
‘ชัยธวัช’ ผลักดัน 4 ยุทธศาสตร์ 2 ภารกิจ ‘ก้าวไกล’ พร้อมสู้กับการเมืองของชนชั้นนำล้มระบอบประชาธิปไตยอันมีปชช.เป็นไม้ประดับ ย้ำ ไม่มีอะไรมีจะต้องเสียใจอีกต่อไป แม้พรรคไม่ได้เป็นรัฐบาล
24 ก.ย.2566-ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชนกทม. (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง ในกิจกรรม “ก้าวต่อไป ก้าวไกลทั้งแผ่น” นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า นี่คือประชุมสมาชิกพรรคของพรรคก้าวไกลที่ใหญ่ที่สุดที่ทำมา ซึ่งจะเป็นทิศทางที่สำคัญที่ทำให้พรรคก้าวไกลมีประชาชนเข้ามาส่วนร่วมมากที่สุด วันนี้ตนมายืนแทนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานคณะที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล แต่ตนอยากจะประกาศในฐานะเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ว่า แม้ว่าหัวหน้าพรรคก้าวไกลจะเปลี่ยนไป แต่ว่าที่นายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลจะไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงเป็นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ คนเดิม วันนี้ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่ จึงอยากพูดถึงเส้นทางทางการเมืองของพรรคและบทใหม่ของการเมืองไทย
นายชัยธวัช กล่าวว่า มีหลายคนที่บอกว่า มีการเปลี่ยนจากระบอบเผด็จการ สู่ระบอบประชาธิปไตย ตนคิดว่า ก็คงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเราเห็นการจัดตั้งรัฐบาลที่ไม่เคารพเสียงของประชาชน และปัญหาการเมืองไทยประการที่ 2 คือ รัฐรวมศูนย์ เป็นระบบปิดกั้นการเมืองไทย เต็มไปด้วยการทุจริตไม่ต้องรับผิดชอบต่อประชาชน ซึ่งเรื่องการกระจายอำนาจรัฐบาลนี้คือ การกระจายอำนาจแบบผู้ว่า CEO และเราเห็นทุนผูกขาดแล้ว รวมถึงปัญหาการเมืองเรื่องนิติรัฐแบบอภิสิทธิ์ชน ที่กฎหมายไม่เป็นกฎหมาย ความเสมอภาคต่อกฎหมายไม่มีอยู่จริง ระบบกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม มีไว้เพื่อพิทักษ์รักษารับใช้คนบางกลุ่ม แต่ไม่ได้มีเป้าหมายพิทักษ์คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของทุกคน
“ถ้าต้องการความเป็นธรรมในประเทศนี้ อย่าหาความยุติธรรมแบบสากล แต่จงสยบยอม ยอมรับ ในแบบอภิสิทธ์ชนของไทย เมื่อยอมรับก้มหัว ท่านจะได้ความกรุณาปราณี”
นายชัยธวัช กล่าวว่า ปัญหาเหล่านี้ของการเมืองไทยเราแก้ไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาการเมืองไทยเป็นการเมืองของชนชั้นนำ ที่อนุญาตให้มีการรัฐประหารได้ตลอดเวลา ถ้าเอารถถึงมายึดอำนาจไม่ถือเป็นการล้มล้างการปกครอง แต่ถ้าโพสต์เฟซบุ๊กแบบที่ผู้มีอำนาจไม่อยากเห็นไม่อยากได้ยินอาจจะต้องติดคุกเป็นสิบปี หรือไม่ก็อาจจะต้องถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต การเมืองไทยคือการเมืองที่อนุญาตให้ไปเลือกตั้งได้เป็นพักๆ แต่ไม่ยอมให้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน แบบนี้ตนขอเรียกว่า “ระบอบประชาธิปไตยอันมีประชาชนเป็นไม้ประดับ” และการเมืองของชนชั้นนำเป็นการเมืองที่อนุญาตให้แข่งขันกันได้ในระบบการเลือกตั้ง เป็นการแข่งขันกันไปมีอำนาจ และผลัดกันไปแบ่งสันปันส่วนในตำแหน่ง และเก้าอี้ แต่การเมืองชนชั้นนำไม่ได้แข่งขันไปเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมไทยแบบเดิมๆ หลายคนอาจจะบอกว่า อย่าคิดอะไรมากเรามาอาศัยเขาอยู่ ดังนั้น จงเชื่อว่าประชาชนไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลง จนกว่าเจ้าของบ้านตัวจริงจะอนุญาต
ดังนั้นสิ่งที่ตนอยากจะบอกคือ การพยายามออกจากการเมืองของชนชั้นนำแบบเดิม กลายเป็นโจทย์สำคัญของยุคสมัยที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไปแล้ว หลังวิกฤตต้มยำกุ้ง มีความพยายามปฏิรูปสังคมไทยครั้งใหญ่ มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ การต่อสู้ของชนชั้นนำทางการเมืองสองกลุ่มทำให้เกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ หลายคนล้มตายหลายคนถูกดำเนินคดี แต่ก็มีอีกสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น ทำให้เกิดสำนึกใหม่ในหมู่ประชาชน ประชาชนจำนวนมากต้องการการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และต้องการให้เกิดการปฏิรูประเทศ นี่จึงเป็นสำนึกใหม่ที่เกิดขึ้นมา เมื่อต่อสู้กันมาเกือบ 20 ปี ก็กลับมาจับมือกัน และพวกเขาค้นพบอันตรายจากชนชั้นนำ คือสำนึกใหม่
ทั้งนี้ ภัยคุกคามการเมืองชนชั้นนำ คือการเมืองของประชาชน ตนจึงอยากจะบอกว่า ในสถานการณ์ปัจจุบัน สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นไม่ใช่การเปลี่ยนผ่านจากเผด็จการประชาธิปไตย แต่เป็นการเปลี่ยนผ่านของชนชั้นนำแบบจารีตกับชนชั้นน้ำแบบเลือกตั้ง เปลี่ยนผ่านการต่อสู้เป็นการเมืองของชนชั้นนำแบบการเลือกตั้ง กับการเมืองของประชาชน และนี่คือรากฐานทางการเมืองของรัฐบาลปัจจุบัน จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเมืองไทยบทใหม่นับจากนี้ต่อไป
“ผมในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล อยากจะบอกว่า เป้าหมายสำคัญของพรรคก้าวไกล คือเราต้องผลักดัน ต้องเปลี่ยนแปลง สิ่งที่การเมืองของชนชั้นนำบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ให้เป็นสิ่งที่สังคมไทยปฏิเสธไม่ได้อีกต่อไป ภายใต้เป้าหมายนี้ พรรคก้าวไกลจะมียุทธศาสตร์สำคัญ4ด้าน มีภารกิจเฉพาะหน้า 2 ภารกิจ คือ สร้างพรรคก้าวไกลให้เข้มแข็ง เป็นสถาบันทางการเมืองจริงๆให้ได้ และงานในวันนี้ถือจุดเริ่มต้น จึงอยากเชิญชวนให้ช่วยกันขยายสมาชิกพรรค ช่วยกันขยายการมีส่วนร่วมของประชาชน และช่วยกันปักธงทางความคิดทำพรรคก้าวไกลให้พร้อมปันเปลี่ยนแปลงเมื่อช่วงของการเปลี่ยนแปลงมาถึง”
ส่วนยุทธศาสตร์ที่ 2 คือฝ่ายค้านในสภา ที่จะต้องทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหาร ตนในฐานะหัวหน้าพรรคนใหม่ ให้สัญญาว่าจะทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหารอย่างตรงไปตรงมาไม่เกรงใจใครอย่างที่เคยพิสูจน์ ดุดันด้วยเนื้อหา
ยุทธศาสตร์ด้านที่ 3 คือฝ่ายค้านเชิงรุก เรื่องนี้ตนขออนุญาตให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล มาอธิบาย
ยุทธศาสตร์ที่ 4 คือ ตรึงพื้นที่เก่า รุกพื้นที่ใหม่ พื้นที่ไหนประชาชนให้ความไว้วางใจ ก็จะต้องเร่งทำงานเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า เราทำงานไม่เหมือนใคร สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างไร นี่คือสิ่งที่ต้องช่วยกันทำ ส่วนพื้นที่ไหนที่ยังไม่ชนะการเลือกตั้ง ก็ขอเชิญชวนให้ทำพรรคให้เข้มแข็งขึ้น และช่วยกันเฟ้นหาสภาผู้แทนราษฎรของทุกคน และหลังจากนี้ พรรคก้าวไกลจะสร้างกลไกให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการสรรหา ท้องถิ่นทุกระดับ เป้าหมายไม่ใช่การสร้างหัวคะแนนในการเลือกตั้งใหญ่ แต่ต้องการผลักดันการกระจายอำนาจในการรวมศูนย์
ส่วนภารกิจสุดท้ายคือ ร่วมกันผลักดันให้ได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจากประชาชน จึงอยากให้ช่วยกันรณรงค์เรียกร้อง ทำประชามติว่าต้องการให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับหรือไม่ และ สสร.ต้องมาจากประชาชนทั้งหมด ซึ่งที่ตนพูดมาทั้งหมด ตนทราบดีว่า หลายคนเสียใจหลายคนสิ้นหวัง หลายคนเสียน้ำตา เพราะพรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งมา แต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่ตนอยากจะบอกว่า นับจากนี้ขอให้เอาน้ำตา เอาความเสียใจไว้ข้างหลัง และไม่มีอะไรมีจะต้องเสียใจอีกต่อไป วันนี้พวกเราช่วยกันสร้างความเปลี่ยนแปลงมากขนาดไหน ดังนั้นจึงต้องจับมือสร้างความเปลี่ยนแปลงบรรลุเป้าหมายร่วมกัน ก้าวต่อไปก้าวไกลทั้งแผ่นดิน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'พิธา' เย้ย 'ภูมิใจดูด' ก็เคยแพ้ผม ประชาชนลงโทษ เตือน 'อนุทิน' อย่าให้การเมืองนำบ้านเมือง
'พิธา' ชี้ การเมืองไทยยุคนี้คือ 'เฉพาะกิจ' เตือน 'อนุทิน' อย่าให้การเมืองนำบ้านเมือง พร้อมป้องพรรคประชาชนไม่ใช่ฝ่ายค้ำ
'พิธา' ย้อนถามรัฐบาล ปมยกเลิก MOU หากทุกเรื่องทำประชามติ แล้วจะมีรัฐสภาไว้ทำไม
‘พิธา’ ย้อนถาม 'รัฐบาล' ปมทำประชามติยกเลิก MOU เหตุใดใช้กลไกรัฐสภาประชุมลับไม่ได้ มองควรตั้งเงื่อนไขให้ชัด หากทุกเรื่องทำประชามติหมดจะมีรัฐสภาไว้ทำไม ชี้ยังไม่รู้รัฐมนตรีเห็นด้วยกับ ‘บวรศักดิ์’ กี่คน แนะ ‘อนุทิน’ ร่วมประชุมอาเซียน วางจุดยืนกำหนดอนาคตตนเองได้ ไม่ต้องให้ประเทศอื่นชักจูง
กมธ.นิรโทษกรรม พร้อมดันวาระ 2-3 ให้ทัน ต.ค.นี้ ปชน. ยืนกรานล้างคดี 112 ให้เยาวชนต่ำกว่า 18 ปี
นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ…. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการพิจารณาร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข ในชั้นกมธ.ฯ ว่า ขณะนี้กมธ.ฯ
'เท้ง' ไม่ตอบเสียงส้มไหลช่วย 'ภท.' ไล่ 'พท.' ปรับปรุงตัวแพ้เลือกตั้งซ่อม
'หัวหน้าเท้ง' ปัดตอบ คะแนนพรรคส้มไหลช่วย 'ภูมิใจไทย' ทำชนะเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ ย้อน 'เพื่อไทย' ประเมินปรับปรุงตัวเอง
รู้ยังทหารมีไว้ทำไม! 'พิธา' โผล่แล้ว โพสต์สตอรี่ ไอจี สถานการณ์ไทยกัมพูชา
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาโพสต์ข้อความเป็นภาษาอังกฤษ ผ่านสตอรี่อิสตาแกรม Pita Limjaroenrat ระบุว่า
'พรรคส้ม'สู้ต่อในชั้นกมธ. หวังเปิดกว้างล้างผิด'ม.112'
ภายหลัง ‘เสียงข้างมาก’ ในสภาผู้แทนราษฎร มีมติรับหลักการ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ....ซึ่งนายวิชัย


