
“หมอมิ้ง” ปัดเลขาฯกฤษฎีกาเบรกกู้เงินมาแจก แค่พูดมีหน้าที่ทำให้ถูกต้องตามกม. ย้ำ ออกร่างพรบ.กู้เงิน เพราะอยู่ในวิกฤติเศรษฐกิจ ระบุ ถอดบทเรียน พรบ.กู้เงิน 2 ล้านล้านไม่ให้ซ้ำรอยเดิม ลั่น เดินหน้าโครงการ กฤษฎีกามีหน้าที่แนะจุดอ่อนให้แก้ไข
13 พ.ย.2566 – นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการออก ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน เพื่อมาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ระหว่างการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่ได้บอกว่าไม่เห็นด้วยแล้วขอให้บันทึกการประชุม แต่พูดตอนท้ายการประชุมว่ามีหน้าที่ดูแลทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย และปกป้องทุกคนในที่ประชุม โดยจะนำเรื่องไปหารือในคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเป็นแนวทางที่ทำให้เราต้องหารือคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน ส่วนเรื่องการกู้เงินนั้น นายกรัฐมนตรีได้หารือผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และผู้ว่าฯธปท.ให้ข้อคิดว่าเพื่อให้ถูกต้องตาม พ.ร.บ.เงินตรา ต้องมีเงินมาสำรองโครงการ เราเลยแก้ปัญหาด้วยการกู้เงินมาวางไว้ให้เห็น แล้วเราค่อยๆ ใช้ และจากการที่นายกฯหารือกับผู้ว่าฯธปท.ก็ยังมีข้อเสนอเห็นด้วยกับการขอกู้ เพราะสะอาดดี โดยการขอกู้นั้นต้องดูว่ากฎหมายให้ช่องทางอะไรไว้บ้าง ที่สุดแล้วเราคิดว่าวิธีการนี้เหมาะสมที่สุด
นพ.พรหมมินทร์ กล่าวว่า ในการหาเสียงเราระบุจะหารายได้จากการเก็บภาษีในปี 67 แต่การตั้งรัฐบาลล่าช้า กระบวนการต่างๆ จึงล่าช้าตาม ซึ่งการเก็บภาษีจะไปโชว์ตอนปลายปี สิ่งที่เราดำเนินการคือการบริหารด้านการเงิน และมีช่องทางหนึ่งคือการออกกฎหมาย เราประเมินจากทุกตัวว่านี่คือวิกฤติเศรษฐกิจ จึงจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะ 10 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจตกต่ำสุดและฟื้นช้าสุด นี่คือความจำเป็น และกรอบกฎหมายอนุญาตให้เราใช้แบบนี้ โดยทำให้รอบคอบ ปรึกษาคณะกรรมการกฤษฎีกา และนำเรื่องเข้าสู่สภา
เมื่อถามว่า มีรายงานข่าวระบุว่า ในที่ประชุมเมื่อวันที่ 10 พ.ย. เลขาธิการสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และผู้ว่าฯธปท. ติงการกู้เงินแล้วมากระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจก นพ.พรหมมินทร์ กล่าวว่า เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ ไม่ได้ให้ความเห็นอะไร มีเพียงผู้ว่าฯธปท.ที่ให้ความเห็นว่าเรื่องการกู้เงิน นายกฯต้องระวัง และระบุให้บันทึกการประชุมว่าท่านได้ให้ความเห็นว่า ป.ป.ช.มีความเห็นมาอย่างไรบ้าง ซึ่งที่ประชุมรับทราบ และเป็นข้อพึงสังวรให้ทำทุกอย่างถูกต้อง ครบถ้วน
เมื่อถามย้ำว่า ผู้ว่าฯธปท.ไม่เห็นด้วยกับการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงินใช่หรือไม่ นพ.พรหมมินทร์ กล่าวว่า ตนเองตอบแทนไม่ได้ เพียงแต่บอกว่ามีหน้าที่ดูแล พ.ร.บ.เงินตรา ส่วนด้านการคลัง การบริหาร เป็นหน้าที่ของรัฐบาล คงต้องไปถามผู้ว่าฯธปท. แต่ตนเองยืนยันโครงการของเราไม่ได้เอาเงินไปแจก แต่เอาไปกระตุ้นเศรษฐกิจ
เมื่อถามว่า ถ้าคณะกรรมการกฤษฎีกาไม่เห็นด้วย มีข้อติติง มีความเสี่ยงทางกฎหมายมาก รัฐบาลจะหยุดหรือไม่ นพ.พรหมมินทร์ กล่าวว่า เชื่อว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาคงต้องให้ความเห็นว่าควรจะทำอย่างไร เพราะเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย ให้ข้อแนะนำว่าควรจะเดินอย่างไร และรัฐบาลมีหน้าที่ต้องเดิน
เมื่อถามย้ำว่า ถ้าคณะกรรมการกฤษฎีกาให้คำแนะนำว่ามีความเสี่ยง อาจจะไม่เข้าเงื่อนไขตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง และกฎหมายต่างๆ รัฐบาลจะทำอย่างไร นพ.พรหมมินทร์ กล่าวว่า ถ้าชี้มาว่ามีข้อห่วงใยตรงไหนก็พยายามจะแก้ตรงนั้น
เมื่อถามว่า ตอนหาเสียงกับตอนทำจริงไม่เหมือนกัน ทางการเมืองถือว่าเสียหายหรือไม่ นพ.พรหมมินทร์ กล่าวว่า ไม่เหมือนกันตรงไหน คือ เรารับว่าจะทำให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวิธีการใช้เงินดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเราทำตามข้อใหญ่นี้ และเราบอกว่าจะบริหารโดยการใช้งบประมาณ แต่ประโยคสุดท้ายได้ระบุว่า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การเงินการคลังของประเทศ หมายความว่าเราปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม ตอนคิดโครงการ เราคิดหลักการใหญ่และมาดูของจริงว่าเป็นอย่างไร เราก็ต้องแก้ปัญหา ที่สำคัญเรายืนยันว่าจะต้องทำให้ได้และให้สำเร็จ
เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่ว่า ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน จะซ้ำรอย พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญ และกลายเป็นจุดกำหนดเกมการเมือง นพ.พรหมมินทร์ กล่าวว่า เราเรียนรู้จากของเก่า ความตั้งใจเรามองอนาคต เห็นโอกาสของประเทศ พอถูกเบรกเราก็เรียนรู้ว่าบทเรียนที่ผ่านมาเป็นอย่างไร จึงปรึกษาคณะกรรมการกฤษฎีกาและหน่วยงานต่างๆ ให้รอบคอบ
เมื่อถามย้ำว่า เมื่อจะถอดบทเรียน แสดงว่าหากคณะกรรมการกฤษฎีกาติติงมา เราจะหยุดใช่หรือไม่ นพ.พรหมมินทร์ กล่าวว่า เราก็แก้ไขไปตามข้อแนะนำ และข้อแนะนำคงจะต้องบอกว่ามีจุดอ่อนตรงไหนบ้าง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เลขาฯกฤษฎีกา มองอุทธรณ์คดี 112 'ทักษิณ' ขอพักโทษได้ แต่ต้องรับโทษแล้ว 1 ใน 3
นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกต ว่าการอุทธรณ์ของอัยการสูงสุด คดี 112 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะทำให้ไม่สามารถขอพักโทษจากคดีสืบเนื่องจากชั้น 14 ได้จริงหรือไม่
เลขาฯกฤษฎีกา ชี้มุมกฎหมาย ไทยยุติข้อตกลงสันติภาพได้เลย เป็นเพียงคำประกาศไม่ใช่หนังสือสัญญา
เลขาฯกฤษฎีกา ชี้ระงับปฏิญญาสันติภาพไทย-เขมร ได้ ไม่ใช่ตราสารกฎหมาย-หนังสือสัญญา ระบุ หากฝ่ายใดไม่ให้เกียรติ ก็คุยใหม่แค่นั้น ดีกรีเบากว่าเอ็มโอยูเยอะ
‘เลขาฯกฤษฎีกา’ แจง ลงนามแรร์เอิร์ธ ผ่านครม.นัดพิเศษแล้ว การันตี ไม่มีผลผูกพันธ์ทางกม.
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงการลงนามบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU ว่าด้วยความร่วม
โฆษกรัฐบาล เผย 'เลขาฯกฤษฎีกา' ชี้โยกงบกลางฯฉุกเฉิน ใช้คนละครึ่งพลัส ไม่ขัดกฎหมาย
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกรัฐบาล เปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ระหว่างที่มีพิจารณาวาระกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในโครงการคนละครึ่งพลัสได้มีการสอบถามเรื่องของข้อกังวลในเรื่องของการใช้งบกลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินและจำเป็นเร่งด่วน
ชาวโซเชียลหนุนโครงการคนละครึ่งเหนือกว่านโยบายเงินหมื่น
นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกโครงการคนละครึ่งได้กลายเป็นหนึ่งในนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับความนิยมและอยู่ในความทรงจำของคนไทยด้วยรูปแบบที่เข้าใจง่ายและตอบโจทย์การลดภาระค่าครองชีพรายวันพร้อมๆกับการอัดฉีดเม็ดเงินลงสู่เศรษฐกิจฐานรากผ่านร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศ
อดีตสว.สมชาย ชี้เปรี้ยง 'ภูมิธรรม-หมอมิ้ง' ผิด ม.157 สมควรรับโทษหนัก
นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย ทูลเกล้าฯยุบสภาโดยไม่มีอำนาจ มีการทักท้วงจากเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา


