'เด็จพี่' บุก กกต. จี้สอบ 'สมชัย' โดนคำสั่ง คสช. ขาดคุณสมบัติลงสมัคร สส. ยันไม่ใช่การปิดปาก แขวะเร่ร่อนไร้จุดยืน
21 ก.ย.2566 - ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือต่อประธาน กกต. เพื่อขอให้มีการตรวจสอบนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.เนื่องจากทราบความปรากฏว่า นายสมชัยถูกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 4/2561 วันที่ 20 มี.ค. 2561 ให้พ้นจากตำแหน่ง กกต. เพราะมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทำให้มีผลเสียต่อการทำหน้าที่ กกต.และ เป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนเพราะเป็น กกต.แต่ไปลงสมัครเลขาฯ กกต. โดยไม่ลาออก ทำให้ คสช.มีคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง
นายพร้อมพงษ์ กล่าวว่า เมื่อความปรากฏอย่างนี้จึงนำเรื่องนี้มาตรวจสอบ ก็พบว่าเมื่อพ้นจากตำแหน่งเมื่อปี 2561 แล้วปี 2562 ก็ไปสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และลงเลือกตั้ง สส.เขต สมุทรสาคร แต่แพ้เลือกตั้ง ต่อมาในปะ 2566 ก็มาสังกัดพรรคแสรีรวมไทย (สร.) ลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 6 ดังนั้นเข้าข่ายว่าคนที่พ้นจากตำแหน่งตามคำสั่ง คสช. แล้วยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ เช่น การร้องทุกข์ หรือมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงอะไร ซึ่งคำสั่ง คสช.นั้นถือว่าเทียบเท่าพระราชบัญญัติ เพราะฉะนั้นมองว่านายสมชัยจึงไม่น่าจะสามารถไปสมัครได้
“รู้อยู่แล้ว เป็น กกต. ตรวจสอบคุณสมบัติคนอื่น ผมมองว่านี่จะตายน้ำตื้นหรือปเปล่า หมองูตายเพราะงูหรือเปล่า เพราะมาตรา 98 (8) ของรัฐธรรมนูญ ห้ามบุคคลที่ถูกพ้นราชการ หรือหน่วยงานของรัฐ รับตำแหน่งไม่ได้ ไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้ง อีกทั้งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 42 ก็ห้ามเหมือนกัน โทษสูง ถ้ารู้แล้วยังทำ เหมือนกรณีล่าสุดการเลือกตั้ง สส.เขต 3 ระยอง สมาชิกพรรคก้าวไกล มีคนรู้แล้วไปร้องจนต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ดีที่นายสมชัยไม่ชนะ ถ้าชนะก็เชื่อว่ามีคนร้อง ดังนั้นเมื่อผมรู้แล้ว และในฐานะประชาชน เห็นว่าเรื่องนี้ต้องตรวจสอบให้เป็นบรรทัดฐาน หากผิดกฎหมายจริง ก็ผิดมาตรา 151 จำคุก 10 ปี ตัดสิทธิทางการเมือง 20 ปี ปรับ 2 หมื่น ถึง 2 แสนบาท วันนี้ยังไม่กล่าวหา แต่ขอให้กกต.ตรวจสอบ” นายพร้อมพงษ์ กล่าว
ส่วนวันที่ 22 ก.ย. เวลา 10.00 น. จะเดินทางไปยื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษในกรณีนี้ต่อพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เพราะโทษสูงเป็นทั้งคดีอาญาหากมีความผิด จึงให้หน่วยงานตรวจสอบทั้งในชั้น กกต. หรือพนักงานสอบสวน เพราะเรื่องนี้เราเป็นพลเมืองดี เห็นว่าการกระทำของนายสมชัย แล้วอนาคตไปลงสมัคร สส.พรรคการเมืองอื่นๆ หรือไปสมัครทำงานองค์กรอิสระ หรือหน่วยงานใด ถ้าคนให้พ้นจากตำแหน่งแล้วยังไม่มีคำสั่งเปลี่ยนแปลง มองว่าไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้ นายสมชัยตรวจสอบคนอื่น น่าจะมีความซื่อสัตย์สุจริต และมีจริยธรรม ถ้าตัวเองเป็น กกต.แล้วบอกว่าไม่รู้กฎหมาย ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร ซึ่งได้ช่วยตรวจสอบนายสมชัยด้วยความมาสนใจ ไม่มีโกรธแค้นเคือง
เมื่อถามว่า รัฐบาลมีแนวคิดยกเลิกคำสั่ง คสช. จะทำให้คำสั่งให้นายสมชัยพ้นจากตำแหน่งนั้นถูกล้มล้างไปด้วยหรือไม่ นายพร้อมพงษ์ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ แต่ต้องดูว่าคำสั่งนั้น เป็นคำสั่งเฉพาะหรือไม่ เพราะ คสช.ออกคำสั่งมากว่าร้อยฉบับ ซึ่งมีศักดิ์เทียบเท่าพระราชบัญญัติ กฎหมายต้องยกเลิกโดยสภา เมื่อคำสั่ง คสช.ให้นายสมชัยพ้นจาก กกต.ขณะนั้น เมื่อคำสั่งยังคงอยู่นายสมชัยก็น่าจะขาดคุณสมบัติ หากในอนาคตรัฐบาลยกเลิกก็อาจจะเป็นไปได้ หรือนายสมชัย อาจจะไปร้องต่อหน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ ตามกระบวนการยุติธรรม เช่นเดียวกับกรณี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ขณะนั้น ที่ถูกกล่าวหาและ คสช.ออกคำสั่งยกเลิก จนวันนี้สามรถดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีได้ ดังนั้นต้องยกเลิกคำสั่งคสช.ก่อน ถ้ายังไม่ยกเลิก ตนว่านายสมชัยน่าจะมีมีสิทธิ์ และผิดรัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบ และกฎหมายอาญา อย่างไรก็ตาม ตนไม่เห็นด้วยกับคำสั่งคสช.ทุกฉบับ แต่เห็นด้วยกับคำสั่งปลดนายสมชัยออกจาก กกต.
เมื่อถามย้ำว่า การมาร้องก กต.ไม่ใช่การปรามนายสมชัยที่มาวิพากษ์วิจารณ์นายกรัฐมนตรี และนายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษานายกฯ นายพร้อมพงษ์ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องการปราม แต่เพราะนายสมชัยทำหน้าที่ตรวจคนอื่น ก็ต้องยอมรับการตรวจสอบได้ หากจะตรวจสอบคนอื่นว่า ไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่ยุตธรรม ตัวเองก็ต้องบริสุทธิ์ด้วยไม่มีมลทินมัวหมอง คนอื่นก็สามารถตรวจสอบได้ เป็นเรื่องธรรมดา ตนก็ตรวจสอบมา 20 ปี แล้ว เป็นทั้งผู้แทนราษฎร แม่นพอสมควร ขณะที่นายสมชัยเคยเป็นแต่ กกต. แต่ กกต.จบรัฐศาสตร์ ไม่ได้จบกฎหมาย หากจบกฎหมายต้องรู้ ถ้ามีที่ปรึกษากฎหมายดีๆ ก็ต้องรู้ว่าทำไม่ได้ แถมทำต่อเนื่อง ย้ำว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การตรวจสอบแบบปรามแบบปิดปาก ใครจะปิดปากนายสมชัยได้ ดังนั้นเมื่อมีข้อกังขาก็ตรวจสอบแค่นี้เอง
“ผมก็ต่อสู้เรื่องระบบยุติธรรมสองมาตรฐาน เรื่องอุดมการณ์มาเยอะ ติดคุกจริง ถูกตัดสิทธิการเมือง 10 ปี จริง แต่สุดท้ายผมก็ไม่หนีไปไหน ไม่ย้ายข้าง เหมือนคุณสมชัย พอพ้นจาก กกต.ก็ไปอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ ลงสมัครรับเลือกตั้ง พอแพ้การเลือกตั้ง ก็ไปอยู่กับเสรีรวมไทย เป็นว่าผมไม่มีลักษณะเหมือนคนเร่ร่อนหรอก อุดมการณ์ของผมอยู่ตรงนี้ตลอด เป็น FC เพื่อไทย FC ฝ่ายประชาธิปไตย ไม่มีตำแหน่ง แต่มาสร้างตำนาน เป็นตำนานที่ต้องตรวจสอบ คนที่น่าจะมีพฤติกรรม มีวาระซ่อนเร้น เอาเป็นว่า จุดยืนให้นิ่ง ผมมองว่าจุดยืนคุณสมชัยไม่นิ่ง ผมจึงต้องตรวจสอบ” นายพร้อมพงษ์กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สส.บริจาคภัยพิบัติเต็มที่ ท้องถิ่นระวังช่วง180วัน!
กกต.ไฟเขียวบริจาคช่วยภัยพิบัติ สส.-สมาชิกพรรค ทำได้เต็มที่ไม่เกินครั้งละ 3 แสนบาท
กกต.ขยับรับสมัครอบต.ใต้เป็น 8-12 ธ.ค. เหตุอุทกภัยกระทบหลายจังหวัด
กกต.ปรับรอบรับสมัครเฉพาะ 5 จังหวัดน้ำท่วม ส่วนจำนวน อบต.ทั่วประเทศลดเหลือ 4,985 แห่งจากการยกฐานะเป็นเทศบาล ต้องแบ่งเขตใหม่ก่อนจัดเลือกตั้งช่วงเมษายน 2569 หลายพื้นที่เปิดรับสมัครวันแรกคึกคัก
กกต. แจงนักการเมือง-พรรค บริจาคช่วยน้ำท่วมได้เต็มที่ แต่ระดับท้องถิ่นต้องระวังช่วง 180 วันก่อนครบวาระ
กกต. ชี้ "บริจาคช่วยภัยพิบัติ" สส.-สมาชิกพรรคทำได้เต็มที่ไม่เกินครั้งละ 3 แสนบาท แต่จะบริจาคกี่ครั้งก็ได้ ส่วนพรรคการเมืองไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อเหตุการณ์ ย้ำโปร่งใส–โฆษณาได้
กกต. ขอเชิญชวนสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภา อบต. และนายก อบต. ระหว่างวันที่ 1 - 5 ธันวาคม 2568
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ระหว่างวันที่ 1 – 5 ธันวาคม 2568 เวลา 08.30 – 16.30 น. (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอประชาสัมพันธ์ผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสามารถตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม และเตรียมหลักฐานและเอกสารประกอบการ ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมทั้งค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 1.1 มีสัญชาติไทยโดยการเกิด 1.2 ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุ ไม่ต่ำกว่า 25 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง สำหรับผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 1.3 มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลที่สมัครรับเลือกตั้ง ในวันสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง 1.4 วุฒิการศึกษา • สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ไม่ได้กำหนดวุฒิการศึกษา • ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า หรือเคยเป็นสมาชิกสภาตำบล สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกรัฐสภา 2. ลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.1 ติดยาเสพติดให้โทษ 2.2 เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต 2.3 เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ 2.4 เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 39 (1) เป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช (2) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ หรือ (4) วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 2.5 อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือ ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.6 ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล 2.7 เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 2.8 เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริต ต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ 2.9 เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็น ของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2.10 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน 2.11 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง 2.12 เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ 2.13 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น 2.14 เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ 2.15 เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ 2.16 อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2.17 เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ หรือกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง 2.18 ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้ง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ไม่ว่าจะได้รับโทษหรือไม่ โดยได้พ้นโทษหรือ ต้องคำพิพากษามายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี 2.19 เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือกฎหมายว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น แล้วแต่กรณี มายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 2.20 อยู่ในระหว่างถูกจำกัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 หรือตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2.21 เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียวกันหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น 2.22 เคยพ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะเหตุมี ส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการที่กระทำหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น หรือมีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการ ที่กระทำกับหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น โดยมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการต่างตอบแทน หรือเอื้อประโยชน์ส่วนตนระหว่างกัน และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.23 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพราะจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ หรือมติคณะรัฐมนตรี อันเป็นเหตุให้เสียหาย แก่ราชการอย่างร้ายแรง และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.24 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะทอดทิ้งหรือละเลยไม่ปฏิบัติการตามหน้าที่และอำนาจ หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยหน้าที่ และอำนาจ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือมีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือแก่ราชการ และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.25 ลักษณะอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3. หลักฐานและเอกสารประกอบการยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครยื่นใบสมัครต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลพร้อมทั้งหลักฐานการสมัคร ดังนี้ 3.1 ใบสมัครรับเลือกตั้งตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/1 3.2 รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก หรือ รูปภาพที่พิมพ์ชัดเจนเหมือนรูปถ่ายของตนเอง ขนาดกว้างประมาณ 8.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 13.5 เซนติเมตร จำนวนตามที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3.3 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 3.4 สำเนาทะเบียนบ้าน 3.5 ใบรับรองแพทย์ 3.6 หลักฐานการศึกษา 3.7 หลักฐานการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเวลาติดต่อกัน 3 ปี (2565, 2566, 2567) นับถึงปีที่สมัครรับเลือกตั้ง เว้นแต่เป็นผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ ให้ทำหนังสือยืนยัน การไม่ได้เสียภาษี พร้อมทั้งสาเหตุแห่งการไม่ได้เสียภาษีตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/2 4. ค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง 4.1 นายกองค์การบริหารส่วนตำบล 2,500 บาท 4.2 สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล 1,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ใดลงสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี ตามมาตรา 120 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลได้ทางเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือ Application Smart Vote หรือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดทุกจังหวัด หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริการสายด่วน 1444
ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต
ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)
กกต. ไม่มีปัญหาถ้าพรุ่งนี้ยุบสภา ก็พร้อมจัดการเลือกตั้ง-ทำประชามติ
เลขาฯกกต. กล่าวถึงความพร้อมการเลือกตั้งอบต. 11 ม.ค.2569 ว่า เราได้ตื่นตัวและสื่อสารไปยังพื้นที่ และหน่วยงานองค์การบริหารส่วนตำบลที่จะทำการเลือกตั้ง รวมทั้งถ้าจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน


