'วิโรจน์' ชำแหละการสมคบคิดเปลี่ยนวิธีการเลือกปธ.กมธ.แบบอัปยศ เย้ยกลัวก.ก.จนตัวสั่น

'วิโรจน์' ชำแหละการสมคบคิดเปลี่ยนวิธีการเลือกประธานกมธ.ให้เป็นการจับฉลากแบบอัปยศ สะท้อนถึงความกลัวก้าวไกลตรวจสอบจนตัวสั่น แถมลักไก่โควต้าการปรึกษาหารือแบบหน้าด้านๆ ประชดถ้ารบ.ยังยืนกรานก็ไม่ต้องตั้่งปธ.

6 ก.ย.2566 - นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กถึงการแบ่งตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการ มีเนื้อหาดังนี้

[ กลัวก้าวไกลตรวจสอบจนตัวสั่น ถึงกับสมคบคิด ใช้วิธีจับฉลากอัปยศ เพื่อตั้งประธานคณะกรรมาธิการ แถมยังไร้ยางอายคิดลักไก่โควต้าการปรึกษาหารือแบบหน้าด้านๆ ]
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
จำนวนตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการ ที่แต่ละพรรคได้ จะเป็นไปตามสัดส่วนของจำนวน สส. ถ้าเรียงตามลำดับ คือ ก้าวไกล 10 เพื่อไทย 10 ภูมิใจไทย 5 พลังประชารัฐ 3 รวมไทยสร้างชาติ 3 ประชาธิปัตย์ 2 ชาติไทยพัฒนา 1 ประชาชาติ 1 (ถ้าการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.ระยอง หากก้าวไกลชนะ จะได้เพิ่มขึ้น 1 ที่นั่งเป็น 11 ในขณะที่รวมไทยสร้างชาติจะได้ลดลง 1 ที่นั่ง เหลือ 2)
.
สภาผู้แทนราษฎรชุดก่อนเมื่อปี 2562 ได้กำหนดวิธีการเลือกประธาน กมธ. ให้ใช้วิธี "การวนกันเลือก หรือการดราฟท์" โเยให้พรรคที่มีจำนวน สส. มากกว่าได้เลือกก่อน ซึ่งทุกพรรค ณ ขณะนั้น ก็เห็นพ้องต้องกัน และไม่มีพรรคไหนมีปัญหา
.
สมมติว่าถ้าพรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.ระยอง พรรคก้าวไกลก็จะได้โควต้าประธาน กมธ. 11 คณะ ซึ่งจะวนกันเลือกทั้งสิ้น 11 รอบ ตามแผนผัง ดังต่อไปนี้
.
กก. O O O O O O O O O O O
พท. O O O O O O O O O O
ภท. O O O O O
พปชร. O O O
รทสช. O O
ปชป. O O
ชทพ. O
ปชช. O
.
รอบที่ 1 พรรคก้าวไกลเป็นพรรคเดียวที่ได้เลือก
รอบที่ 2-6 ก้าวไกล -> เพื่อไทย วนสลับกันเลือก
รอบที่ 7-8 ก้าวไกล -> เพื่อไทย -> ภูมิใจไทย วนสลับกันเลือก
รอบที่ 9 ก้าวไกล -> เพื่อไทย -> ภูมิใจไทย -> พปชร.
รอบที่ 10 ก้าวไกล -> เพื่อไทย -> ภูมิใจไทย -> พปชร. -> รทสช. -> ปชป.
รอบที่ 11 ก้าวไกล -> เพื่อไทย -> ภูมิใจไทย -> พปชร. -> รทสช. -> ปชป. -> ชทพ. -> ปชช.
.
แต่อยู่ดีๆ ก็มีการสมคบคิดกัน เพื่อจะเปลี่ยนวิธีการเลือกประธาน กมธ. ให้เป็นการจับฉลากแบบอัปยศ การจับฉลากที่ว่าไม่ใช่เอา กมธ. ทั้ง 35 คณะ ไปใส่ในขวดโหลแล้ววนกันจับนะครับ แต่เป็นการจับฉลากว่าใครจะได้เลือกประธาน กมธ. ก่อน สมมติว่าพรรคก้าวไกลจับได้ "เบอร์ 8" ก็แปลว่า จะได้เลือก กมธ. เป็นลำดับที่ 8
.
สมมติว่า ภูมิใจไทยจับได้ 1 พปชร. 2 รทสช. 3 เพื่อไทย 4 ปชป. 5 ชทพ. 6 ปชช. 7 และก้าวไกล 8 แผนผังการเลือกประธาน กมธ. จะเป็นแบบนี้ครับ
.
ภท. X X X X X
พปชร. X X X
รทสช. X X
พท. X X X X X X X X X X X
ปชป. X X
ชทพ. X
ปชช. X
กก. X X X X X X X X X X X
.
รอบที่ 1 ภูมิใจไทย -> พปชร. -> รทสช. -> พท. - ปชป. -> ชทพ. -> ปชช. -> กก.
รอบที่ 2 ภูมิใจไทย -> พปชร. -> รทสช. -> พท. -> ปชป. -> กก.
รอบที่ 3 ภูมิใจไทย -> พปชร. -> พท. -> กก.
รอบที่ 4-5 ภูมิใจไทย -> พท. -> กก.
รอบที่ 6-11 พท. -> กก.
.
การจับฉลากอัปยศแบบนี้ สะท้อนถึงความกลัวที่มีต่อพรรคก้าวไกลอย่างมาก โดยฝ่ายรัฐบาลพยายามที่จะใช้เล่ห์เพทุบายที่ไร้ศักดิ์ศรี เพื่อให้พรรคก้าวไกล ที่มีจำนวน สส. มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ได้ตำแหน่งประธาน กมธ. คณะที่เหลือเลือก เพื่อลดทอนประสิทธิภาพในการตรวจสอบของพรรคก้าวไกล
.
โดยตอนนี้พรรคร่วมรัฐบาล พยายามที่จะสมคบคิดกัน เพื่อแย่งตำแหน่งประธานติดตามตรวจสอบงบประมาณ และประธาน ป.ป.ช. ไปจากพรรคก้าวไกล และพยายามที่จะทำให้ฝ่ายของตน พรรคไหนได้เก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงไหน ก็จะหาทางฮั้วกัน เอาตำแหน่งประธาน กมธ. ที่ตัวเองจับได้ มาสับเปลี่ยนแลกกัน เพื่อให้ สส. ของตัวเองได้นั่งตำแหน่งประธาน กมธ. ที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันการตรวจสอบ เช่น ถ้าพรรคไหนได้เก้าอี้ รมว.มหาดไทย รมว.แรงงาน ก็จะส่ง สส. ของพรรคของตัวเองไปนั่งเป็นประธาน กมธ.ปกครอง และ กมธ.แรงงาน เป็นต้น
.
เข้าใจว่ามีการวางอุบายเอาไว้ว่า ในท้ายที่สุดจะมีการเสนอเท่ๆ ให้ จับฉลากกันแบบตรงๆ โดยเอา กมธ. ทั้ง 35 คณะใส่ไว้ในโหล แล้ววนสลับกันจับ แบบนี้ดูเหมือนจะแฟร์ แต่จริงๆ แล้วเป็นเพียงการเล่นละครตบตา หลอกประชาชน เพราะเท่ากับว่า พรรคก้าวไกลจะสุ่มจับได้เพียง 11 ครั้ง ในขณะที่ฝ่ายรัฐบาลทุกพรรครวมกันจับได้ถึง 24 ครั้ง พรรคไหน จับได้ กมธ. อะไรไม่สำคัญ เพราะฮั้วกันไว้แล้วว่า จะเอาไปแลกกัน เพื่อให้แต่ละพรรคได้ประธาน กมธ. ที่ตรงกับเก้าอี้รัฐมนตรี เพื่อปิดช่องทางการตรวจสอบให้ได้มากที่สุด เลิกคิดที่จะทำอะไรที่น่ารังเกียจแบบนี้เถอะ ทำไมผมจะอ่านวิธีการถ่อยๆ แบบนี้ไม่ออก
.
นอกจากตำแหน่ง ประธาน กมธ. ที่พยายามที่จะใช้วิธีอัปยศสิ้นคิด ในการป้องกันการตรวจสอบรัฐบาลแล้ว ยังมีความพยายามที่จะลักไก่ยึดโควต้าการปรึกษาหารือก่อนเข้าวาระการประชุมไปจากฝ่ายค้าน แบบหน้าด้านๆ อีกด้วย
.
โดยสภาชุดที่แล้ว ประธานสภาฯ จะเปิดโอกาสให้ สส. นำเอาปัญหาของประชาชนในพื้นที่มาปรึกษาหารือก่อนเข้าวาระการประชุมวันละ 30 คน เพื่อสภาฯ จะได้ทำหนังสือสอบถามไปยังหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง โดยแบ่งเป็นฝ่ายรัฐบาล 15 คน และฝ่ายค้าน 15 คน จากนั้นจึงให้แต่ละฝ่ายไปจัดสรรโควต้าให้กับพรรคต่างๆ ในฝ่ายของตนตามจำนวน สส. ซึ่งในกรณีนี้พรรคก้าวไกล จะได้โควต้าการปรึกษาหารือวันละ = (151/186)x15 = 12 คน การจัดสรรแบบนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ สส. ฝ่ายค้านมีโควต้าการปรึกษาหารือมากกว่า สส. ฝ่ายรัฐบาล เนื่องจาก สส. ฝ่ายรัฐบาลสามารถที่จะพูดคุยกับรัฐมนตรีได้โดยตรงอยู่แล้ว สส. ฝ่ายค้าน จึงมีความจำเป็นในการปรึกษาหารือมากกว่า
.
และตอนที่ 8 พรรคร่วมยังอยู่ในช่วงกำลังจัดตั้งรัฐบาล โควต้าการปรึกษาหารือ ที่แบ่งให้กับ 8 พรรคร่วม ก็เป็นไปตามหลักการนี้ พรรคก้าวไกล ซึ่งตอนนั้นเสมือนว่าเป็นฝ่ายรัฐบาล ก็ได้โควต้าการปรึกษาหารือน้อยกว่าพรรคที่อยู่ในฝ่ายสองลุง ซึ่งพรรคก้าวไกล ก็เคารพในหลักการนี้ และไม่มีข้อโต้แย้งอะไร
.
แต่อยู่ดีๆ ก็มีความพยายามหน้าด้านๆ ที่จะขอให้มีการจัดสรรโควต้าการปรึกษาหารือ ให้เป็นไปตามจำนวน สส. ของแต่ละพรรค เพื่อลดโควต้าการปรึกษาหารือของพรรคก้าวไกลลง โดยถ้าใช้สูตรอัปยศนี้ จากวันละ 12 คน พรรคก้าวไกลจะเหลือโควต้าการปรึกษาหารือ เพียงวันละ = (151/500)x30 = 9 คนเท่านั้น
.
ทั้งหมดนี้ คือ ความอัปยศ ที่ไร้ศักดิ์ศรีของรัฐบาล ที่กลัวการตรวจสอบของพรรคก้าวไกลจนตัวสั่น ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า เป็นเพราะรัฐบาลชุดนี้กำลังวางแผนเข้าไปกิน เข้าไปโกงใช่หรือไม่ จึงต้องเป็นหมาหมู่ รุมขัดขวางการทำงานของพรรคก้าวไกลถึงเพียงนี้
.
ไม่ว่าจะเจอกับวิชามารอะไรก็ตาม ผมขอยืนยันว่า ทั้งการเลือกประธาน กมธ. และโควต้าการปรึกษาหารือ จะต้องเป็นไปตามหลักการเดิมของสภาชุดที่แล้ว
ซึ่งเป็นระบบที่ทุกพรรค ณ ขณะนั้น ไม่มีปัญหา เพื่อให้สภาสามารถตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลได้ตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่มากำหนดสูตรใหม่ที่จ้องจะรวมหัวกันโกงอย่างไร้ยางอาย แบบที่ฝ่ายรัฐบาลกำลังรวมหัวกันทำอยู่ในขณะนี้
.
ปล่อยไม่ได้ ถอยไม่ได้ ยอมไม่ได้ ถ้ารัฐบาลยังไร้สำนึก ยืนกรานจะรวมหัวกันใช้วิธีอัปยศ ก็ไม่ต้องตั้งประธาน กมธ. ปล่อยเอาไว้อย่างนี้แหละครับ

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แฟนตัวยง! ‘เทพไท’ ส่งจม.เปิดผนึก แนะ ’ก้าวไกล’ เป็นขั้วการเมือง อย่ารอฮั้วระบอบทักษิณ

พรรคก้าวไกลจะต้องเตรียมพร้อมทางการเมืองอยู่ตลอดเวลา คัดตัวสรรหาคนผู้เหมาะสมลงแข่งขันในนามพรรคทุกสนาม

'ชัยธวัช' โทษการไม่ให้สิทธิประกันตัว 'บุ้ง' ต้นเหตุอดอาหารตาย ปัด 'ก้าวไกล' อยู่เบื้องหลัง

'ชัยธวัช' ชวนสังคมมองต้นเหตุของโศกนาฏกรรม ‘บุ้ง ทะลุวัง‘ คือการไม่ให้สิทธิประกันตัว ยัน 'ก้าวไกล' ไม่ได้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหว

'เด็กก้าวไกล' จี้รัฐบาลเร่งดันร่างกฏหมาย PRTR

'ชุติพงศ์' จี้รัฐบาล เร่งดันร่างกฏหมาย PRTR หลังเกิดเพลิงไหม้-สารรั่วไหลทั่วประเทศเกือบ 10 ครั้ง เผยโรงงานระยองไฟปะทุ ก่อควันพิษกระทบสุขภาพ ปชช.-โรงเรียนในพื้นที่เปิดไม่ได้