28 มี.ค.2565 - นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก มีรายละเอียดดังนี้ สร้างเมืองที่คนเท่ากัน ต้องใช้ผู้ว่าฯที่มีเจตจำนงแน่วแน่ทางการเมือง ทุกท่านคิดว่ากรุงเทพ เป็นเมืองที่ขาดศักยภาพรึเปล่าครับ?
ผมคิดว่าไม่เลย เราเป็นเมืองที่มีงบประมาณหมุนเวียนในการบริหารต่อปีถึงเกือบแสนล้านบาท มีชื่อเสียงระดับโลก มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาจากทุกมุมโลก เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจการค้า
แต่คุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพกลับย่ำแย่ ไม่ใช่แค่เรื่องทางเท้า ขยะ น้ำท่วม รถติด ผมขอยกตัวอย่างเรื่องฝุ่น PM2.5 ในปี 2564 ที่ผ่านมา 1 ปีมี 365 วัน เรามีคุณภาพอากาศย่ำแย่เกินมาตรฐานโลกถึง 73 วัน ช่วงที่ PM2.5 หนักๆ คนกรุงเทพฯ ป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจเกือบ 40,000 คนในปี 2563
ไม่ใช่แค่กรุงเทพ ที่เจอปัญหามลภาวะทางอากาศ กรุงลอนดอนก็เจอปัญหานี้หนักมาก ซาดิก ข่าน นายกฯ กรุงลอนดอนตัดสินใจครั้งใหญ่ในปี 2019 ประกาศใช้นโยบาย ULEZ หรือ Ultra Low Emission Zone เก็บค่าธรรมเนียมรถที่ปล่อยมลภาวะเกินมาตรฐานที่เดินทางเข้ากรุงลอนดอนชั้นใน คันละ 12.5 ปอนด์
นโยบายนี้ลดปริมาณก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซอันตราย ในอากาศของลอนดอนได้ถึง 36% และภายใน 30 ปี จะสามารถลดจำนวนผู้เข้าโรงพยาบาลเพราะมลภาวะทางอากาศได้ถึง 1 ล้านคน ประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดสวัสดิการสาธารณสุข 5,000 ล้านปอนด์ หรือกว่า 2 แสนล้านบาท
ทุกท่านคิดว่าง่ายมั้ยครับที่นายกฯ จะออกนโยบายแบบนี้? ไม่เลย ไม่ง่ายที่จะเก็บค่าผ่านเข้าเมืองในราคาสูงเพื่อลดจำนวนรถที่ปล่อยมลภาวะ ไม่ง่ายที่ต้องเพิ่มเลนจักรยานทั้งเมืองมากขึ้นเป็น 3 เท่า เปลี่ยนรถเมล์เป็นรถ EV 700 คันเพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกในการเดินทางโดยไม่ใช้รถส่วนตัว แต่นายกฯ ลอนดอน ทำได้
ผมคิดว่า “เจตจำนงทางการเมือง” หรือ Political Will สำคัญมากในเรื่องนี้
การยืนยันทำในสิ่งที่เป็นผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ กล้าคิดและทำในสิ่งที่ทะเยอทะยาน เปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด แม้ต้องเผชิญกับแรงกดดันของระบบราชการ กลุ่มทุนที่ผูกขาด นี่คือเจตจำนงทางการเมือง นี่คือเส้นแบ่งระหว่างผู้นำเมืองที่ประสบความสำเร็จ กับไม่ประสบความสำเร็จ
ปัญหากรุงเทพ ตั้งแต่ศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียน ขยะ น้ำท่วม รถเมล์ห่วย รถไฟฟ้าแพง
แน่นอนที่สุด เราต้องการนักบริหารมาแก้ไข แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ต้องการคนที่มีเจตจำนงทางการเมืองอย่างแรงกล้า ที่พร้อมจะยืนเพื่อผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ คนจน คนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ กล้าผลักดันคุณค่าของคนเท่ากันในสังคม
ท่านไม่จำเป็นต้องเลือกระหว่างนักบริหาร หรือนักการเมืองที่มีเจตจำนงแน่วแน่ เพราะคุณสมบัติทั้งสองนี้อยู่ในคนคนเดียว
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร เป็นผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคลของบริษัทซีเอ็ดมากว่า 10 ปี ก่อนจะมาร่วมงานการเมืองกับพรรคอนาคตใหม่ เขามีทั้งความเป็นนักบริหาร และดีเอ็นเอแบบอนาคตใหม่ ที่เชิดชูคุณค่าของคนเท่ากัน มีความมุ่งมั่นแน่วแน่ทางการเมือง พร้อมต่อสู้เพื่อคนกรุงเทพ
จากคนที่ไม่มีใครรู้จัก เขาเป็น ส.ส. มาเพียง 3 ปี ทุกคนยังรัก ชื่นชมในความสามารถ และเสียดายเมื่อวิโรจน์ลาออกมาลงสมัครผู้ว่ากรุงเทพ
ท่านลองคิดดูสิครับว่า หากให้วิโรจน์มาเป็นผู้ว่าฯ กรุงเทพ 4 ปี ผมเชื่อว่าเขาจะทำงานให้ทุกท่านได้มากกว่าตอนเป็น ส.ส. แน่นอน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘ลุงป้อม’ ส่งขุนศึกเหนือ ‘สุรเดช’ เปิดตัว 3 ว่าที่ผู้สมัครเชียงใหม่
'ลุงป้อม'ลั่นกลองรบ ส่งขุนศึกทัพเหนือ 'สุรเดช ยะสวัสดิ์' เปิดตัว 3 ว่าที่ผู้สมัครเชียงใหม่ เผยเป็นอดีตสส. 9 สมัย-อดีตข้าราชการผู้ใหญ่ประสบการณ์เพียบ ทำคุณประโยชน์ให้ชาวเชียงใหม่มากมาย
'อนุทิน' ยันไม่มีดีลเพื่อไทยชะลอยื่นซักฟอกรัฐบาล
"อนุทิน" ลั่นเตรียมทุกอย่างให้พร้อมรอเลือกตั้ง ยังไม่บอกพร้อมจับมือหลังลต.กับพรรคใด ไม่กังวลกระแสตกห่วงแต่แก้ปัญหาน้ำท่วมได้ไม่ทันใจ
'สุชาติ' นัดเคลียร์ 'สนธยา' แบ่งโซนส่ง 10 ผู้สมัคร สส.ชลบุรี ลั่นเขต 1 ขอลงเอง
"สุชาติ" เผยนัดคุย "สนธยา" วางตัว 10 ว่าที่ผู้สมัครสส.ชลบุรี คาดจบภายใน 1-2 วันนี้ ขอจองเขต 1 ลงเอง ส่วนภาพรวมดูความเหมาะสมใครถนัดลงเขตไหน ลั่นอยากให้ ภท. เป็นหนึ่งเดียวในชลบุรี บอกยังไม่มีสัญญาณยุบสภา
‘เฉลิม’ ยืนยันลาออกพ้นเพื่อไทย เตรียมย้ายซบพลังประชารัฐ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เผยเซ็นลาออกจากพรรคเพื่อไทยแล้ว เตรียมยื่น กกต. วันที่ 3 ธ.ค. ย้ำเป็นเหตุผลทางการเมือง ไม่มีการแจ้งแพทองธาร และยังไม่ได้คุยกับวัน อยู่บำรุง ก่อนประกาศชัด


