ถกกฎหมายตร.สะดุด ประธานสั่งปิดประชุม หลัง “ปิยะ อุทาโย” ตีมึนเสนอแก้ ม.169/1 หลักเกณฑ์ระยะเวลาดำรงตำแหน่งใหม่ ด้าน “โรม” โวยเพิ่มข้อความเอื้อประโยชน์ช่วยบางคน ด้าน “ชัชวาลย์” ถอย ขอหารือในกมธ.ใหม่อีกรอบ 4 ก.ค. นี้
1 ก.ค.2565 - เมื่อเวลา 13.15 น. ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภากลับมาเปิดประชุมอีกครั้ง หลังพักรับประทานอาหารกลางวัน โดยการพิจารณาเป็นไปด้วยความรวดเร็ว จนกระทั่งถึงบทเฉพาะกาล มาตรา 158 ว่าด้วยการโอนงานจราจรให้แก่กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และเทศบาลนคร ภายใน 5 ปีนับจากที่พ.ร.บ.ตำรวจฉบับนี้บังคับใช้ ปรากฎว่าพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ในฐานะกมธ. ขอสงวนความเห็น และพล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ส.ว. ขอแปรญัตติ ให้ตัดมาตรา 158 ออกทั้งมาตรา ซึ่งที่ประชุมได้ลงมติเห็นด้วยกับข้อเสนอของพล.ต.อ.ทวี และพล.ต.ท.ศานิตย์ ด้วยคะแนน 322 ต่อ 61 งดออกเสียง2 ไม่ออกเสียง 1 เสียง
จากนั้นเวลา 16.35 น. พิจารณามาตรา 169/1 โดยทางกมธ.ได้เพิ่มขึ้นใหม่ทั้งมาตรา เกี่ยวกับกการคัดเลือกหรือแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับชั้นสัญญาบัตรเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ภายใน5 ปีนับแต่วันที่พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับ
พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รองผบ.ตร. ในฐานะกมธ. ได้ขอเพิ่มข้อความในมาตรา 169/1 ระบุว่า “ในวาระเริ่มแรกภายใน 180 วัน นับตั้งแต่วันที่พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับ การคัดเลือกหรือการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่ง ให้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ใช้บังคับอยู่ ในวันก่อนวันที่พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับ ในกรณีที่ไม่อาจนำหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขมาใช้บังคับได้ตามวรรคหนึ่ง ก็จะดำเนินการประการใดให้เป็นไปตามที่ ก.ตร.กำหนด ซึ่งต้องไม่ขัดหรือแย้งกับพ.ร.บ.นี้”
พล.ต.อ.ปิยะ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่เพิ่มข้อความในมาตราดังกล่าว เนื่องจากผลกระทบจากกรณีที่มีการเอาเนื้อความบางส่วนไปใส่มาตรา 69 ส่งผลกระทบให้เมื่อพิจารณาจำนวนปีจะเชื่อมโยงไปมาตรา 80 และมาตรา 2 โดยมาตรา 80 ระบุว่า ให้เป็นไปเพื่อความเที่ยงธรรมในการแต่งตั้ง ดังนั้น จะทำให้ระยะเวลาในการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นมีผลใช้ทันที ซึ่งจะส่งผลต่อตำรวจที่มีสิทธิเลื่อนตำแหน่งตามกฎหมายเดิมจะถูกตัดสิทธิทันที แบ่งเป็นกลุ่มผู้บังคับการ 72 ราย รองผู้บัญชาการ 49 นาย รวม 121 นาย เกิดเป็นปัญหาการพรากสิทธิ์ และเนื่องจากระยะเวลาในการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ในรายละเอียดต้องมีการจัดตำรวจเข้าในกลุ่มสายงานต่างๆโดยมีระยะเวลากำหนด แต่การมีผลบังคับใช้ทันที จะไม่เปิดโอกาสให้ตำรวจที่ได้รับผลกระทบได้เลือกเส้นทางการดำเนินชีวิตของตัวเอง เพราะระยะเวลาไม่เป็นไปตามเงื่อนไขเดิม
พล.ต.อ.ปิยะ กล่าวอีกว่า เนื่องจากในวาระเริ่มแรกนี้การย้ายข้ามหน่วย ข้ามภูมิลำเนา จะส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อข้าราชการชั้นผู้น้อย โดยเฉพาะชั้นประทวน และระดับรองสารวัตร ซึ่งมีเงื่อนไขการย้าย คือ ในทุกปีจะมีภาพรวมช่วงเวลาการแต่งตั้งที่จะมีระดับรองสารวัตรไม่น้อยกว่า 400 นาย ชั้นประทวน 3,000 กว่านาย ร้องขอกลับภูมิ แต่เงื่อนไขใหม่ให้อำนาจผู้บังคับบัญชาว่าจะรับหรือไม่รับก็ได้ แต่ตามกฎหมายเดิมจะเปิดโอกาสให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ตรากตรำครบ 4 ปี จะหมุนเวียนให้กลับภูมิภาคได้
จากนั้น นายพรเพชร แจ้งต่อที่ประชุมว่า คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เพราะไม่มีใครแปรญัตติ และเป็นร่างที่ยกขึ้นมาใหม่ ทั้งนี้ มีสมาชิกขอผู้สงวนความเห็น 3 ท่าน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งขอให้ตัดมาตราดังกล่าวออกทั้งหมด และอีกกลุ่มหนึ่งคือ นายวิชา มหาคุณ ซึ่งท่านไม่มาแล้ว อย่างไรก็ตาม ถ้ากมธ.ต้องการจะเพิ่มข้อความจริงๆจะต้องถอนร่างออกไปก่อน
อย่างไรก็ตาม สมาชิกรัฐสภา อาทิ นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เป็นต้น ลุกขึ้นท้วงติงว่าสิ่งที่พล.ต.อ.ปิยะ เสนอไม่ถูกต้องตามกระบวนการตรากฎหมายของรัฐสภา ไม่มีที่มาที่ไป เพราะพล.ต.อ.ปิยะไม่ได้ขอสงวนความเห็นหรือแปรญัตติไว้แต่อย่างใด จึงขอให้นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ในฐานะประธานการประชุม สั่งพักการประชุม เพื่อให้ทางคณะกมธ.ได้ปรึกษาหารือว่าควรจะทำอย่างไรในการเพิ่มข้อความ
ด้านนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า แว่วว่าการเพิ่มข้อความของพล.ต.อ.ปิยะ เพื่อช่วยใครบางคน เป็นเรื่องไม่เหมาะสม อย่าทำให้ภาพลักษณ์ของกฎหมายดังกล่าวแย่ไปกว่านี้ จึงขอเสนอให้เดินหน้าการประชุมต่อ
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา ทางคณะกมธ.ได้ประชุมกันเองในเรื่องนี้ แต่หาข้อสรุปเองไม่ได้ สุดท้ายจึงใช้วิธีให้พล.ต.อ.ปิยะเสนอกลางสภาฯ ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าทำไม่ได้ ทางที่ดีเดินหน้าประชุมต่อ โดยลงมติว่าจะเห็นด้วยกับที่กมธ.เสียงส่วนใหญ่เพิ่มทั้งมาตรา หรือให้ตัดออกทั้งมาตรา
ต่อมาเวลา 17.01 น. ประธานที่ประชุมได้สั่งพักการประชุมเป็นเวลา 10 นาที จากนั้นเวลา 17.12 น. ได้เปิดประชุมอีกครั้ง ซึ่งพล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร รองประธานกมธ. รักษาการประธานกมธ. แจ้งต่อที่ประชุมว่า ขอให้ทางคณะกมธ.ได้ไปปรึกษาหารือกันอีกครั้งในวันที่ 4 ก.ค. ช่วงเช้าเสียก่อน เพื่อปรับถอยคำ ซึ่งนายพรเพชรก็ได้สั่งปิดการประชุมในเวลา 17.25 น. โดยกล่าวว่า วันนี้สมาชิกรัฐสภาเหนื่อยล้ามาทั้งวัน และปัญหาที่เกิดขึ้นก็ให้ทางกมธ.ไปดำเนินการ เป็นเรื่องของทางคณะกมธ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'เจ้าของร้านมือถือ' หัวร้อน! ชักปืนขู่ชี้หน้าตำรวจ
ร.ต.ต.ธนกฤต สิริกุลวิตรา อายุ 55 ปี รองสารวัตรสืบสวนกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา ซึ่งแต่งกายด้วยชุดบ้านธรรมดา
ตร.ไซเบอร์ เตือนมิจฉาชีพหลอกขาย LABUBU ฉวยโอกาสกระแสอาร์ตทอยมาแรง
ตำรวจไซเบอร์เตือนภัย เรื่อง มิจฉาชีพหลอกขาย LABUBU ฉวยโอกาส..กระแสอาร์ตทอยกำลังมาแรง
ตำรวจแจ้ง 5 จุดจอดรถ เล่นน้ำสงกรานต์พระประแดง 21 เม.ย.
จุดจอดรถ สงกรานต์พระประแดง วันอาทิตย์ ที่ 21 เม.ย.67 ระบุว่า มีจุดจอดรถยนต์ รองรับประชาชนที่จะเดินทางมาร่วมกิจกรรมสงกรานต์พระประแดง
จับแหม่มหัวหน้าแก๊ง วางแผนปล้น 200 ล้าน ลักพาตัวลูกไฮโซดัง
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.), พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น.
เปิดคำสั่งให้ 'บิ๊กโจ๊ก-4 ลูกน้อง' ออกจากราชการ ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) ได้มีคำสั่ง ตร.ที่ 177/67
'เศรษฐา' ว่าไง 'บิ๊กโจ๊ก' ให้ถามนายกฯ เซ็นคำสั่งปลดออกจากราชการจริง-ไม่จริง?
ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อเวลา 12.10 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางเข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน