'จตุพร' ฟาดโด่งอีกโยงมัว ใส่ร้ายงุมงิบเงินการ์ดชุมนุมจ่ายไม่ครบ จวกคนไม่รู้เรื่องราว หน้าด้าน อวดเก่งยัดเยียด ยันไม่ยุ่งเกี่ยวเงินชุมนุม ชี้ 'อารีย์' ต้องออกมาแสดงตนเอง จวก 'วีระ สมความคิด' พาดพิงปกป้องแรมโบ้ ระบุคนปากกล้า ท้ามาพีซถกความจริงต่อหน้าสื่อ
4 ก.พ. 2566 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประเทศไทย เฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน ยืนหยัดชัดเจน โดยระบุว่า ผลประโยชน์ชาติและจุดยืนประเทศไทยต้องมาก่อนเป็นสิ่งยืนหยัดในการวิพากษ์วิจารณ์ ด้วยสัจธรรมเพื่อนำพาสู่การเปลี่ยนแปลง เข้าถึงและรับรู้ความจริงของผู้ปกครองที่สะท้อนพฤติกรรมเลวมากที่สุดให้เห็น ซึ่งพิสูจน์ได้ชัดเจนด้วยประวัติศาสตร์ 90 ปีที่ยังไปไม่ถึงระบอบประชาธิปไตยที่เลวน้อยสุด
นายจตุพร กล่าวว่า พวกเราเป็นพวกหาลำบาก เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีอำนาจก็ไม่เอา แต่อนาคตทักษิณ ชินวัตร จะกลับมามีอำนาจอีกก็ไม่เอา คงเป็นพวกสวนกระแสการเมือง อย่างไรก็ตาม หากคิดทางผลประโยชน์แล้ว จัดเป็นคนโง่คนหนึ่ง เพราะยามใครมีอำนาจไม่ไปสอพลอเพื่อทำให้ชีวิตสบาย
อีกทั้งกล่าวว่า ในหลากหลายสถานการณ์ช่วง 10 กว่าปีมานั้น ตนค้นพบว่า ในยามที่มีปัญหามากที่สุด มรสุมมือเท้ามักแห่มารุมกระหน่ำ จึงต้องทำใจพร้อมรับผลตามมา อยากกระทืบก็เรียงหน้ามาทำให้สะใจให้หมดตามความต้องการ หลังจากนั้นตนจะซัดเอากลับคืนบ้าง
นายจตุพร กล่าวว่า การตัดสินใจอะไรสักอย่างหากไม่มีหลักแล้ว ก็เป็นเรื่องยากลำบากเหมือนต้องติดกับดักอยู่ตลอดเวล แล้วความรับผิดชอบก้ทำให้ไปไหนไม่ได้ ดังนั้น การฝ่าวงล้อมทางจิตใจออกมาได้จากเหตุการณ์ไม่คาดฝันมาก่อน จนมาถึงทางแยกต้องเลือก ดังนั้นตนพร้อมรับผลของการตัดสินใจไม่ว่าจะถูกเรียงหน้ารุมด้วยมือและเท้าก็ตาม
กรณีนายอรรถชัย อนันตเมฆ หรือ โด่ง สมาชิกพรรคเพื่อไทย ยกเรื่องการ์ดการชุมนุม พร้อมระบุถึงนายอารีย์ ไกรนรา แล้วโยงมาเป็นคนสนิทของตน เพื่อกล่าวหาว่ารับเงินแล้วจ่ายไม่ครบ นายจตุพร กล่าวว่า การชุมนุมทั้งปี 2553 และ 2557 ตนไม่เกี่ยวข้องเรื่องเงินเลย เพราะไม่ได้รับผิดชอบในส่วนนี้ดังนั้น การจ่ายเงินจ่ายทองจึงไม่รับรู้ ไม่ว่าเป็นเงินบริจาคหรือเงินมาจากทางอื่นใดก็ตามจะไม่เกี่ยวข้องด้วย ตนมีหน้าที่เพียงต่อสู้ทางการเมืองอย่างเดียวเท่านั้น
"ส่วนกรณีการ์ดเป็นความรับผิดชอบของอารีย์ ต้องไปว่ากันเอาเอง เขาจะมีนอกมีในอย่างไรหรือไม่ เป็นเรื่องที่เขาต้องออกมาแสดงตน หรือจะดำเนิคดีกับโด่งก็ว่ากันไป ซึ่งข้อกล่าวหาแบบนี้ ผมดำเนินคดีหมิ่นประมาทกับอดีตดาราที่กล่าวหาผมมาแล้ว จนศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกอดีตดาราคนนั้น 2 ปี แต่รอลงอาญา"
นายจตุพร กล่าวว่า เรื่องราวแบบนี้จะแห่มากล่าวหาตนอย่างมาก เพราะสังคมไทยเป็นการกล่าวหาโดยคนไม่เคยต่อสู้ ขี้ขลาด แต่เก่งหลังเหตุการณ์ปกติ และบ้านเมืองสงบทุกครั้ง พร้อมกับส่งเสียงดังเป็นปกติ แต่ช่วงสมรภูมิมักไม่เห็นตัวตนมาร่วมต่อสู้ด้วย
"ถ้าคิดจะทำมาหาประโยชน์ ผมต้องเข้าไปควบคุมในเรื่องเงินด้วย เพราะสามารถทำได้ แต่ผมปฏิเสธไม่ยุ่งเกี่ยวกับเงินเลย อย่าว่าแต่เงินบาทเลย เงินสตางค์ผมก็ไม่ขอยุ่งด้วย ดังนั้นจะพูดอะไรให้ไปศึกษาเรื่องราวก่อน อีกอย่างในสนามต่อสู้นั้น ผมไม่เห็นคุณจริงๆ แม้คุณอ้างว่าอยู่ข้างหลังผม และผมก็ไม่มีตาหลังด้วย ผมอับจนปัญญาจะเห็นคุณจริงๆ คุณมีความสามารถมาก ประเทศนี้ผมสู้ได้ทุกคน ยกเว้นคนหน้าด้าน"
นายจตุพร กล่าวถึงนายวีระ สมความคิด กับ นายเอกลักษณ์ อารีย์ชล ว่า ได้ทำในสิ่งที่ไม่ควรจะทำทั้งการกุข่าวที่ไม่ควรกุขึ้นในหลากหลายเรื่องราว ตนจึงอยากคุยด้วยในกรณีพาดพิงถึงตนไปห้ามนายไทกร พลสุวรรณ อย่านำเรื่องแรมโบ้-นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษานายกฯ ไปร้องเรียนกับคณะกรรมาธิการสภาฯ ชุด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย โดยอ้างว่า ตนบอกว่าแรมโบ้เป็นเพื่อนกัน
"กรณีนายเอกลักษณ์ ผมไม่รู้จัก แต่เขารู้จักกับไทกร และยังรู้จักกับวีระ มาก่อน เคยทำงานกันมาหลายเรื่อง แต่กรณีกับแรมโบ้นั้น เนื่องจากนายเอกลักษณ์ มาสถานีพีซแทบทุกวัน ผมไม่เคยคุยในเรื่องใดๆ ด้วย จนวันหนึ่งผมไม่รู้ว่า เขาไปทำอะไรกับแรมโบ้แล้วบอกว่าอยู่ที่พีซทีวี และแรมโบ้โทรมาถามว่า นายเอกลักษณ์ เป็นคนของพีซทีวีหรือไม่ ผมก็บอกความจริงว่า เขามากับไทกร ผมไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวเลย"
นายจตุพร เล่าว่า นายเอกลักษณ์กับแรมโบ้มีปัญหากันกรณีเดียวเท่านั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับเงิน แล้วแรมโบ้ก็ไปแจ้งความดำเนินคดี ซึ่ตนไม่รู้เรื่องอะไร ดังนั้นกรณีนายวีระกับนายเอกลักษณ์ พาดพิงตน ขอให้มาหาพร้อมพาสื่อมาที่พีซทีวีด้วยเพื่อจะได้คุยกัน และตนจะชี้แจงว่า ไม่เคยคุยและไม่เคยห้ามปรามในการร้องเรียนแรมโบ้เลย
"ผมอยากให้วีระ สมความคิด และลูกคู่ใช้ความกล้าเดียวกับที่ไปหาแรมโบ้เพื่อมาหาที่ออฟฟิคพีซทีวี ให้มาพร้อมสื่อมวลชน เพื่อจะได้อธิบายเรื่องกันหลายเรื่อง เพราะผมไม่เคยรู้ความเป็นมาใดๆ ทั้งสิ้น ผมไม่เกี่ยวกับมัน ไม่ไดขัดแย้งอะไรเลย ไม่รู้จักกันด้วย แต่คุณมานั่งล่อแรมโบ้ที่พีซทีวี แล้วผมจะรู้เรื่องด้วยหรือ พวกคุณพาดพิงถึงผม ดังนั้น ถ้าเกี่ยวข้องกับผมส่วนไหนก็จะดำเนินการทางกฎหมายส่วนนั้น ขอให้มาคุยกันที่ออฟฟิค เรื่องแค่นี้จะมาเล่นงานผมหรือ กระจอกไปหรือไม่"
นายจตุพร กล่าวการวิพากษ์วิจารณ์ที่ผ่านมาว่า สิ่งที่พูดกันนั้น ท้ายที่สุดอยู่ที่สัจธรรม ซึ่งจะนำพาสู่การเปลี่ยนแปลง และเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่จำเป็นต้องใช้คนจำนวนมาก แต่สัจธรรมจะทำให้คนจำนวนมากได้คิด ตรึงตรอง พิสูจน์ในสิ่งที่พูด แล้วเอาความจริงมาเป็นตัวกำหนด เพราะความจริงจะนำพาสู่ความเปลี่ยนแปลงมากมาย ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องมีคนมากมาประกาศสัจธรรม เนื่องจากสัจธรรมจะถูกค้นหาด้วยความจริงในสิ่งที่พูด
"เวลานี้ ไม่จำเป็นต้องมีประชาชนออกมาสู้เต็มถนน เพราะเป็นเวลาทำความเข้าใจ เป็นสงครามทางความคิด กระตุ้นสมองประชาชนให้ทำงานงานหาความจริงกันเอง ดังนั้น การรับฟังทุกฝ่ายแล้วตรึงตรองความจริง จะทำให้คนตาสว่าง”
นายจตุพร ย้ำว่า การวิพากษ์ในวันนี้ เน้นที่เป็นผลประโยชน์ของชาติ ดังนั้นจึงยึดประเทศไทยต้องมาก่อน อีกทั้งเป็นการพูดเพื่อดำรงความมุ่งหมายความแตกต่างระหว่างกันและกัน เพราะเราเชื่อว่า ความแตกต่างทำให้เกิดความสวยงาม และประชาธิปไตยที่เน้นความแตกต่างจึงเป็นสิ่งงดงาม
พร้อมกล่าวว่า แม้ความแตกต่างเป็นสิ่งสวยงามในสังคมประชาธิปไตยก็ตาม แต่คนเมื่อมีอำนาจกลับเห็นความแตกต่างเป็นศัตรู ไม่ใช่พวก เป็นคนทรยศ ทั้งที่จุดสูงที่งดงามของประชาธิปไตยคือความแตกต่าง ดังนั้น มายาคติทั้งหลาย ตนยังยืนยันว่า ตลอด 90 ปีที่ผ่านมาเราไม่เคยมีประชาธิปไตยที่แท้จริงเลย
“มีการบัญญัติว่า ระบอบปกครองแบบประชาธิปไตยเลวน้อยที่สุด แต่ระบอบที่ดีที่สุดและไม่อาจเดินทางไปถึงได้ คือ ธรรมาธิปไตย ขณะที่ระบอบเลวน้อยที่สุดเราก็ยังไปไม่ถึง ไม่เป็นความจริงตามความมุ่งหวัง เนื่องจากพฤติกรรมผู้แสดงสะท้อนความเลวมากให้เห็นในที่สุด ดังนั้นเพื่อการเปลี่ยนแปลง เราจึงหวังไปถึงประชาธิปไตยที่ปกครองด้วยความเลวน้อยที่สุดให้บังเกิดเป็นจริง เราจึงวิพากศ์วิจารณาผู้ปกครองที่มีพฤติกรรมเลวมากให้ประชาชนได้ไปค้นหาความจริงที่เป็นสัจธรรม.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'แรมโบ้' ฟาด 'สมศักดิ์-สุริยะ' บิดเบือน เตือนพฤติกรรมแบบนี้ประชาชนรับไม่ได้
'แรมโบ้' ฟาด 'สมศักดิ์-สุริยะ' บิดเบือนข้อเท็จจริง พอย้ายกลับคอกโทนี่ พฤติกรรมก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทั้งที่เคยเป็นรมต.ร่วมรัฐบาลบิ๊กตู่มา 4 ปี แต่ปัดความรับผิดชอบ โจมตีรัฐบาลบริหารบ้านเมืองล้มเหลว เตือนพฤติกรรมแบบนี้ ประชาชนรับไม่ได้
'จตุพร' ชำแหละ 'เศรษฐา' สปีซแอบซ่อน!
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "ประชาชนอยู่ตรงไหน?" โดยถามนายเศรษฐา ทวีสิน ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทยว่า คนไทยยากจน ทั้งชีวิตได้แต่เสาะแสวงหาความสุขและการอยู่รอด ดังนั้น ประชาชนผู้ทุกข์ยาก มากความเดือดร้อนอยู่ตรงไหนในหัวใจว่าที่ผู้นำที่จะมาเป็นผู้ปกครองมือใหม่ ผู้ยังไม่ปรากฎความเสียสละแก่สังคม
'แรมโบ้' ซัด ส.ส.ก้าวไกล หุบปากได้แล้ว คนรู้กันทั่ว ป้า 3 นิ้วป่วนนายกฯ เป็นติ่งธนาธร
นายเสกสก อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ และนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล ออกอาการหนักหลังจากที่ตนเองออกมาปูดเรื่องนางวันทนา โอทอง หรือ “ป้านา บ้านโป่ง” มีความเชื่อมโยงกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า
'แรมโบ้' ท้า 'ชลน่าน' ลาออกทุกตำแหน่งหรือไม่ หากเป้าเพื่อไทย 'แลนด์สไลด์' ล้มเหลว
'แรมโบ้' จับอาการพรรคเพื่อไทย ลุกลี้ลุกลน ขาดความมั่นใจ จนใช้วิธีชี้นำปั่นกระแสจะกวาดส.ส.มากขึ้นมากขึ้นทุกวัน แขวะพอถึงวันเลือกตั้งคงทะลุ 500 ที่นั่งกระมัง ยกบทเรียน 'อภิสิทธิ์' เตือน 'ชลน่าน' ระวังเจอดาบสองคม เป้าหมายล้มเหลวจะรับผิดชอบอย่างไร ลาออกจากหัวหน้าพรรคและทุกตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่
เพื่อไทยอำมหิต! ตัดพี่ตัดน้องจะกวาดสส. 310 ที่นั่ง 'ก้าวไกล-ไทยสร้างไทย' เป็น 0
'จตุพร' อัดเพื่อไทย สุดอำมหิต ประกาศตัดพี่ตัดน้องกวาด 310 ที่นั่ง เท่ากับ 'ก้าวไกล-ไทยสร้างไทย-เสรีรวมไทย' ไม่ได้ ส.ส.เข้าสภาสักที่นั่งเดียว เพราะพฤติกรรมการเลือกตั้ง จะไม่เหวี่ยงข้ามไปเลือกอีกขั้ว พร้อมถามย้ำแล้วอีก 66 เสียงเอามาจากไหนถึงจะตั้งรัฐบาลได้?
'แรมโบ้' ยก 'ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์' บทเรียนสอนใจ 'เศรษฐา'
'แรมโบ้' ตอกกลับ 'เศรษฐา' ไปกินข้าว รับฟังความเห็นชาวนา จริงใจหรือประโยชน์การเมืองกันแน่ ย้ำนโยบายช่วยชาวนาของรัฐบาล มุ่งสร้างความเข้มแข็ง เพิ่มผลผลิตสร้างรายได้เพิ่ม ตามโครงการข้าวรักษ์โลก BCG ให้กับชาวนา ไม่เหมือนนโยบายโกงจำนำข้าวที่ทำชาวนาจนผูกคอตายไปหลายราย เตือนนักธุรกิจที่เคยค้าความร่ำรวยจากประชาชน เข้ามาบริหารประเทศ ให้ดูชะตากรรมนายทักษิณ ยิ่งลักษณ์เป็นบทเรียนสอนใจ