง เราป้องกันตนเอง โดยยึดหลักกฎบัตรสหประชาชาติข้อที่ 51 ด้วยความจำเป็นและได้สัดส่วน ยืนยันตรงนี้ ขอให้สื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนสบายใจได้ เพราะผมมั่นใจว่าเราต้องยึดกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่มีประเทศใดเข้าข้างเรา สิ่งที่ผมมองอยู่ก็คือผมไม่เห็นมีประเทศไหนที่ประณามกัมพูชา ว่าทำไมวางทุ่นระเบิดในเขตของไทย ได้แต่มาพูดว่าขอให้ไทยลดการใช้อาวุธ ลดความรุนแรง ซึ่งตอนนี้ผมมั่นใจว่ามาถูกทาง เราอยู่กับกฎหมาย และกฎหมายคือที่พึ่งของเรา” พล.อ.ณัฐพลกล่าว

ถามว่า เหตุใดต่างชาติจึงเชื่อกัมพูชา​มากกว่าไทย พล.อ.ณัฐ​พลกล่าวว่า​ ไม่อยากพูด​เพราะพูดไปก็ถูกทัวร์ลง  จากข้อมูลที่มีอยู่​ สิ่งแรก​คือ​ มีนักวิจารณ์​หลายคนพูดด้วยความรุนแรงมาตลอด​ เมื่อไทยป้องกันตัวเองก็บอกว่าไทยเตรียมการมาก่อน​ ไม่อยากพูดไปมากกว่านี้​ เพราะครั้งก่อนที่พูดไป​ก็โดนสวนกลับมา​ อีกอย่างหนึ่ง​คือ กัมพูชาใช้ล็อบบี้ยิสต์​ ส่วนรัฐบาลไทยจะใช้หรือไม่ไม่ทราบ แต่ตนเชื่ออยู่อย่างหนึ่งคือความจริงสู้ได้​

ถามว่า กัมพูชายังไม่ตัดสินใจที่จะมาประชุมในไทยใช่หรือไม่​ พล.อ.ณัฐ​พล​กล่าวว่า​ ไม่แน่ใจว่าตัดสินใจแล้วหรือไม่​ เพราะกัมพูชามีความกังวล​ เช่นเดียวกับไทยที่มีความกังวลที่เดินทางไปประชุมที่เกาะกง​ จึงอยากให้กัมพูชามั่นใจในความปลอดภัย​ เพราะการประชุมครั้งนี้ไม่ได้เข้ามาในพื้นที่ชั้นใน แต่เป็นการประชุมในพื้นที่ชายแดน​

ต่อมามีรายงานข่าวว่า ฝ่ายเลขานุการของ GBC ฝ่ายกัมพูชา ได้ทำหนังสือแจ้งความประสงค์ขอหารือในวาระพิเศษ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยไม่ขอประชุมที่ จ.จันทบุรี อย่างไรก็ตามนายสีหศักดิ์ยืนยันว่า จากที่ตนได้รับแจ้งล่าสุดการประชุมยังจัดขึ้นที่ จ.จันทบุรี โดยไม่ได้มีเงื่อนไขอะไรในการเดินทางมาประชุม แต่หากกัมพูชามีเงื่อนไขอะไร หากมีการประชุมกันแล้วก็ต้องพูดคุยกันได้ทั้งหมด ซึ่งเราก็มีเงื่อนไขของเรา แต่ในที่สุดต้องเจรจากัน

สระแก้วปะทะ 3 จุดเสียทหารกล้าเพิ่ม

พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกำหนดการประชุม GBC ว่า ได้มีการกำหนดไทม์ไลน์การประชุมระหว่างวันที่ 24-27 ธ.ค. โดยในช่วงวันที่ 24-26 ธ.ค.เป็นการประชุมในระดับเลขานุการ จากนั้นวันที่ 27 ธ.ค.จะเป็นการประชุมในระดับ รมว.กลาโหมของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งหลังจากการประชุมเสร็จสิ้นจะมีการลงนามในแถลงการณ์ และมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน

“สถานที่จัดการประชุม GBC ยังคงเป็นพื้นที่จังหวัดจันทบุรี แม้ว่าฝ่ายกัมพูชาจะเสนอให้จัดการประชุมที่ประเทศมาเลเซีย แต่ฝ่ายไทยยืนยันการประชุมที่จังหวัดจันทบุรีมีความปลอดภัย รวมทั้งยังอยู่ในแผนที่เตรียมจัดการประชุมไว้ ก่อนหน้าที่จะเกิดการปะทะรอบใหม่ ส่วนประเด็นที่จะหารือกันในที่ประชุม คือแนวทางแก้ไขปัญหาที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้อง ซึ่งเป็นหน้าที่ของฝ่ายเลขานุการ การประชุมทั้งสองฝ่ายที่จะต้องพูดคุยกัน ซึ่งผลการประชุม GBC จะสำเร็จได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับฝ่ายกัมพูชา เพราะปัญหาทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นมาฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายริเริ่ม และก็จะจบหรือไม่ก็อยู่ที่ฝ่ายกัมพูชาว่าจะแสดงความจริงใจและมีความต่อเนื่อง ในการยึดข้อตกลงที่ได้ทำด้วยกันมาหรือไม่ ตั้งแต่ JC หรือข้อตกลงร่วมฯ หรือแม้กระทั่งผลการประชุมจีบีซีในรอบที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรื่องเก็บกู้ทุ่นระเบิด ดังนั้นผลสำเร็จของการประชุมอยู่ที่กัมพูชาเป็นฝ่ายตกลงใจ” พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าว

โฆษกกระทรวงกลาโหมย้ำว่า เมื่อที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนได้รับรองแล้วว่าทุ่นระเบิดเป็นอาวุธและมีความอันตราย ฝ่ายไทยสามารถให้คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ร่วมตรวจสอบ และประณามได้หากฝ่ายกัมพูชายังไม่ยอมปฏิบัติตาม

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ จ.สระแก้ว เวลา 18.00 น.ว่า กกล.บูรพาปฏิบัติภารกิจปกป้องอธิปไตยในสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาเป็นวันที่ 16 โดยมีการรบปะทะเพื่อยึดครองพื้นที่ใน 3 พื้นที่ ได้แก่ 1.พื้นที่บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา ฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธยิงสนับสนุนด้วยปืนใหญ่, อาวุธยิงเล็งตรง, ปืนเล็ก และใช้ BM-21 ยิงตอบโต้มายังฝ่ายไทย ซึ่งเราใช้อาวุธยิงสนับสนุนตอบโต้ 2.พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง กัมพูชาเสริมความแข็งแรงของที่มั่น ฝ่ายเราใช้อาวุธยิงสนับสนุนเพื่อควบคุมพื้นที่ 3. พื้นที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง ฝ่ายกัมพูชาเสริมความแข็งแรงของที่มั่น ฝ่ายเราใช้อาวุธยิงสนับสนุนเพื่อควบคุมพื้นที่

นอกจากนี้ กกล.บูรพาปฏิบัติการโจมตีต่อที่หมายทางทหารของฝ่ายกัมพูชาในพื้นที่ปอยเปต จำนวน 2 แห่ง โดยยิงทำลายอาคารที่ใช้เป็นฐานปฏิบัติการและเก็บอาวุธกระสุน ซึ่งไม่มีพลเรือนพักอาศัยอยู่ในอาคารแล้ว ได้แก่ 1.อาคาร International Center (call center) เดิมเป็นอาคารที่รวบรวมบุคคลข้ามแดน ก่อนจะแยกย้ายส่งไปทำงานสแกมเมอร์ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้แปรสภาพเป็นฐานปฏิบัติการทางทหาร โดยอยู่ห่างจากจุดผ่านแดนถาวรบ้านหนองเอี่ยน ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ ประมาณ 2 กม. 2.อาคารฝั่งตรงข้ามวัดวังมน ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ เดิมเป็นอาคารในการจัดทำบัญชีม้าของกลุ่มสแกมเมอร์ และได้แปรสภาพเป็นที่เก็บอาวุธและกระสุนของฝ่ายกัมพูชา โดยมีการตรวจพบพลซุ่มยิงของฝ่ายกัมพูชาอีกด้วย

กกล.บูรพาระบุว่า ได้รับรายงานกำลังพลเสียชีวิตคือ  พลทหารธนพัฒน์ นันทะวงศ์ สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ จากการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านหนองจาน อ.โคกสูง ตลอดจนพบความเสียหายจากฝ่ายกัมพูชาใช้จรวดหลายลำกล้อง BM-21 และเครื่องยิงลูกระเบิดยิงใส่พื้นที่พลเรือน จ.สระแก้ว

โดยในช่วงตั้งแต่ 8 ธ.ค.-23 ธ.ค. 2568 ส่งผลให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บจำนวน 7 ราย มีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 14 หลังคาเรือน พื้นที่เกษตรได้รับความเสียหาย 5,893 ไร่ นอกจากนี้ยังทำลายระบบสาธารณูปโภค อาทิ ถนน 7 จุด, เสาไฟฟ้าแรงสูง 3 จุด, กำเเพงปศุสัตว์ 1 จุด และกำแพงโรงเรียน 1 จุด สำหรับประชาชนในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว จำนวน 4 อำเภอ จังหวัดสระแก้วร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แจ้งเตือนให้อพยพมายังศูนย์พักพิงชั่วคราวและปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อความปลอดภัย โดยปัจจุบันได้เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวให้บริการจำนวน 40 ศูนย์ มีประชาชนรวม 17,441 คน

บัวแก้วสวนทรัมป์เขมรเริ่มก่อน

วันเดียวกัน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ ณ รีสอร์ตมาราลาโก รัฐฟลอริดา เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (22 ธ.ค. 2568) ตอนหนึ่งถึงสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาที่ยืดเยื้อเข้าสู่สัปดาห์ที่สาม โดยระบุว่า But, you know, I've solved eight wars and Thailand just starting to shape up. You know, they started with Cambodia. They started up again. But I think, Marco (Rubio), we have that in pretty good shape to have that stopped. (คุณรู้ไหม ผมแก้ไขสงครามมาแล้วแปดครั้ง และไทยเพิ่งเริ่มดีขึ้น คุณรู้ไหม พวกเขาเริ่มกับกัมพูชา พวกเขาเริ่มขึ้นมาอีกครั้ง แต่ผมคิดว่า มาร์โก (รูบิโอ) พวกเราอยู่ในสถานะที่ดีพอสมควรที่จะทำให้มันหยุดได้)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำพูดดังกล่าวของทรัมป์ถูกสื่อมวลชนกัมพูชานำไปรายงานต่อทันทีเพื่อสร้างความชอบธรรมให้แก่ฝั่งตนเอง ในขณะที่ทรัมป์ยังคงเดินหน้า "เคลมผลงาน" ว่าตนเองเป็นผู้หยุดยั้งสงครามมาแล้วกว่า 8 ครั้งทั่วโลก รวมถึงการไกล่เกลี่ยข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่เขามองว่ารัฐบาลวอชิงตันสามารถจัดการให้สงบลงได้

ด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า แม้คำให้สัมภาษณ์ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในประเด็นดังกล่าว จะไม่ได้ชี้ชัดว่าไทยเป็นฝ่ายเริ่มความขัดแย้งอย่างชัดเจนก็ตาม แต่ในกรณีที่มีความหมายเช่นนั้น ก็ต้องขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากนายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ และนายสีหศักดิ์ รมว.การต่างประเทศไทย ได้หารือกันมาอย่างต่อเนื่อง ภายหลังที่ผู้นำของทั้งสองประเทศได้พูดคุยกัน และนายรูบิโอก็รับทราบถึงท่าทีที่ชัดเจนของไทยมาโดยตลอด โดยเฉพาะกรณีที่ไทยได้ยืนยันว่า การที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยกล่าวว่า เหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชาเป็นอุบัติเหตุข้างถนนนั้น (Roadside Accident) ไม่ใช่อุบัติเหตุแต่อย่างใด

 “ไทยมีหลักฐาน มีข้อมูลที่ชัดเจน ว่าไทยเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำ และมีความจำเป็นที่ต้องใช้สิทธิตามกฎบัตรสหประชาชาติในการป้องกันตนเอง รวมทั้งการตอบโต้ (Retaliate)ด้วย” รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตั้งทีมสอบประชานิยม/44ส้มระทึก

กกต.ลั่นคุมเข้มนโยบายประชานิยมหาเสียง  ตั้ง คกก.ตรวจสอบเงินที่ใช้-วิเคราะห์ผลกระทบ ชี้ชัด "อินฟลูฯ-ยูทูบเบอร์" สมัคร สส.

นายกฯ ส่ง ส.ค.ส. ปีใหม่ 2569 ฝากความห่วงใยและกำลังใจให้พี่น้องประชาชน-ทหารแนวหน้า

นายกฯส่ง ส.ค.ส. ข้อความถึง คนไทย-ชายแดน "ห่วงใย-ให้กำลังใจ" พร้อมเปิด 7 จุด ปชช.มอบสิ่งของ - กำลังใจ สู่แนวหน้า