ส.ส.โรม ยกหลัการไม่ควรจำกัดวาระนายกฯ แต่หยาม ส.ว.เสรี ไม่ได้คิดเชิงหลักการ

แฟ้มภาพ

13 ม.ค.2566 - นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง วุฒิสภา เตรียมเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีประเด็นที่จะเสนอให้นายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งได้มากกว่า 8 ปี ว่า กติกานายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 8 ปี เป็นกติกาที่สร้างขึ้นมาเพื่อทำให้พรรคการเมืองที่มีความคิดตรงข้ามฝ่ายเผด็จการในขณะนั้น ไม่สามารถเป็นพรรคการเมืองได้โดยง่าย ถูกใช้เพื่อสกัดพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม ตอนนี้กลายเป็นว่าดาบนั้นคืนสนองกลับไปที่ตัวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เสียเอง

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่า ส.ว. ไม่ได้คิดในเชิงหลักการอะไร นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. ในฐานะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง ส.ว. ก็คงไม่ได้คิดถึงหลักการว่า ตามหลักการที่ถูกต้องไม่ควรที่จะมีการจำกัดวาระนายกรัฐมนตรี

“เขาไม่ได้คิดตรงนี้ แต่เขาต้องการที่จะช่วยให้พลเอกประยุทธ์ สามารถที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปได้ ประเด็นนี้ต่างหากที่เป็นสาระสำคัญ”นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนคิดว่าการศึกษาเรื่องนี้ หากพูดถึงรัฐธรรมนูญในฝัน ในความเป็นจริง ไม่ควรที่จะกำหนดระยะเวลาดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีแค่ 8 ปี แต่ปัญหาของสังคมไทยวันนี้ ดันมีเรื่อง ส.ว. 250 คน ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง สามารถสั่งซ้ายหันขวาหันได้ เห็นได้จากการเลือกตั้งปี 2562 ที่ไม่มี ส.ว.คนใดโหวตแตกแถวแม้แต่คนเดียว ดังนั้น ทั้งหมดนี้ชัดเจนว่ากระบวนการของ ส.ว. ที่กำลังทำกันอยู่ ตนคิดว่ามีเพียงเรื่องเดียวคือการต่อท่ออำนาจให้กับพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สืบทอดอำนาจต่อไป

เมื่อถามว่าในเมื่อกระบวนการเป็นแบบนี้ ฝ่ายค้านจะทำอย่างไรต่อไป นายรังสิมันต์ กล่าวว่าเป็นอำนาจของ ส.ว.ในการศึกษา แต่ในความเป็นจริง ตนเชื่อว่าไม่ง่าย เพราะยังไม่รู้ว่าผลการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร ซึ่งสุดท้ายฝ่ายเราอาจจะเป็นรัฐบาลก็ได้ หากฝ่ายค้านเป็นเสียงข้างมาก โอกาสที่ ส.ว.จะผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จก็เป็นเรื่องที่ไม่ง่าย อย่างไรก็ตาม การจะผ่านรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ต้องอาศัยเสียง ส.ว. 1 ใน 3 เป็นอย่างน้อย กรรมาธิการเสียงข้างมาก และเสียงของฝ่ายค้านที่ต้องไม่น้อยกว่า 20%

“ทั้งหมดนี้ แม้ ส.ว.จะศึกษาอะไรต่างๆ แต่มันก็คงเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก ถ้าหากจะเสนอแก้รัฐธรรมนูญ ผมคิดว่าทั้งหมดนี้อาจเป็นแค่การละคร พยายามโชว์การแสดง เพื่อให้เป็นที่ถูกอกถูกใจของคนในรัฐบาลมากกว่า ไม่ได้มีราคาเท่าไหร่สำหรับการแสดงนี้” นายรังสิมันต์ กล่าว

ส่วนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของ ส.ว. นายรังสิมันต์ กล่าวย้ำว่า ส.ว. ต้องไม่ลงคะแนนสวนทางกับความต้องการของประชาชน เช่น ประชาชนต้องการให้พรรคไหนเป็นรัฐบาล ก็ควรเป็นไปตามนั้น หากโหวตสวนทางกับความต้องการของประชาชน ตนมองว่ารอบนี้ประชาชนจะไม่ให้อภัย ตนคิดว่า ส.ว. จะอยู่ในประเทศไม่ง่าย เพราะประชาชนมีบทเรียนแล้วในช่วงเวลาที่ผ่านมา และเมื่อประชาชนตกลงแล้วว่าจะให้พรรคการเมืองใดได้เป็นรัฐบาล ผมเชื่อว่า ส.ว.ต้องเคารพ หากโหวตสวนทางแสดงว่า ส.ว. ไม่คิดว่าประชาชนเป็นใหญ่ในประเทศนี้

“ผมเชื่อว่าผลการเลือกตั้ง ประชาชนเขาเคารพ ส.ว.หลายคน จำนวนไม่น้อย ที่วุฒิการศึกษาดี ในสมัยที่เป็นข้าราชการ หลายคนก็มีพฤติกรรมที่ค่อนข้างดี ดังนั้น อย่าเอาสิ่งเหล่านี้มาทิ้งเลย”นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่าหาก ส.ว.โหวตสวนทางจะเกิดความขัดแย้งในสังคมหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เชื่อว่า โอกาสที่ทางฝ่ายค้านจะประสบความสำเร็จในการจัดตั้งรัฐบาลก็มีอยู่ เพราะหาก ส.ว.จะโหวตสวนทาง อาจมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาทันที

“ถามว่ารัฐบาลจะบริหารได้อย่างไร เพราะอำนาจในการถอดถอนนายกรัฐมนตรียังเป็นของสภาผู้แทนราษฎร รัฐบาลเสียงข้างน้อยจะผ่านกฎหมายได้อย่างไร”นายรังสิมันต์ กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เซลส์นิด' แจงสภาสูง ขยันทัวร์นอกเหตุจำเป็น เมินตอบปม 'ทักษิณ'

'เศรษฐา' ปัดแก้ตัวงบไม่มางานไม่เดิน เคลมราคายางพุ่งผลงานรัฐบาล ชี้ดึงต่างชาติลงทุนล้านล้านบาท ใช้เวลามากกว่า 7 เดือน แถลงความก้าวหน้าทัวร์นอก 26 มี.ค.