คลังจัดเก็บรายได้ 2 เดือนแรกของปีงบ 69 ไม่เข้าเป้า วืด 2.8 หมื่นล้านบาท หลังสรรพากรเร่งคืนภาษีนิติบุคคลหนุนผู้ประกอบการ ด้าน 3 กรมภาษี "สรรพากร-สรรพสามิต-ศุลกากร" ผลงานฉลุย รีดภาษีรวมแตะ 4 แสนล้านบาท รัฐบาลลุยกู้ชดเชยขาดดุลแล้ว 2.14 แสนล้าน ดันเงินคงคลังอยู่ที่ 2.43 แสนล้านบาท
เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงการคลังได้รายงานผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2569 (ต.ค.-พ.ย.) ว่ารัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้รวมที่ 492,177 ล้านบาท (Gross Revenue) สูงกว่าประมาณการ 12,288 ล้านบาท หรือ 2.6% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.4% โดยกระทรวงการคลังได้มีนโยบายปรับปรุงกระบวนการคืนภาษีเงินได้นิติบุคคลให้มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ ทำให้การคืนภาษีของกรมสรรพากรซึ่งเป็นรายการหัก สูงกว่าประมาณการ 41,293 ล้านบาท หรือ 72.1% ส่งผลให้รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 385,760 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 28,892 ล้านบาท หรือ 7% และต่ำกว่าปีก่อน 1.8%
โดยภาพรวมการจัดเก็บรายได้ของ 3 กรมภาษี ได้แก่ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร จัดเก็บรายได้รวมในช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2569 อยู่ที่ 407,276 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 4,804 ล้านบาท หรือ 1.2% โดยกรมสรรพากรจัดเก็บรายได้รวม อยู่ที่ 301,571 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 4,020 ล้านบาท หรือ 1.4% จากภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากการจัดเก็บในประเทศเป็นหลัก
ขณะที่ กรมสรรพสามิต จัดเก็บรายได้รวม อยู่ที่ 87,583 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 3,762 ล้านบาท หรือ 4.5% จากภาษีสุรา ภาษีน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันเป็นหลัก ส่วนกรมศุลกากร จัดเก็บรายได้รวมอยู่ที่ 18,122 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 2,978 ล้านบาท หรือ 14.1%
สำหรับรัฐวิสาหกิจ มีการนำส่งรายได้รวม อยู่ที่ 58,854 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 5,164 ล้านบาท หรือ 9.6% เนื่องจากรัฐวิสาหกิจบางแห่งนำส่งรายได้เหลื่อมปีมาจากปีก่อน ขณะที่หน่วยงานอื่นจัดเก็บรายได้รวม 26,047 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 2,320 ล้านบาท หรือ 9.8% ในส่วนนี้แบ่งเป็น ส่วนราชการอื่น จัดเก็บรายได้รวม 25,101 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 2,039 ล้านบาท หรือ 8.8% และกรมธนารักษ์ จัดเก็บรายได้ 946 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 281 ล้านบาท หรือ 42.3%
อย่างไรก็ดี ในส่วนของฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 2 เดือนแรก ของปีงบประมาณ 2569 (ต.ค.-พ.ย.) รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 382,316 ล้านบาท ในขณะที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณทั้งสิ้น 1,004,644 ล้านบาท โดยรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 214,048 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือน พ.ย.2568 อยู่ที่ 243,044 ล้านบาท
ส่งออกเดือน พ.ย.68 มูลค่า 27,445.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 7.1% ขยายตัวต่อเนื่อง 17 เดือนติด รวม 11 เดือน มูลค่า 310,706.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 12.6% ทำสถิตินิวไฮตั้งแต่มีการส่งออก คาดเดือน ธ.ค. ประเมินหากทำได้ 2.5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ ทั้งปีโต 11.6% หากทำได้ 2.65 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งปีโต 12.1% ส่วนปี 69 ประเมินขยายตัวติดลบ 3.1% ถึงบวก 1.1%
นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทย เดือน พ.ย.2568 มีมูลค่า 27,445.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.1% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 ติดต่อกัน ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 30,172.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 17.6% ขาดดุลการค้า 2,726.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมการส่งออก 11 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-พ.ย.) มีมูลค่า 310,706.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 12.6% เป็นยอดการส่งออกที่ทำสถิตินิวไฮ ตั้งแต่มีการส่งออกมา การนำเข้ามูลค่า 315,662.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 12.4% ทำสถิตินิวไฮเช่นเดียวกัน ขาดดุลการค้า 4,956 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ลดลง 9.5% หดตัวต่อเนื่อง 4 เดือน โดยสินค้าเกษตร ลด 15.7% สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ลด 2.3% โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง และเนื้อและส่วนต่างๆ ของสัตว์ที่บริโภคได้ ส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ ข้าว ยางพารา อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เครื่องดื่ม และน้ำตาลทราย ทั้งนี้ 11 เดือนของปี 2568 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ลด 0.7%
ส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่ม 12.2% ขยายตัวต่อเนื่อง 20 เดือน โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ แผงสวิตช์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า ส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ทั้งนี้ 11 เดือนของปี 2568 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่ม 17.1%
ทางด้านตลาดส่งออก ตลาดหลัก เพิ่ม 7.4% โดยขยายตัวในตลาดสหรัฐ 37.9%, สหภาพยุโรป (27) 12% และอาเซียน (5) 5.7% แต่หดตัวในตลาดจีน 7.8%, ญี่ปุ่น 8.9%, CLMV 18% ตามลำดับ ตลาดรอง เพิ่ม 7.6% โดยขยายตัวในตลาดเอเชียใต้ 52.5%, ทวีปออสเตรเลีย 2.7% และสหราชอาณาจักร 6.5% ขณะที่หดตัวในตลาดตะวันออกกลาง 3.6%, ทวีปแอฟริกา 1.9%, ลาตินอเมริกา 1% และรัสเซียและกลุ่ม CIS 24.9% ตลาดอื่นๆ ลด 30.1%.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทหารไทยเสียขาที่9คา‘จีบีซี’
ไทยยัน จม.ของ “เตีย เซ็ยฮา” มีนัยขอเจรจาหยุดยิง-เสนอให้ถอยกำลังทหารไปอยู่ที่จุดเดิม
‘นํ้าเงิน-ส้ม’เปิดศึก! ‘หนู’ลั่นพรรคใดแก้ม.112ไม่ร่วมด้วย-‘เท้ง’ท้าแข่งกันจัดตั้งรัฐบาล
“ภูมิใจไทย” ขยับใหม่ ประกาศแคนดิเดตนายกฯ 2 คน “อนุทิน-สีหศักดิ์” ผวา! ส่งชื่อคนเดียวสุ่มเสี่ยง ต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดเอาไว้
กรมศิลป์รับมอบไม้จันทน์หอมสร้างพระโกศฯ
กรมสมเด็จพระเทพฯ มีพระราชวินิจฉัยแบบพระโกศจันทน์ยอดมหามงกุฎสมพระเกียรติ "พระพันปีหลวง"
กกต.กทม.คุมเข้ม รับสมัครสส.เขต ที่ศูนย์ไทย-ญี่ปุ่น
กกต.กทม.พร้อม 90% เปิดศูนย์ไทย-ญี่ปุ่น รับสมัคร สส.กทม. 33 เขต 27-31 ธ.ค.
‘คลัง’กดปุ่มโอนเงินร้านผ่านเกณฑ์Upskill-Reskill
‘คลัง’ กดปุ่มโอนเงินสนับสนุนร้านค้าที่ผ่านเกณฑ์เงื่อนไข Upskill-Reskill ในโครงการคนละครึ่ง พลัส 95,059 ราย วงเงิน 117.47 ล้านบาท โดยมีร้านที่ได้รับเงินเต็มกราฟ 2,000 บาท ทั้งสิ้น 34,970 ราย
21ม.ค.ชี้ชะตา ‘ภูมิธรรม-ทวี’ สว.เคาะ2ปปช.
ศาลรัฐธรรมนูญนัดยื่นคำแถลงปิดคดี 6 ม.ค. ก่อนแถลงคำวินิจฉัย 21 ม.ค.

