ปูดซื้อเสียงหัวละ300บาท

“อนุทิน” แจงไม่ร่วมดีเบต เอาเรื่องอธิปไตยก่อน ยันไม่รีบบอกจับ-ไม่จับกับใคร  รอดูผลเลือกตั้ง “เท้ง” สวน “หนู” หยุดสร้างนิทานหลอกเด็ก ปม ม.112 “ชลน่าน” แฉพบจ่ายหัวละ 300 บาท “บิ๊กป้อม” ยังไม่วางมือ หลบไปเป็นที่ปรึกษา

เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ที่สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ  รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย  (ภท.) ออกรายการโหนกระแส ที่มีนายกรรชัย กําเนิดพลอย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

โดยนายอนุทินได้กล่าวถึงกรณีที่ไม่ไปออกรายการดีเบตหาเสียงว่า ยังทำหน้าที่นายกฯ ซึ่งไม่ใช่รักษาการ และไม่มีคำว่ารัฐบาลรักษาการ มันกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญว่าประเทศต้องมีรัฐบาลตลอดเวลา วันนี้ประเทศไทยมีปัญหาเยอะแยะ ตนเอาเรื่องอธิปไตยก่อนดีกว่าไหม ตรงนี้สำคัญกับตนมากกว่าที่ทำอย่างไรก็ได้ให้ความเสี่ยง ความหวาดกลัว ความหวาดระแวง การสูญเสียของพี่น้องทหารและประชาชน เอาเรื่องนี้ให้จบไปก่อน

นายอนุทินกล่าวว่า เรื่องการหาเสียง จากนี้ไปมีเวลาอีกกว่า 40 วันที่ผู้สมัครแต่ละคนไปหาเสียงในพื้นที่ โดยสไตล์การทำงานของตนทำงานเป็นทีม ถ้าตนเก่งทุกอย่างคงประสบความสำเร็จเร็วกว่านี้ มากกว่านี้ แต่ใช้ทีมของตน ใครมีความรู้ความสามารถด้านไหนก็เอาไป

เมื่อถามว่า จะไม่ไปดีเบตกับเขา นายอนุทินตอบว่า ตนพูดไม่เก่ง ไม่ชอบตอบโต้ พอตอบโต้เดี๋ยวทะเลาะกัน ตนหลีกเลี่ยงการทะเลาะกัน มีสไตล์การใช้ชีวิตองตน ซึ่งไม่อยากไปว่ากล่าวใคร ไม่อยากไปกล่าวหาใคร ไม่อยากไปแก้ตัวในสิ่งที่ถูกกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริง เพราะไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร อีกทั้งวันนี้เป็นนายกฯ จะพูดอะไรก็ต้องระวังหมดทุกฝีก้าว บางทีสับสวิตช์ไม่ทัน

 “ผมก็หาทางสื่อสารกับประชาชนในรูปแบบที่สื่อสารได้ชัดเจน และไม่ถูกจำกัดด้วยเวลา ผมมีเวลา 40 กว่าวัน อย่างวันที่ 27 ธ.ค.ก็ไปเปิดตัวผู้สมัคร สส. และเดินสาย 3-4 จังหวัดไปหาประชาชนเลย ไม่ต้องผ่านการดีเบตหรืออะไรต่างๆ ผมก็มีแนวทางการทำงาน ไปรับฟังสิ่งที่ประชาชนอยากให้เกิด อยากเห็นและคาดหวังจากผมได้ในอีกรูปแบบหนึ่ง” นายอนุทินระบุ

ส่วนกรณีนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ระบุจะไม่มีการโหวตให้นายอนุทินเป็นนายกฯ นั้น นายอนุทินกล่าวว่า ทำไมถึงไม่โหวต ที่ไม่โหวตเพราะโกรธที่ตนยุบสภาหรือ ตนทำชั่วทำอะไร ทำเลวอะไรกับประเทศชาติหรือเปล่าถึงไม่มาร่วมงาน ถ้าพวกท่านบอกว่าตัวเองเป็นคนดี มีความสามารถ รักชาติรักบ้านเมืองเหมือนกัน ตนก็รักชาติรักบ้านเมืองไม่แพ้กัน ทำไมถึงทำงานร่วมกันไม่ได้ ยังไม่ทันเลือกตั้งเลย พี่น้องประชาชนยังไม่ทันตัดสินเลย แล้วมาบอกว่าไม่ทำงานร่วมกันแล้ว ถึงเวลาลุยต้องลุย ถ้าจะต้องถอยแล้วบ้านเมืองเดินหน้าไปได้ก็ต้องถอย ไม่เคยคิดเลยว่าจะร่วมกับใครไม่ได้ อย่างที่พูดไม่ร่วมกับพรรคไหนที่ไปแตะมาตรา 112 ซึ่งเป็นแนวทางของพรรค ภท.

เมื่อถามว่า หากผ่านการเลือกตั้งไปแล้ว ต้องมีการจับขั้วกับพรรคกล้าธรรม (กธ.) และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป.บอกว่าไม่เอาพรรค กธ. จนทำให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรค กธ.ควันออกหู นายอนุทินกล่าวว่า เรามีกระบวนการยุติธรรม อย่างเรื่องสแกมเมอร์ วาทกรรมที่ไปบอกคนนี้ชั่ว คนนี้เลวไปกล่าวหาก่อน โดยที่กระบวนการยุติธรรม ยังไม่มีศาลไหนที่ตัดสินเลย ถ้าอย่างนี้ใครก็ให้ทีมงานไปกล่าวหา คงไม่มีใครมาทำหน้าที่รับใช้บ้านเมืองกันพอดี

เมื่อถามอีกว่า ที่นายอภิสิทธิ์ระบุจะไม่ร่วมกับพรรค กธ. แสดงว่าเขายังไม่ได้ตัดพรรค ภท.ออกจากสมการใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า รอวันที่ประชาชนตัดสินใจ เพราะไม่ได้มีข้อกฎหมายกำหนดอะไรที่หัวหน้าพรรคต้องมาบอกว่าจะร่วมกับคนนั้นไม่ร่วมกับคนนี้ ที่ผ่านมามีคนพูดแบบนี้เยอะแยะ ไม่มีวัน ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้ ตายดีกว่า เราอยู่ในการเมืองมาจะใช้คำว่าเก๋าก็ไม่ได้ เพราะเดี๋ยวจะชมตัวเอง ต้องใช้คำว่า เข้าใจ ทำใจได้ว่าเมื่อถึงเวลาหลังเลือกตั้งแล้ว ไม่เกินเที่ยงคืนของวันเลือกตั้งก็จะเห็นรัฐบาลทันที ไม่ว่าจะรับรองหรือไม่รับรอง นี่คือสิ่งที่ตนเชื่อ ตนว่าตนมีเกราะป้องกัน ครั้งก่อนส่งเข้ามา 51 คน คนเข้ามา 71 คน เที่ยวหน้าหวังว่าจะเข้ามากว่า 100 คน

โต้ ม.112 ไม่ใช่นิทานหลอกเด็ก

เมื่อถามถึงกรณีที่หัวหน้าพรรค ปชน. บอกว่าหัวหน้าพรรค ภท.ใช้มาตรา 112 มาเป็นนิทานหลอกเด็ก นายอนุทินกล่าวว่า มาตรา 112 ไม่เคยเป็นนิทานหลอกเด็ก เพราะเกิดขึ้นก่อนที่จะมีพรรค ปชน.อีก ในปี 52 ตั้งแต่สถาปนาพรรค ภท. ถ้าคิดจะแก้มาตรา 112 อยู่ ตนก็ร่วมด้วยไม่ได้ ชัดเจนอยู่แล้วว่าถ้าเขาตกผลึกแล้ว อนาคตก็มาแก้ไขได้ ซึ่งชัดเจนอยู่แล้วว่ามีความคิดที่จะแก้ไขอยู่ แล้วใครหลอกประชาชนกันแน่ ตนไม่หลอกแน่นอน

“มีแตะมาตรา 112 เมื่อไหร่ ก็ไม่มีพรรค ภท. ส่วนที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า บอกว่าผมเข้าใจผิด เพราะนายณัฐพงษ์พูดเรื่องนิรโทษฯ ไม่ใช่แก้กฎหมายนั้น ผมมองว่าเรื่องนี้ นิรโทษกรรมคือคนที่กระทำความผิดเกี่ยวกับมาตรา 112 แล้วไม่ต้องรับผิด ซึ่งก็ไม่ใช่แนวทางของพรรค ภท.ก็ไม่ได้เข้าใจผิด” นายอนุทินระบุ

สำหรับความเคลื่อนไหวการเปิดรับสมัคร สส.แบบแบ่งเขต ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 กทม. ในวันที่ 27 ธ.ค.นี้ ในส่วนพรรค ปชน. ใช้ยุทธวิธีดาวกระจาย ส่งแกนนำพรรคลงพื้นที่ประกบให้กำลังใจผู้สมัครตามภูมิภาคต่างๆ โดยนายณัฐพงษ์ หัวหน้าพรรค จะนำผู้สมัคร สส.กทม. ไปสมัครที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 กทม. เวลา 07.00 น. คาดว่าน่าจะนั่งรถเมล์ไปเหมือนกับปีที่แล้ว

ขณะที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค จะไปให้กำลังใจผู้สมัครที่จังหวัดบุรีรัมย์, นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรค นำทีมจังหวัดภูเก็ต, นายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรค ไปที่ จ.สุรินทร์และศรีสะเกษ, นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรค ไปที่ จ.ระยองและจันทบุรี, น.ส.รักชนก ศรีนอก อดีต สส.กทม. ไปที่ จ.ชลบุรี ส่วนนายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง ให้กำลังใจผู้สมัครที่ จ.เชียงใหม่

ขณะที่นายณัฐพงษ์ออกมาตอบโต้นายอนุทินเรื่องไม่จับมือกับพรรคที่จะแก้ไขมาตรา 112 ว่า ต้องบอกว่าการยกมือในวันนั้น ไม่ใช่การเห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 แต่เป็นการผลักดันเรื่องนิรโทษกรรมของนักโทษที่โดนคดีทางการเมือง การให้สัมภาษณ์ของนายอนุทินมีความน่าเป็นห่วง เนื่องจากเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้าง และสร้างเงื่อนไขทางการเมือง พร้อมตั้งคำถามว่าเอาเรื่องนี้มาเรียกกระแสอะไรหรือไม่ ทั้งๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการแก้ไขมาตรา 112 ดังนั้น ไม่อยากให้นายอนุทินเอาเรื่องนี้มาเป็นวาทกรรม สร้างนิทานหลอกเด็ก ในกรอบการวินิจฉัยจองศาลรัฐธรรมนูญนั้น ไม่มีพรรคการเมืองใดสามารถผลักดันเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ได้อีกแล้ว

เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่พรรคน้ำเงินจะไม่จับมือกับพรรคส้ม นายณัฐพงษ์บอกว่า ไม่มีความกังวลใดๆ เพราะการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ประชาชนจะต้องเลือกระหว่างรัฐบาลของพรรค ปชน.หรือรัฐบาลของนายอนุทิน เมื่อถามย้ำว่า แล้วพรรค ปชน.จะไม่สามารถจับมือกับใครได้บ้าง นายณัฐพงษ์ตอบว่า เราไม่สามารถจับมือกับพรรค กธ.ได้ แต่สำหรับพรรค ภท. ถ้าจะจับมือกับพรรค กธ.ก็เป็นเรื่องของเขา หลังจากนี้ให้พ่อแม่พี่น้องเป็นคนเลือกเอาเองว่าอยากจะได้รัฐบาลแบบไหน

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่พรรค ปชน.ออกมาตั้งเงื่อนไขต่างๆ มันจะนำไปสู่การเป็นพรรคฝ่ายค้านหรือไม่ หัวหน้าพรรค ปชน.กล่าวว่า ความจริงแล้วพรรคที่ชนะการเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 ควรที่จะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ต้องไปถามพรรค ภท.ว่ามีความพยายามที่จะจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรค ปชน.หรือไม่ ถ้านายอนุทินมีความมั่นใจว่าตัวเองจะไม่ชนะการเลือกตั้งมาเป็นอันดับที่ 1 ก็ไม่ควรจะมาตั้งเงื่อนไขอะไรกับการจัดตั้งรัฐบาลของพรรค ปชน. ซึ่งพรรค ปชน.มีความมั่นใจว่าจะเอาชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ได้แน่นอน

ไม่เปลี่ยนตัวหนีคดี 44 สส.

 “ตอนนี้เราเหลือภารกิจเพียงอย่างเดียว คือพยายามทำให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนไว้ใจพรรค ปชน.มากที่สุด ให้เรามีเสียงในสภามากพอที่จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้ ป้องกันไม่ให้พรรคอันดับ 2 และอันดับ 3 รวมขั้วกัน แล้วมาจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับเรา ซึ่งเป็นการขัดหลักการของการเมืองแบบรัฐสภา” นายณัฐพงษ์ระบุ

เมื่อถามถึงกรณี 44 สส.ของพรรคก้าวไกล ที่ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง หลังจากเข้าชื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หัวหน้าพรรค ปชน.ยืนยันว่า พรรค ปชน.จะไม่เปลี่ยนตัวแคนดิเดตนายกฯ และไม่เปลี่ยนผู้สมัครรับเลือกคนไหน เพราะเราได้บริหารความเสี่ยง และคิดทุกอย่างมาอย่างดีแล้ว หลังจากนี้เราจะเดินหน้าเลือกตั้งเท่านั้น

วันเดียวกัน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว  ว่าที่ผู้สมัคร สส.เขต 2 จ.น่าน พรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่พบว่าในพื้นที่ จ.น่าน มีกลุ่มคนเริ่มออกปฏิบัติการที่สุ่มเสี่ยงต่อการผิดกฎหมายเลือกตั้ง คือเริ่มมีการเก็บสำเนาบัตรประชาชน ตามหมู่บ้านต่างๆ ซึ่งคนเดินเก็บสำเนาได้ใบละ 50 บาท และเจ้าของบัตรจะได้รับจำนวน 300 บาท ซึ่งวัตถุประสงค์ในการเก็บไม่ชัดเจน ในขณะที่ชาวบ้านไม่ได้มีการเขียนกำกับว่าไปใช้เพื่อการใด หวั่นใจว่าจะนำสำเนาบัตรประชาชนที่เก็บไปนำใช้ในทางที่ก่อให้เกิดความเสียหายเช่นกลุ่มผู้ไม่หวังดีหรือกลุ่มอาชญากรรมทางไซเบอร์นำไปเปิดบัญชีม้า ซึ่งอาจจะส่งผลให้พี่น้องประชาชนเดือดร้อนอาจตกเป็นเหยื่อผู้ไม่หวังดีได้  ผู้มีส่วนรับผิดชอบต้องตรวจสอบและร่วมกันป้องกันปัญหาดังกล่าว

ส่วนที่ อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ว่าที่ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. พร้อมด้วยนายประเสริฐ บุญชัยสุข ว่าที่ผู้สมัคร สส.เขต 1 จ.นครราชสีมา พรรค พท. ลงพื้นที่หาเสียง โดยนายเทวัญให้สัมภาษณ์ว่า จ.นครราชสีมามี 16 เขต เดิม สส.พรรค พท.12 คน, พรรค ปชน. 3 คน และพรรค ภท. 1 คน ฉะนั้น เมื่อได้มารวมกัน มาอยู่พรรค พท. เรามีความมั่นใจว่าเราสามารถที่จะทำให้โคราชเป็นปึกแผ่นได้ ซึ่งเราอยากได้ทั้ง 16 เขตยกจังหวัดหมดเลย แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชน

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ภายหลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ประกาศถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรค โดยเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด พล.อ.ประวิตรได้เปิดให้อวยพรปีใหม่ โดยมีอดีตนายทหารระดับสูงเข้าอวยพรจำนวนมาก

แหล่งข่าวจากพรรค พปชร. กล่าวชี้แจงกรณีมีการนำเสนอข่าวว่า พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ว่าพอแล้ว ว่าคำว่าพอแล้วหมายถึงให้สัมภาษณ์พอแล้ว ไม่ได้หมายถึงวางมือทางการเมือง

ด้าน น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.แรงงาน และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรค พปชร. เปิดเผยว่า ตนยังเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พปชร. และยังทำงานยึดมั่น ให้ประชาชน ในนามพรรค พปชร.ต่อไป พวกเราเป็นนักการเมืองและผ่านการเมืองมาหลายสมัย จุดหมายของการเข้ามาการเมืองคือ การรับใช้ประชาชน แต่ระหว่างทางอาจจะมีทางลุ่มๆ ดอนๆ และคลื่นพายุบ้าง แต่จุดยืนของเราคือ ต้องทำงานต่อไป เพื่อเป็นส่วนหนึ่ง ไม่ว่าจะในพื้นที่ จ.สระแก้วหรือในฝ่ายบริหาร ส่วน พล.อ.ประวิตร ยังยืนยันว่ายังอยู่กับพรรคไม่ปล่อยมือ จะคอยเป็นที่ปรึกษาให้กับพวกเรา

เมื่อถามถึงกระแสข่าวตนเองถอดใจและพรรคจะล่ม น.ส.ตรีนุชกล่าวว่า มีข่าวปล่อยออกมาเยอะแยะไปหมด ซึ่งมันเร็วมาก ตนไม่ได้อยากจะออกมาให้ข่าวอะไรมาก ขอทำหน้าที่จัดการและทำระบบในพรรคให้เรียบร้อยก่อน ตนยังอยู่กับพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคก็ยังอยู่

เมื่อถามถึงความชัดเจนของตัวเลขผู้สมัครทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ น.ส.ตรีนุชกล่าวว่า ยังมีความสวิงอยู่จากที่รับรองไปกว่า 200 คน แต่ใครจะอยู่กับเราและได้ไปต่อ เรื่องจำนวนคงไม่ใช่ประเด็น แต่วันนี้เป้าหมายของพรรคชัดเจนเราต้องมูฟออนและมีเป้าหมายคือ ทำงานช่วยประชาชนต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘นํ้าเงิน-ส้ม’เปิดศึก! ‘หนู’ลั่นพรรคใดแก้ม.112ไม่ร่วมด้วย-‘เท้ง’ท้าแข่งกันจัดตั้งรัฐบาล

“ภูมิใจไทย” ขยับใหม่ ประกาศแคนดิเดตนายกฯ 2 คน “อนุทิน-สีหศักดิ์” ผวา!  ส่งชื่อคนเดียวสุ่มเสี่ยง ต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดเอาไว้