เขมรขอไทยเจรจาหยุดยิง

นานาชาติมองไทย-เขมรรบปมใหญ่มนุษยธรรม ด้าน ทอ.โจมตีเชิงลึก “คลังอาวุธ” ในพระตะบอง เพื่อปกป้องชีวิตคนไทย หลังกัมพูชากระหน่ำยิงเข้าพื้นที่พลเรือนในสระแก้ว ย้ำภารกิจในพื้นที่ สีส้ม-สีแดง “ทภ.1” ยึด “บ้านคลองแผง”  เตรียมสถาปนาที่มั่น ขณะที่วงประชุม GBC “ไทย-เขมร” วันแรกราบรื่น ยึดกฎเหล็ก ไม่ลงนามข้อตกลงที่คลุมเครือ พร้อมชี้พฤติกรรมผิดกติกาสากล 5 ประเด็น ด้าน "รมว.กลาโหมกัมพูชา" ร่อนจดหมายถึง “บิ๊กเล็ก” ขอเจรจาหยุดยิง

เมื่อวันพุธ ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ไทย-กัมพูชา พล.อ.อ.ประภาส สอนใจดี ผู้อำนวยการศูนย์แถลงข่าวฯ เปิดเผยถึงรายงานการประเมินกระแสสังคมและนานาชาติ กรณีความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จนถึงวันที่ 23 ธ.ค.68 ระบุว่า ภาพรวมการรับรู้ทั้งในและต่างประเทศสะท้อนมุมมองที่แตกต่างกัน โดยภายในประเทศกระแสสนับสนุนการปกป้องอธิปไตยและบทบาทของกองทัพอยู่ในระดับสูง ขณะที่เวทีนานาชาติให้ความสำคัญกับผลกระทบด้านมนุษยธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ

 “ในระดับนานาชาติ สื่อต่างประเทศและองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนจำนวนหนึ่งให้น้ำหนักกับผลกระทบต่อพลเรือน ความสูญเสีย และคำถามด้านกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยภาพลักษณ์ของไทยมักถูกนำเสนอผ่านกรอบเปรียบเทียบระหว่าง “ประเทศขนาดใหญ่กับประเทศขนาดเล็ก” แม้ฝ่ายไทยจะย้ำหลักการป้องกันตนเองตามกฎหมายสากลก็ตาม ขณะเดียวกัน ประเทศมหาอำนาจและประเทศในภูมิภาค โดยเฉพาะอาเซียนและจีน แสดงท่าทีสนับสนุนการใช้กลไกการเจรจาและการไกล่เกลี่ยเพื่อลดความตึงเครียด”

พล.อ.อ.ประภาสกล่าวว่า บทสรุปเชิงยุทธศาสตร์ในรายงานระบุว่า ไทยควรรักษาความชอบธรรม ความสงบ และความเป็นเอกภาพภายในประเทศ ควบคู่กับการลดผลกระทบด้านมนุษยธรรม ใช้กฎหมายระหว่างประเทศเป็นแกนหลักในการดำเนินการ สื่อสารอย่างมืออาชีพ และอาศัยกลไกภูมิภาคเพื่อคลี่คลายความตึงเครียดอย่างยั่งยืน

พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม  พร้อมด้วยโฆษกเหล่าทัพ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว สรุปสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 24 ธ.ค.68 ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกว่า สำหรับสถานการณ์ตั้งแต่เวลา 15.00 น. ของวันที่ 23 ธ.ค.68 ฝ่ายกัมพูชาเปิดจากโจมตีทหารไทยบริเวณบ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว ทำให้ทหารไทยเสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บ 4 นาย ส่งผลให้จำนวนทหารไทยที่เสียชีวิตขณะนี้ มีทั้งหมด 23 รายแล้ว

จากนั้นในเวลา 17.00 น. ฝ่ายกัมพูชาได้ยิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 เข้าใส่พื้นที่อุทยานแห่งชาติผามออีแดง อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้อาคารที่ทำการอุทยานได้รับความเสียหาย โดยขณะนี้พื้นที่ที่ยังคงมีการปะทะอย่างต่อเนื่อง ยังคงมี 2 จุดหลักๆ คือบริเวณบ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว และที่ผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ

ยิงเดือด BM-21

พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า จากนั้น ในช่วง 10.15 น.ของวันนี้ ฝ่ายกัมพูชายังคงระดมยิงจรวด BM-21 กว่า 80 ลูก เข้าใส่พื้นที่อำเภอตาพระยา และบริเวณบ้านคลองแผง จังหวัดสระแก้ว หลังจากที่ถูกฝ่ายไทยผลักดันออกจากพื้นที่

 “ปฏิบัติการทางทหารที่เกิดขึ้นเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่าฝ่ายกัมพูชายังคงระดมโจมตีฝ่ายไทยด้วยอาวุธหนัก แม้กระทั่งในช่วงที่ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างริเริ่มจัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชาในวันนี้ เพื่อหารือแนวทางในการลดความตึงเครียดและวางมาตรการไปสู่สันติภาพ และสะท้อนว่าฝ่ายกัมพูชามีความจริงใจในการร่วมแก้ไขปัญหาความขัดแย้งกับไทยมากน้อยเพียงใด และทำให้ฝ่ายไทยยังคงต้องป้องกันตนเองด้วยการโจมตีโต้ตอบ เพื่อยุติการโจมตีดังกล่าวตามหลักการสากล”

นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในเวลา 16.00 น. วันนี้ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะเป็นประธานการประชุมทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ของไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงพัฒนาการของสถานการณ์ไทย-กัมพูชาปัจจุบัน และมอบนโยบายให้กับผู้แทนไทยเพื่อไปชี้แจงท่าทีดังกล่าวกับมิตรประเทศ รวมทั้งเป็นการติดตามความคืบหน้ากับสถานเอกอัครราชทูตที่เกี่ยวข้อง ถึงความคืบหน้าของขั้นตอนดำเนินการต่างๆ ที่กระทรวงการต่างประเทศได้ส่งหลักฐานไปยังองค์การระหว่างประเทศต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็นถึงการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศของฝ่ายกัมพูชา โดยเฉพาะในเรื่องการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ยังคงพบหลักฐานการใช้ทุ่นระเบิดของฝ่ายกัมพูชาอยู่ในขณะนี้

 “ซึ่งไทยคาดหวังว่าประเทศแซมเบีย ในฐานะประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ครั้งที่ 23 จะดำเนินการตามที่ไทยร้องเรียน ซึ่งในขณะนี้ ท่าทีของแซมเบียต่อไทยในประเด็นดังกล่าว เป็นไปด้วยดี รวมทั้งไทยจะดำเนินการเรื่องการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของฝ่ายกัมพูชา ในกรอบกฎหมายสากลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย” นางมาระตีระบุ

ขณะที่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงว่า กองทัพบกยืนยันว่า ที่กัมพูชาอ้างว่าระเบิดคลัสเตอร์ M-46 แท้จริงแล้วเป็นกระสุนปืนใหญ่แบบทวิประสงค์ที่ใช้ต่อเป้าหมายทางทหาร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำลายเท่านั้น เมื่อกระสุนหลักกระทบเป้าหมายแล้ว กระสุนย่อยที่บรรจุอยู่ภายในจะระเบิดต่อเนื่องในทันที ไม่มีผลตกค้างในระยะยาวต่อพลเรือน การกล่าวอ้างในลักษณะดังกล่าวเป็นการกล่าวบิดเบือนข้อเท็จจริง โดยมีเจตนามุ่งกล่าวหาและลดทอนความน่าเชื่อถือของฝ่ายไทย

 “กองทัพบกขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกและองค์กรระหว่างประเทศพิจารณาข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน และตระหนักถึงพฤติกรรมการใช้อาวุธและการปฏิบัติทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ที่ยังคงมีการใช้อาวุธยิงสนับสนุน เช่น ระบบ BM-21 อาวุธปืน ทุ่นระเบิด PMN-2 รวมถึงการดัดแปลงลูกกระสุนและระเบิดแสวงเครื่องจำนวนมาก ยิงเข้ามาในดินแดนประเทศไทยอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชนฝ่ายไทยมาโดยตลอด” พล.ต.วินธัยระบุ 

ถล่มคลังเขมร

พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ (โฆษก ทอ.) กล่าวว่า ทอ.ยังคงการปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนการร้องขอของกองทัพบก (ทบ.) อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะพื้นที่สีส้ม ที่มีการควบคุมบางส่วน และพื้นที่สีแดงคือพื้นที่ที่มีการปะทะ ซึ่งปัจจุบันกัมพูชายังคงยิงเข้ามาโจมตีไทยทั้งทางเป้าหมายทหารและพลเรือน ส่งผลต่อความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

 “ยืนยันว่าสันติภาพมาพร้อมกับความจริงใจ ขณะนี้ฝ่ายกัมพูชายังไม่แสดงความจริงใจใดๆ ทั้งสิ้นกับคำว่าหยุดยิง จึงเป็นหน้าที่ที่ทหารจะต้องรักษาความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน” พล.อ.ท.จักรกฤษณ์กล่าว

พล.อ.ท.จักรกฤษณ์กล่าวยอมรับว่า เมื่อช่วงเช้านี้ (24 ธ.ค. 2568) ได้มีปฏิบัติการทางอากาศโจมตีเป้าหมายคลังอาวุธของกัมพูชา ใน ต.พนมซ็อมเปา อ.บานัน จ.พระตะบอง เพื่อที่จะลิดรอนขีดความสามารถ เพื่อให้มั่นใจว่ากำลังรบของเรามีความปลอดภัย

เมื่อถามว่า เป็นการยกระดับการปฏิบัติงานทางอากาศเพื่อโจมตีพื้นที่เชิงลึกของกัมพูชาครั้งแรกหรือไม่นั้น พล.อ.ท.จักรกฤษณ์กล่าวว่า เรายังปฏิบัติต่อเป้าหมายทางการทหาร ซึ่งเป็นสิทธิในการป้องกันตนเอง ซึ่งการโจมตีทางอาวุธถือเป็นสิทธิและเป็นการโจมตีเพื่อมนุษยธรรมด้วย ไม่ได้โจมตีที่เป้าหมายคนหรือกำลังทหารทางกัมพูชา แต่เป็นการโจมตีอาวุธที่เป็นภัยคุกคามต่างๆ ส่วนเป้าหมายที่โจมตีตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบัน ยืนยันว่าเป็นเป้าหมายทางทหารทั้งสิ้น และส่งผลกระทบต่อพลเรือนน้อยที่สุด

ด้านกองทัพภาคที่ 1 รายงานสถานการณ์สู้รบเข้าสู่วันที่ 17 โดยระบุว่า ปฏิบัติการตอบโต้และรักษาอธิปไตย การปฏิบัติการในพื้นที่แนวรบ ทั้ง 3 แนวรบ ในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว ซึ่งมีลักษณะเป็นที่โล่ง ไม่มีฐานที่มั่นหรือกำบังที่มีความแข็งแรง ง่ายต่อการเป็นพื้นที่โจมตี อีกทั้งฝ่ายกัมพูชายังใช้พื้นที่ของพลเรือนเป็นที่ตั้งทางทหารในการโจมตีมายังฝ่ายเรา

1.พื้นที่บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา ฝ่ายเราสามารถยึดควบคุมพื้นที่ ดำเนินการสถาปนาที่มั่น ใช้อาวุธยิงสนับสนุนเพื่อควบคุมพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชายังมีการต้านทานด้วยการยิงจากอาวุธยิงสนับสนุน โดยเฉพาะ BM-21 มาอย่างต่อเนื่อง

2.พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง ฝ่ายเราสามารถยึดควบคุมพื้นที่ ดำเนินการสถาปนาที่มั่น และใช้อาวุธยิงสนับสนุนเพื่อควบคุมพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชายังมีการต้านทานด้วยการยิงจากอาวุธยิงสนับสนุน โดยเฉพาะ BM-21 มาอย่างต่อเนื่อง

3.พื้นที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาได้เสริมความแข็งแรงของที่มั่น และโจมตีฝ่ายเราด้วยอาวุธปืนใหญ่ เครื่องยิงลูกระเบิด และ BM-21 มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งฝ่ายเราได้ปฏิบัติการด้วยความรอบคอบ และใช้อาวุธยิงตอบโต้เพื่อช่วงชิงและควบคุมพื้นที่อย่างเบ็ดเสร็จต่อไป

สำหรับปฏิบัติการต่อที่หมายทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ในพื้นที่ฝั่งปอยเปต ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนคือ การโจมตีที่มั่นทางทหาร คลังเก็บอาวุธกระสุน ที่ตั้งผลซุ่มยิง ที่ตั้งอาวุธวิถีโค้ง ตลอดจนระบบติดตั้งหรือสื่อสารต่างๆ ที่มุ่งเป้าโจมตีมายังฝ่ายเรา และให้สิ้นสภาพต่อการเป็นภัยคุกคาม โดยคำนึงถึงการตอบโต้ตามสัดส่วน เพื่อป้องกันผลกระทบต่อพลเรือนที่ไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ

วันแรก GBC

ที่ จ.จันทบุรี เวลา 16.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา ที่จัดขึ้นบริเวณชายแดน ด่านผ่านแดนช่องผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน คณะฝ่ายเลขานุการฝ่ายไทย นำโดย พล.อ.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว รองเสนาธิการทหาร พร้อมคณะฝ่ายเลขานุการ GBC ฝ่ายไทย และคณะเลขานุการ GBC ฝ่ายกัมพูชา นำโดย พล.ต.แญม โบราเดน รองหัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ได้ร่วมพูดคุยในวันแรก ใช้เวลาประมาณ 30 นาที เท่านั้น

ทั้งนี้ พล.อ.ณัฐพงษ์เปิดเผยภายหลังการพูดคุยว่า การพูดคุยวันแรกเป็นการหารือในประเด็นที่จะมีการหารือในวันพรุ่งนี้ (25 ธ.ค.) เวลา 09.00 น. ซึ่งแต่ละฝ่ายได้กล่าวถึงจุดยืนของตัวเอง โดยฝั่งกัมพูชาจะมาเต็มคณะในวันพรุ่งนี้ สำหรับความคืบหน้าการพูดคุยทางคณะเลขานุการฝ่ายไทยจะส่งข้อมูลให้สื่ออีกครั้ง ซึ่งท่าทีของฝ่ายกัมพูชาเป็นไปโดยปกติ-การพูดคุยเป็นไปด้วยดี

โดยการประชุมฝ่ายเลขาฯ GBC ไทย-กัมพูชา จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-26 ธันวาคม 2568 จากนั้นจะเป็นการประชุม GBC ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไทย-กัมพูชาเป็นประธานร่วม ในวันที่ 27 ธันวาคม 2568

สำหรับแนวทางการประชุม GBC ไทย-กัมพูชาครั้งนี้ ฝ่ายไทยจะชี้ถึงพฤติกรรมที่กัมพูชาละเมิดกติกาสากล 5 ข้อคือ 1.การใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (ครอบครอง-ผลิต-ใช้ทุ่นใหม่) 2.ใช้โบราณสถานเป็นที่มั่นทหาร 3.ใช้ชุมชนเป็นที่ตั้งยิงอาวุธหนัก/ย้ายกลับชุมชนหลังยิง 4.ใช้อาคารพลเรือนเป็นที่ตั้ง/คลังอาวุธ (รวมถึงอาคารที่เชื่อมโยงสแกมเมอร์/กาสิโนถูกใช้ทางทหาร) 5.ใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์และเป็นเครื่องมือกล่าวหาเมื่อเกิดความสูญเสีย ทั้งนี้ หากการหารือฝ่ายเลขาฯ ไม่สามารถตกลงกรอบสำคัญเชิงเทคนิคได้ เช่น การวางกำลัง และรายละเอียดที่ทำให้หยุดยิง ทางฝ่ายไทยก็จะไม่ประชุม GBC และลงนามในวันที่ 27 ธันวาคมนี้

เมื่อเวลา 18.20 น. กองบัญชาการกองทัพไทยออกเอกสารข่าวว่า ตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้แถลงจุดยืนต่อเงื่อนไขการหยุดยิง บริเวณพื้นที่ชายแดน โดยระบุให้ฝ่ายกัมพูชาต้องแสดงเจตจำนงผ่านการปฏิบัติ 3 ประการ ได้แก่ การประกาศหยุดยิงก่อน การยุติการใช้กำลังอย่างต่อเนื่อง และความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างเป็นรูปธรรมนั้น

โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2568 กระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้มีหนังสืออย่างเป็นทางการถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย เพื่อแสดงความประสงค์ในการเจรจาหยุดยิง ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญภายใต้กรอบเงื่อนไขที่ไทยกำหนด

ทั้งนี้ จากการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ที่ผ่านมา นำไปสู่การจัดประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ตามข้อเสนอของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-27 ธันวาคม 2568 ณ จังหวัดจันทบุรี โดยฝ่ายไทยมี พล.อ.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว รองเสนาธิการทหาร และฝ่ายกัมพูชา มี Major General Nhem Boraden เป็นหัวหน้าคณะการประชุม

ที่วัดห้วยปอ ต.ปังกู อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพจ่าสิบเอก สำเริง คลังประโคน อายุ 38 ปี ทหารไทยที่ไปเสียชีวิตระหว่างการปะทะกับทหารกัมพูชา กับลูกน้องพลทหาร รวม 2 ศพ ในคราวเดียวกัน ที่เนิน 350 เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เดินทางมาเป็นประธาน  บรรยากาศทั่วไปยังเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีเพื่อนร่วมรบชุดเดียวกันมาร่วมงานศพ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กองทัพชี้กระแสสังคมยังหนุนทหารทำศึกชายแดนแต่นานาชาติจ้องเรื่องมนุษยธรรม

ผอ.ศูนย์แถลงข่าวร่วมฯ เผยรายงานประเมินกระแสในประเทศเหตุสู้รบไทย- กัมพูชาหนุน 'รัฐ–กองทัพ' สูง มองทำได้ 'เหมาะสม- ถูกทาง' ขณะนานาชาติโฟกัสประเด็นมนุษยธรรม