'จตุพร' ฉะสำนักข่าวธิดา-เหวง เสนอข่าวเยี่ยงโจร ปากอ้างปชต.แต่บิดเบือนเล่นงานให้เสียหาย

จตุพร6 ก.พ.2566 - ​นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน เมื่อ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา ตำหนิพฤติกรรมเสนอข่าวของสำนักข่าว ยูดีดีนิวส์ ซึ่งมีนางธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตประธานปช. ภรรยานพ.เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำนปช. เป็นเจ้าของ ว่า ปากอ้างประชาธิปไตย แต่ใช้วิธีการเยี่ยงโจร ทำไอโอสามานย์นำเสนอความเท็จ บิดเบือนให้เสียหาย

ทั้งนี้ พฤติกรรมดังกล่าวที่นายจตุพร ตำหนินั้น เนื่องมาจาก หน้าเพจ ยูดีดีนิวส์ เมื่อ 5 ก.พ. 2566 โพสต์ข้อความลอยๆ เชิงเป็นพาดหัวข่าวนำว่า "วีระ สมความคิด เผย จตุพร ต่อสายแรมโบ้ ช่วยเคลียร์กรณีวิ่งเต้นโครงการรัฐ 600 ล้าน" โดยไม่มีเนื้อหาให้ติดตามรายละเอียด แต่เมื่อเวลาเกือบ 16.00 น.มีผู้อ่านกดสัญลักษณ์ความรู้สึก "ถูกใจและหัวเราะ" รวม 322 วิว พร้อมแสดงความคิดเห็น 41 ข้อความและแชร์อีก 16 ราย

อย่างไรก็ตาม เพจยูดีดีนิวส์ เมื่อ 4 ก.พ. 2566 ได้เสนอเนื้อหาข่าวดังกล่าวโดยพาดหัวข่าวนำในทำนองไม่แตกต่างกันว่า ‘วีระ’ เผย ‘จตุพร’ ต่อสาย ‘แรมโบ้’ ช่วยเคลียร์ กรณีหลอกวิ่งเต้นโครงการรัฐ 600 ล." ทั้งที่ข่าวนี้เกิดขึ้นเมื่อ 3 ก.พ. แต่ยูดีดีนิวส์ อ้างเครดิตข่าวจาก "คลิปมติชนทีวี" ซึ่งเป็นการสัมภาษณ์นายวีระ แต่มติชนพาดนำคลิปข่าวว่า “วีระ”พาผู้ร้องเรียนยื่นหลักฐานให้ “ประยุทธ์”หลังถูก“แรมโบ้”โกงการประกวดราคาโครงการรัฐ"

เมื่อไล่เรียงที่มาวาระข่าวและเนื้อหา พร้อมการพาดหัวข่าวนำจากต้นคลิปมติชนทีวี ซึ่งไม่มีการระบุถึงนายจตุพร เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ยูดีดีนิวส์ นำเสนอข่าวเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2566 อย่างละเอียด สิ่งสำคัญไม่นำการปฏิเสธของนายจตุพร ในวันเดียวกันนั้นมานำเสนอให้รอบด้านของการสื่อสาร เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดของผู้รับสารด้วย

แต่แล้ว ยูดีดีนิวส์ ยิ่งทำซ้ำแบบสามานย์ โดยนำพาดหัวข่าว "วีระ สมความคิด เผย จตุพร ต่อสายแรมโบ้ ช่วยเคลียร์กรณีวิ่งเต้นโครงการรัฐ 600 ล้าน" มานำเสนอโดดๆ ไม่มีรายละเอียดเนื้อหา ย่อมแสดงถึงการตอกย้ำเพื่อสื่อสารพาดพิงนายจตุพร ให้เกิดความเสียหาย ซึ่งมีพฤติกรรมราวกับเป็นหน่วยปฏิบัติการข่าวโฆษณาชวนเชื่อ หรือเรียกว่า "ไอโอ."

"ไหนละโผล่หน้ามาเลย อย่าแค่ตัวหนังสือ คุณเป็นเจ้าของเขาก็รู้กันอยู่ คนที่บอกว่าเป็นเสื้อแดง ใช้วิธีการโจรแบบนี้ได้อย่างไง ไหนว่าเสื้อแดงนักประชาธิปไตยนักหนา ที่ประกาศว่าคุณเป็นเสื้อแดงเหนือผมทุกอย่าง แต่นี้วิธีการโจร มันโจรปล้นโจรกัน" นายจตุพร กล่าว

พร้อมระบุว่า ตนรู้สำนักข่าวยูดีดีนิวส์ จะเริ่มต้นปฎิบัติการไอโอเต็มรู้แบบ แต่เรื่องนี้มันกระจอก เพราะอยู่ดีๆ ยูดีดีนิวส์ ไม่เคยลงข่าวซึ่งกันและกันเลย ต่างคนต่างอยู่ กรณีข่าวนายวีระ คุณก็ไม่แก้ให้ แล้วมาขึ้นความแบบนี้ว่า "วีระ สมความคิด เผย จตุพร ต่อสายแรมโบ้ ช่วยเคลียร์กรณีวิ่งเต้นโครงการรัฐ 600 ล้าน" (โชว์ข้อความยาวเรียง 3 บันทัดผ่านมือถือ) ซึ่งโครงการแบบนี้จะจริงหรือไม่จริง ตนไม่รู้เรื่องเลย

"ยูดีดีนิวส์ เอาเรื่องนี้ขึ้นมา ผมจึงรู้ว่ามีงาน หรือไม่มีงานนะ หรือจะทำหน้าที่ตรวจสอบการเลือกตั้ง ก็ขอให้สมความปรารถนา ก็รู้จักกันทั้งนั้น กระจอก ถ้าไม่รู้จักกันก็ว่ากันไปอย่าง พยายามไม่พูดถึงกันอยู่แล้ว เรียงมาเลย แต่เอาเรื่องเท็จ เรื่องสามานท์มาใช้ได้อย่างไร”

นายจตุพร กล่าวว่า ที่ผ่านมาตรออกมาวิพากษ์ทักษิณ ชินวัตร เพราะมาจากทักษิณ กล่าวดูถูกเหยียดหยามก่อน ตนจึงหมดความอดทน แต่ถูกกลไกฝ่ายทักษิณตอบโต้ผ่านช่องทาง “สุนัยทีวี” ของนายสุนัย จุลพงศธร ที่ตกใจทหารปราบเสื้อแดง จึงลี้ภัยการเมืองไปอยู่สหรัฐจนถึงปัจจุบัน

อีกทั้ง ระบุว่า กลไกสุนัยทีวีนั้น นำเสนอเนื้อข่าวโจมตีสถาบันกษัตริย์มาต่อเนื่อง และพ่วงการบิดเบือนข้อเท็จจริงมาโจมตีตนด้วย ขณะเดียวกันก็ยกยอทักษิณ ถึงกับเรียก “เจ้านาย” อีกทั้งนายโด่ง-อรรถชัย อนันตเมฆ อดีตดารา สังกัดพรรคเพื่อไทย ซึ่งไม่ได้อยู่หัวแถวของการต่อสู้ใดๆ ทั้งสิ้น ก็มาเป็นกระบอกเสียงให้ทักษิณและเพื่อไทย ส่วนพวกที่รู้ความจริง กลับปิดปากเงียบไม่ออกมาตอบโต้ ปล่อยให้คนไม่ไม่รู้จริงมารับงานทำหน้าที่แทน

นายจตุพร กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีกองทัพไอโอปฏิบัติการในสื่อโซเชียล ทำหน้าที่ตอบโต้ตน ทั้งด่า ทำลายให้เสียหายย่อยยับ โดยไม่ตรงกับเนื้อหาที่ตนวิพากษ์วิจารณ์เลย และขบวนการไอโอพวกนี้ยังไปกดดันสื่อต่างๆ ไม่ให้นำเสนอข่าวตนวิพากษ์ทักษิณด้วย จนกระทั่งวันนี้ สำนักข่าวยูดีดีนิวส์- ซึ่งตนกับเขาต่างคนต่างอยู่กัน แยกย้ายกันสมบูรณ์ไป และใครเป็นเจ้าของยูดีดีนิวส์ ก็รู้กันทั้งนั้น ซึ่งตนไม่เชื่อว่าจะทำไปได้ถึงขนาดนี้

"การจะกล่าวหาคนอื่นนั้น คุณควรจะกล่าวหาด้วยความเป็นจริงในฐานะที่รู้จักกันมาก่อน เมื่อวานนี้ (4 ก.พ.) ไม่ได้ฟังผมพูดหรือ? ซึ่งผมได้ชี้แจงไปแล้ว ดังนั้น ผมจะเตือนผู้คนที่อยู่ด้วยกันว่า เรามีหน้าที่ต่อสู้ทางการเมือง เป็นเรื่องความคิด เป็นเรื่องชาติบ้านเมือง แต่ไม่ควรจะทำอยู่เรื่องหนึ่งคือ การตบทรัพย์คนอื่น แบล็กเมล์คน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ตาม นี่เป็นสิ่งที่ห้าม แต่ความสัมพันธ์ส่วนตัวเป็นเรื่องปกติ" นายจตุพร กล่าว

พร้อมเล่าว่า ตอนแม่แรมโบ้เสียชีวิต ทั้ง นปช.และคนที่อยู่ในพรรคเพื่อไทยไปงานศพกันหมด แม้วันนั้นแรมโบ้ไปอยู่พรรคพลังประชารัฐแล้ว แต่ทุกคนที่ไปงานก็แยกแยะได้ระหว่างความตายของแม่กับความเชื่อทางการเมืองของแรมโบ้เป็นคนละเรื่องกัน ซึ่งเราไม่เห็นด้วยกับแรมโบ้ในความเชื่อทางการเมือง

อีกทั้ง กล่าวว่า ตนปฎิเสธไม่ได้ว่า ได้รู้จักแรมโบ้มาตั้งแต่อยู่ ม.รามคำแหง กระทั่งพรรคไทยรักไทย และเสื้อแดง แล้วจุดแยกเมื่อแรมโบ้ไปพลังประชารัฐแต่ตนไม่ไป ซึ่งเป็นการตัดสินใจของแรมโบ้ ในการทำหน้าที่ตนวิพากษ์แรมโบ้หนักมากถึงแก่นตัวตนแรมโบ้เลยว่า อยู่ที่ไหนหัวหน้าตาย (ทางการเมือง) หมด

"ทักษิณตั้งแรมโบ้เป็นเลขาส่วนตัวของนายกฯทักษิณ ถัดมาเป็นรองเลขาธิการนายกฯ ยิ่งลักษณ์ แล้วมาผู้ช่วย รมต.ของ พล.อ.ประยุทธ์ และขณะนี้เป็นที่ปรึกษานายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเรียงตามลำดับ แสดงว่า เป็นคนสำคัญใกล้ชิดทั้งทักษิณ ยิ่งลักษณ์ และพล.อ.ประยุทธ์ ส่วนผมเป็นคนนอก"

นายจตุพร กล่าวถึงกรณีการสัมภาษณ์ของนายวีระว่า เรื่องที่เกิดขึ้น แม้เจ้าของ ยูดีดีนิวส์ ความจริงนับถือกันอยู่ แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว แต่ไม่มีปัญหาอะไร โดยกรณีนายวีระกับนายเอกลักษณ์ วารีย์ชล ซึ่งคนๆนี้ ควรเปิดหน้าจะได้เรียกโจทก์ในเรื่องราวต่างๆ ได้รู้ว่า ใครเป็นใคร

รวมทั้ง ย้ำกรณีถูกนายวีระกับนายเอกลักษณ์พาดพิงว่า ตนไม่เคยรู้จักนายเอกลักษณ์ มาก่อนทั้งส่วนตัวหรือใดๆทั้งสิ้น นายเอกลักษณ์รู้จักกับ “ไทกร พลสุวรรณ” เขามาหากันที่ออฟฟิคพีซทีวี ไม่เกี่ยวกับตน เมื่อเจอหน้ากัน เขายกมือไหว้ก็รับไหว้ แต่ไม่เคยคุยอะไรกันเลย

สิ่งสำคัญ นายเอกลักษณ์ นั่งอยู่พีซทีวีโทรเจรจาปัญหากับแรมโบ้ ซึ่งตนไม่เคยรู้เรื่องว่า เขาทำอะไร มีอาชีพอะไร ตนกลับมาตอนเย็นเข้าออฟฟิคพีซทีวีแรมโบ้โทรมาหาตน ถามเรื่องนายเอกลักษณ์ ซึ่งตนบอกไม่รู้จัก เรื่องราวเป็นเช่นนี้ ไม่เกี่ยวกับอะไรกับตนเลย

"แต่นายวีระ เอามาพูดในลักษณะที่ไม่ดี เอามาลงข่าวแบบนี้ ความจริงผมบอกว่า ไม่ได้โทรหาแรมโบ้ แต่แรมโบ้โทรมาหาผม เพราะไอ้นี้ (เอกลักษณ์) นั่งอยู่ที่พีซทีวี ถ้ามันไปนั่งที่อื่น มัน (แรมโบ้) จะโทรหาผมทำไม เรื่องแบบนี้มันก็อายนะสิ ผมไม่เกี่ยวเลย ซวยจริงๆ พอเขาเคลียร์กันได้เรื่องมันก็จบ ไม่เกี่ยวกับผมอีก"

ส่วนกรณีพาดพิงว่า ห้ามไทกร ไม่ให้ไปยุ่งกับคณะกรรมาธิการสภาฯ ชุด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวสนั้น นายจตุพร กล่าวว่า นายวีระและนายเอกลักษณ์ ก็นำเรื่องไปยื่นเองก็ได้ และไทกร ก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับตน และตนไม่เคยห้ามปรามใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ตนมักคุยกับผู้ทำงานเสมอว่า นั่งทำงานการเมืองต้องไม่มีพฤติกรรมที่จะตบทรัพย์ใคร

นายจตุพร กล่าวถึงการท้านายวีระว่า ตอนที่มาทำไทยไม่ทนที่พีซทีวีหลายเดือนนั้น คนในฝั่งเสื้อเหลืองระดับผู้อาวุโสเตือนให้ระวังให้ดี ว่า มันกินมังสวิรัตินะ ซึ่งตนไม่น่าเชื่อ แต่ผู้ใหญ่เห็นมาก่อน รู้มาก่อน จึงเตือนให้ระวังไว้ ตนจึงอยากจะฟังจึงนัดให้มาคุยกันที่พีซทีวีมีคำถามจะถามถึงความจริงอีกหลายเรื่อง

“มีความจริงกับการกินมังสวิรัติอีกมาก ผมรู้มาครบหมดจึงต้องการถามต่อหน้าสื่อ และจะถามเรื่องนายเอกลักษณ์ ซึ่งเข้าสนิทกันมาก่อนด้วยว่า ปัญหาเกี่ยวกับแรมโบ้มันเป็นอย่างไร ผมไม่เกี่ยวด้วย ไม่รู้เรื่องใดๆ เลย เพิ่งรู้เมื่อแรมโบ้ออกมาโต้ว่า เป็นคดีฟ้องกันในศาลแล้ว ต้องไปว่ากันที่ศาล” นายจตุพร กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'สุวัจน์' หวนคืนชื่อเดิม 'พรรคชาติพัฒนา' แต่งตั้ง สส.แจ้ เป็นรองหัวหน้าพรรค

พรรคชาติพัฒนากล้า เปิดการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2567 นำโดยนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า , นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ,

'ชัยเกษม' ออกตัวไม่เกี่ยวปรับครม. ผู้บริหารพรรคจะใช้ให้ทำอะไรก็ได้ สบายๆ

นายชัยเกษม นิติสิริ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย เดินทางมาไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่ ศาลตา ศาลยาย โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า การเดินทางมาไหว้วันนี้เกี่ยวอะไรกับการปรับ ครม.หรือไม่

ไทยในสายตาต่างชาติ: สมัยรัชกาลที่เจ็ด (ตอนที่ 20: การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ในสายตาผู้ช่วยทูตทหารฝรั่งเศส)

(ต่อจากตอนที่แล้ว) ในรายงานลงวันที่ 24 กันยายน 1932 (พ.ศ. 2475) ของพันโท อองรี รูซ์ ผู้ช่วยทูตทหารบกและทหารเรือประจำสยาม ประจำสถานอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำสยาม มีความว่า

'เผ่าภูมิ' ปัดนายกฯ ส่งสัญญาณนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวได้เดินทางมารับเอกสารกรอกแบบฟอร์มตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรี เรียบร้อยแล้ว ว่า ตนไม่ให้คอมเมนท์ ยืนยันว่าขณะ

อดีตบิ๊กข่าวกรองเตือนสติ! อย่าหลับตาพูดลืมตาดูสถานการณ์โลกด้วย

นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ