‘นํ้าเงิน-ส้ม’เปิดศึก! ‘หนู’ลั่นพรรคใดแก้ม.112ไม่ร่วมด้วย-‘เท้ง’ท้าแข่งกันจัดตั้งรัฐบาล

“ภูมิใจไทย” ขยับใหม่ ประกาศแคนดิเดตนายกฯ 2 คน “อนุทิน-สีหศักดิ์” ผวา!  ส่งชื่อคนเดียวสุ่มเสี่ยง ต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดเอาไว้ “หนู” ลั่นไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับ “ปชน.” หากยังไม่หยุดแก้ ม.112 “เท้ง” สวนกลับ “อนุทิน”  เลิกนิทาน 112 หลอกประชาชน ท้าเลือกตั้งครั้งนี้แข่งกันจัดตั้งรัฐบาล “ปชน.” เคาะ 4 ชุดนโยบายหลัก ไร้แก้ ม.112 “กล้าธรรม” ชู "ธรรมนัส" แคนดิเดตคนเดียว ชูวิถีคนบ้า กล้าธรรมหาเสียง ทำได้จริงไม่ขายฝัน “ธีระชัย-วัน” ไขก๊อก "พปชร.”  หลัง "ลุงป้อม” ถอย “เพื่อไทย” คึกรับกระแส ดร.เชน เปิดตัว 500 ผู้สมัครแบ่งเขต-ปาร์ตี้ลิสต์ มั่นใจกวาดไม่ต่ำกว่า 200 ที่นั่ง “ป.ป.ช.” เลื่อนฟันคดีอดีต 44 สส.พรรคก้าวไกล

เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.2568 มีรายงานว่า ช่วงเวลา 22.53 น. วันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพจพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีการเผยแพร่เอกสารเกี่ยวกับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ภท. เนื้อหาระบุว่า พรรค ภท.มีมติเสนอชื่อบุคคลที่พรรคเห็นสมควรให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หรือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 2 ท่าน ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค และนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ซึ่งทั้ง 2 ได้ตอบรับแล้ว เหตุผลที่เสนอชื่อนายอนุทิน เนื่องจากเป็นนายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน มีประสบการณ์การบริหารประเทศ และได้รับการยอมรับสนับสนุนจากประชาชนให้ทำงานต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศไทยมีภัยคุกคามหลายด้าน จำเป็นต้องมีนายกรัฐมนตรีมาทำงานต่อเนื่อง และเห็นว่านายอนุทินมีความเหมาะสมมากที่สุด

ในขณะที่นายสีหศักดิ์ ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 นั้น เนื่องจากเป็น รมว.การต่างประเทศ ที่มากด้วยประสบการณ์ สามารถนำประเทศไทยกลับคืนสู่เวทีโลกได้อย่างสมศักดิ์ศรี อีกทั้งทำงานกับฝ่ายการเมืองและฝ่ายความมั่นคงได้อย่างเป็นเอกภาพ เป็นที่ยอมรับของประชาชนและนานาประเทศ

ส่วนนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ และนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ซึ่งเคยได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ภท.นั้น ทั้ง 2 ท่านให้การตอบรับทำงานกับพรรค ภท.อย่างต่อเนื่อง หากพรรค ภท.ได้รับการเลือกตั้งมากพอที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

ท้ายเอกสารระบุว่า ในการแถลงนโยบายพรรค ภท. นายอนุทินได้ประกาศต่อสมาชิกพรรค ภท. ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งว่า ให้ไปบอกประชาชนได้เลยว่า ถ้าเลือกพรรค ภท. จะได้นางศุภจีเป็นรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์,   นายเอกนิติเป็นรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง และนายสีหศักดิ์เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรมว.การต่างประเทศ

นายอนุทินให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลที่นายสีหศักดิ์เปิดตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรค ภท.ว่า พรรคขยายตัวเพิ่มมากขึ้น และเชื่อมั่นว่าจะได้ สส.ที่เพิ่มมากขึ้น จึงเห็นว่าที่ผ่านมาการมีแคนดิเดตนายกฯ เพียงคนเดียว หากเกิดสถานการณ์อะไรต่างๆ จะทำให้การทำงานเกิดความขาดช่วงได้ เลยต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดเอาไว้

ถามว่า ก่อนหน้ามีชื่อนายเอกนิติและนางศุภจีเป็นแคนดิเดตนายกฯ นายอนุทินกล่าวว่า เราพยายามที่จะทาบทามบุคคลที่เป็นที่ยอมรับและได้รับความเชื่อมั่นของประชาชน แต่ละท่านอาจมีข้อจำกัดบางประการที่เราต้องเคารพ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่ท่านทั้งสองก็ตกลงที่จะร่วมเป็นทีมงาน หากตนได้มีโอกาสบริหารประเทศต่อไป ฉะนั้นเราจะไปบังคับไม่ได้ เพราะเขาอาจจะมีความสบายใจในการทำงานในระดับนี้

ซักว่า ที่นายสีหศักดิ์เป็นทั้งแคนดิเดตนายกฯ  น่าจะมีเครดิตในการไปพูดคุยกับต่างประเทศมากขึ้นหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ประชาชนคงเห็นความทุ่มเทในการทำงานของนายสีหศักดิ์ ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่เราต้องใช้เรื่องการต่างประเทศ ในการทำให้ประเทศไทยมีสถานะเป็นที่ยอมรับ และสามารถดำรงตนได้อย่างมีศักดิ์ศรีในระดับนานาชาติ

 “เที่ยวนี้เป็นการปรับสถานะของพรรคอีกรอบหนึ่ง มันก็ยังมีข้อจำกัดต่างๆ ซึ่งหลังจากผ่านการเลือกตั้งครั้งนี้ไป ถ้าเราได้รับความไว้วางใจจากประชาชน และเราเห็นสถานะของพรรคหลังการเลือกตั้งวันที่ 8 ก.พ.69 ก็จะมีความชัดเจนมากขึ้น อย่างไรก็ต้องฟังเสียงประชาชน เพราะเขาคือผู้ตัดสิน อย่ามาถามตน ตนตัดสินอะไรไม่ได้ เป็นอย่างไรก็ทำตามเสียงของประชาชน” นายอนุทินกล่าว

เท้งสวน 'อนุทิน' เลิกนินทา 112

ถามถึงนโยบายที่ประกาศพรรค ภท.ไม่มีเทา นายอนุทินตอบว่า พรรคไหนก็ไม่มีเทาทั้งนั้น 

พอถามถึงกรณีนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวผ่านการดีเบตของไทยรัฐทีวี จะไม่ขานชื่อนายอนุทินเป็นนายกฯ อีกแล้ว ถือเป็นการปิดโอกาสที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรค ภท.หรือไม่  นายอนุทินกล่าวว่า เป็นสิทธิของเขา ผมเคารพสิทธิ และความเห็นของทุกคน และพรรค ภท.มีความชัดเจนมาตลอด ไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่มีนโยบายแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112

 “ผมติดตามชมรายการไทยรัฐดีเบต ทราบว่าหัวหน้าพรรค ปชน.เป็นคนเดียวบนเวทีที่ยังยืนยันว่าต้องแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 ถ้ายังหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้ พรรค ภท.ไม่ร่วมด้วยแน่นอน พรรคไหนจะร่วมก็เป็นสิทธิของแต่ละพรรค แต่เท่าที่ดูแคนดิเดตของทุกพรรค ไม่มีพรรคไหนตอบว่าจะแก้ไขมาตรา 112 ยกเว้นพรรคประชาชน" นายอนุทินกล่าว

อย่างไรก็ตาม นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน. โต้ทันทีกรณีนายอนุทินประกาศไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรค ปชน.ว่า ในเมื่อนายอนุทินประกาศชัด ตนก็ขอย้ำอีกครั้ง การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการจัดตั้งรัฐบาลแข่งกัน ระหว่างรัฐบาลประชาชน กับรัฐบาลภูมิใจไทย

 “ผมยืนยันอีกครั้งว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่อง 112 ตามที่คุณอนุทินอ้างทั้งสิ้น พอได้แล้วกับนิทานหลอกลวงประชาชนเพื่อกักขังประเทศให้อยู่กับอดีต เราต้องการประเทศไทยที่ไม่เทา เท่ากัน และทันโลก พรรคประชาชนจะพยายามชนะการเลือกตั้งด้วยเสียงของประชาชน ชนะให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อป้องกันไม่ให้พรรคอันดับ 2 ได้จัดตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคอันดับ 1 อีก เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้คือโอกาสสุดท้ายที่จะพาประเทศไทยพ้นจากวิกฤตที่เผชิญอยู่รอบด้าน พรรคประชาชน พร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หากได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน เพื่อต่อสู้กับเครือข่ายทุนเทา ไม่ให้เข้ายึดครองประเทศอันเป็นที่รักของเรา” หัวหน้าพรรค ปชน.ระบุ

ขณะที่เพจพรรค ปชน.ได้เปิดตัวเว็บไซต์นโยบายรัฐบาลประชาชน http://election69.peoplesparty.or.th โดยมี 4 ชุดนโยบายหลัก คือ 1.โมเดลเศรษฐกิจใหม่ 2.การปฏิรูปรัฐ 3.ความมั่นคงและประชาธิปไตย และ 4.ยกระดับคุณภาพชีวิต นอกจากนี้ในเว็บไซต์ประกอบด้วยนโยบายจำนวนมาก ครอบคลุมทุกปัญหาของสังคมไทย ซึ่งเปิดให้ประชาชนสามารถแปะสติกเกอร์โหวตนโยบายที่ชอบได้ และยังสามารถทำ e-card ส.ค.ส.ส่งนโยบายให้คนที่ต้องการเนื่องในวันปีใหม่ได้ โดยตัวอย่างนโยบายที่น่าสนใจ จำนวน 10 เรื่อง 1.แก้ปัญหาไทย-กัมพูชา ยึดเป้าหมายปกป้องอธิปไตย สงครามไม่ยืดเยื้อ พาพี่น้องกลับบ้าน ชายแดนปลอดภัย 2.สวัสดิการประชาชน ลดค่าครองชีพ 3.คนละครึ่งพลัส หวยใบเสร็จ SMEs 4.ปรับสูตร ปรับฐานค่าแรงเพิ่มมากกว่าค่าครองชีพทุกปี 5.เมกะโปรเจกต์ยกระดับทักษะทุกช่วงวัย 6.แก้หนี้เกษตรกร 7.12 คูปองอุดหนุนเกษตรตรงเป้า 8.พิสูจน์สิทธิที่ดิน ออกโฉนดเพิ่ม 70 ล้านไร่ เพิ่มป่าอนุรักษ์ 30 ล้านไร่ 9.ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร สู่ทหารมืออาชีพ เงินดี สวัสดิการครบ รบเข้มแข็ง ป้องกันประเทศมีประสิทธิภาพ และ 10.ทลายเครือข่ายทุนเทา สแกมเมอร์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าในนโยบายของพรรค ปชน.ครั้งนี้ไม่มีเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 112 ซึ่งเป็นนโยบายธงในการหาเสียงครั้งก่อนแต่อย่างใด

'ผู้กอง' ชูวิถีคนบ้ากล้าธรรม

ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา พรรคกล้าธรรม (กธ.) จัดงาน "กล้าธรรม ทำมากกว่าพูด" เปิดตัวผู้สมัคร สส.แบบแบ่งเขต และ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พร้อมเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีอดีต สส.และว่าที่ผู้สมัคร สส.ที่ย้ายมาจากพรรคการเมืองอื่น รวมถึงแกนนำพรรค มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง อาทิ นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ อดีต สว. ที่ระบุว่า แม้จะต้องเว้นวรรคทางการเมือง 2 ปี หลังพ้นจากตำแหน่ง สว. แต่ได้พาลูกชายบุญธรรมของตน คือนายปองภพ ณ สงขลา มาลงสมัคร สส.พิษณุโลก เขต 4 นอกจากนี้ นายธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีต รมว.สาธารณสุข และแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้มาร่วมงาน คาดว่าจะสมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อ

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะหัวหน้าพรรค กธ. กล่าวตอนหนึ่งในระหว่างเปิดงานว่า เรามีความชัดเจน ขอเสนอชื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค เป็นแคนดิเดตนายกฯ คนเดียว ซึ่งเราพร้อมที่จะเสนอ ร.อ.ธรรมนัส เพราะกล้า กล้าที่จะพูด ที่จะเถียง พูดแทนพี่น้องเกษตรกร พูดแทนประชาชน ทั้งสภาและการประชุม ครม. หรือการเผชิญหน้ากับม็อบ

“จะมีรัฐมนตรีกี่คนกล้าไปรับเรื่องกับม็อบ ดังนั้นเชื่อว่าจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงของประเทศได้ ต้องเป็นคนกล้าแบบนี้ ไม่ใช่มีแต่คนพูดเก่ง ไอ้พวกดีแต่พูด พูดเข้ามาขายฝัน พวกเราเป็นพันธุ์อะไร พันธุ์พิเศษ พันธุ์กล้าธรรม คือถ้าร่วมกันรบเมื่อไหร่ เราไม่เคยแพ้ ยกตัวอย่างเลือกตั้งซ่อมเขต 8 นครศรีธรรมราช ไม่ได้ชนะแบบความบังเอิญ แต่ชนะเพราะความบ้า และครั้งนี้พวกเราคิดว่าเราบ้าพอไหม เราพันธุ์พิเศษเหมือนกันไหม เราจะชนะไหม เพราะพวกเราเป็นคนกล้าธรรม เจอกันที่สภา” นางนฤมลกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนางนฤมลกล่าวเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.เสร็จสิ้น นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้เดินเข้ามาในห้องประชุมและเดินไปนั่งคู่กับนางนฤมล จากนั้น ร.อ.ธรรมนัสได้เดินเข้ามาสวมกอดนายเฉลิมชัย โดยนายเฉลิมชัยได้มอบแจกันดอกไม้เพื่อแสดงความยินดี ก่อนที่จะกอดกันอีกครั้ง ซึ่งนายเฉลิมชัยได้พูดกับ ร.อ.ธรรมนัสว่า “เรามาสู้ด้วยกัน”

จากนั้นได้มีการเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ คือ ร.อ.ธรรมนัส ต่อมา ร.อ.ธรรมนัสได้แถลงนโยบายและอุดมการณ์ โดยได้ร่ายกลอนก่อนว่า แม้หนทางข้างหน้าจะว่างเปล่า แดดจะเผาจนผิวผ่องจนหมองไหม้ รู้ทั้งรู้ว่าที่ตรงโน้น มีหุบเหว มีเปลวไฟ ถ้าใจไม่กล้า จะก้าวไปได้อย่างไรพี่น้อง

ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เชื่อว่ามีพี่น้องคนไทยอีกมากมายกำลังเฝ้าดูว่าวันนี้วิถีของคนกล้าจะประกาศอะไร เขาจะทำอะไร ตนมักจะพูดเสมอว่า ตนเป็นคนบ้า แต่บ้าของตนในที่นี้คือ บ้าที่จะทำงาน บ้าที่จะทำประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งแผ่นดิน เชื่อว่าทุกคนล้วนแต่เป็นผู้มีประสบการณ์การเมือง ล่าสุดได้รับเกียรติจากนายไชยา พรหมา อดีตรองประธานสภาฯ กล้าตัดสินใจร่วมอุดมการณ์กับพวกเรา ขอบคุณนายเฉลิมชัยมาอยู่กับครอบครัวกล้าธรรม และมีอีกหลายหลายคน จ่าเอกยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ เป็นคนพูดน้อย แต่ทำมาก เขาถึงมาที่นี่ เพราะเขาบ้าเหมือนกัน

“บางพรรคพูดดี ช่างคิด ช่างสร้าง พูดเพราะ นโยบายดี เป็นคนชอบคิด มีคนเก่ง แต่เมื่อออกนโยบายไปแล้ว พอได้มาเป็นรัฐบาลไม่สามารถนำมาปฏิบัติได้เลย การแถลงนโยบายของรัฐบาลหลายรัฐบาล นโยบายขายฝัน เวลาหาเสียงจะทำนู่นทำนี่ รักพี่น้องประชาชน ไหว้หมด ตั้งแต่ออกจากบ้านมายันเสาไฟฟ้า นโยบายขายฝัน ไม่สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างที่พูด แต่เราไม่ทำ เรากล้าที่จะทำในสิ่งที่เราพูด ประเทศไทยเรามีคนเก่ง คนฉลาด มีองค์ความรู้ แต่ถามว่าคนเหล่านั้นหากมีองค์ความรู้ เป็นคนเก่ง เป็นคนช่างคิด เป็นคนช่างสร้างสรรค์ หากขาดความกล้าจะมีประโยชน์อะไร” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว

ช่วงท้ายบนเวทีการเปิดตัวผู้สมัคร สส. ร.อ.ธรรมนัสระบุว่า แจ้งถึงว่าที่ผู้สมัคร สส.แบบแบ่งเขตให้พร้อมในวันที่ 27 ธ.ค. ส่วนแบบบัญชีรายชื่อ 100 ชื่อเรียงตามอักษร โดยตนเป็นผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 และนางนฤมลอยู่ลำดับที่ 2 ซึ่งวันที่ 28 ธ.ค. จับเบอร์พรรค ภาวนาให้ได้เลขเฮงๆ

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รองหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวถึงกรณี ร.อ.ธรรมนัสระบุพรรค ปชป.เอาแต่พูดหล่อ ไม่มีผลงานขณะบริหารประเทศว่า การแสดงจุดยืนทางการเมืองเป็นเรื่องที่ทุกพรรคการเมืองจะต้องมี และในสถานการณ์ทางการเมืองที่ความเชื่อมั่นของประชาชนตกต่ำลง เพราะความกังวลเรื่องของการเมืองสีเทา ทุกพรรคการเมืองจึงต้องมีจุดยืน

ด้านพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรค พปชร. โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวประกาศลาออกจากแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค รวมไปถึงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค เนื่องจากเหตุผลหลักที่ตัดสินใจเข้ามาทำกิจกรรมกับพรรคเกิดจากความศรัทธาส่วนตัวในท่านหัวหน้า (พล.อ.ประวิตร) ดังนั้น ในสถานการณ์เช่นนี้จึงถึงเวลาที่จะวางมือจากงานการเมืองไปก่อน เช่นเดียวกับนายวัน อยู่บำรุง สมาชิกพรรค พปชร. ก็เดินทางไปยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค พปชร. ต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองที่ กกต.

พท.คึกกระแสเชนกวาด 200 ที่นั่ง

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เดินทางเข้าที่ทำการพรรค โดยมีสีหน้ายิ้มแย้ม ซึ่งสื่อมวลชนได้สอบถามถึงกระแสนิยมนายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องภายหลังเปิดตัว ซึ่ง น.ส.แพทองธารตอบสั้นๆ ว่า “ดีใจค่ะ ดีใจ”

นอกจากนี้ พรรค พท.ได้จัดกิจกรรม “เพื่อไทยทำได้ ทำให้ไทยยิ่งใหญ่ เลือกพรรคเพื่อไทย” เปิดตัวผู้ประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.แบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อรวม 500 คน โดยมีแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ประกอบด้วย นายยศชนัน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผอ.การเลือกตั้งพรรค ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ มีแกนนำพรรคเข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง

ตอนหนึ่ง นายสุริยะกล่าวว่า จากนี้พรรค พท.จะเดินหน้าปราศรัยทุกภูมิภาคอย่างจริงจัง เพื่อให้ประชาชนเห็นว่าเราพร้อม และในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้ง ยืนยันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรค พท.ได้ สส.ไม่ต่ำกว่า 200 คน

พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค และนายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย แคนดิเดตนายกฯ ได้แถลงถึงความพร้อมในการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า พรรคมีความพร้อม 100% ในฐานะพรรคการเมืองระดับกลาง ทั้งในด้านตัวบุคคลและนโยบายที่พร้อมส่งต่อสู่สาธารณะ ชูนโยบายต่อท่อออกซิเจนฟื้นเศรษฐกิจ

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รักษาราชการแทนเลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวถึงกระแสข่าว ป.ป.ช.ชุดใหญ่จะนัดลงมติคดีอดีต 44 สส.พรรคก้าวไกล ผิดจริยธรรมร้ายแรง กรณีการเข้าชื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในวันที่ 25 ธ.ค.ว่า ในวันที่ 25 ธ.ค. ไม่มีการประชุม ป.ป.ช. จึงไม่มีวาระพิจารณาคดีอดีต 44 สส.พรรคก้าวไกล ทราบว่าฝั่งผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 44 คน ได้ร้องขอความเป็นธรรมเข้ามา ดังนั้น ป.ป.ช.จึงต้องพิจารณารายละเอียดในหนังสือขอความเป็นธรรมดังกล่าวก่อน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง