รองโฆษกฯ เผยรับฟังครบทั้ง 4 ภาคของไทยเรียบร้อยแล้ว พร้อมย้ำรัฐธรรมนูญมีความเกี่ยวพันกับประชาชนทุกคน อยากให้ทุกคนมีส่วนร่วม เพื่อรัฐธรรมนูญที่เป็นของคนไทยทุกคน
10 ธ.ค. 2566 – นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้ว่าวันนี้ 10 ธันวาคม ซึ่งตรงกับวันรัฐธรรมนูญ ขอชวนให้ประชาชนมั่นใจในกระบวนการทำงานของรัฐบาลเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 โดยให้ทุกคนมีส่วนร่วม ณ ตอนนี้คณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญฯ ได้ลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นประชาชนครบทั้ง 4 ภาคของไทยแล้ว ครอบคลุมทั้งกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ ภาคเหนือ กลุ่มผู้ใช้แรงงานในพื้นที่ภาคกลาง กลุ่มประชาชนในพื้นที่ชนบทในพื้นที่ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ และกลุ่มพี่น้องชาวมุสลิมในพื้นที่ภาคใต้
ซึ่งความคิดเห็นจากกลุ่มตัวอย่าง (focus group) ดังกล่าว ถือเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ และมีส่วนรวมทางการเมืองอย่างมาก โดยคาดว่าจะมาออกเสียงประชามติถึงกว่าร้อยละ 75 จากกลุ่มตัวอย่างที่ไปดำเนินการสำรวจ โดยนายนิกร จำนง ประธานคณะอนุกรรมการฯ เห็นว่า หากสามารถเดินหน้าสร้างความเข้าใจและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการรับฟังความคิดเห็นอยู่ในขณะนี้ มีความเกี่ยวพันกับประชาชนทุกคน ก็จะมีส่วนช่วยให้มาออกเสียงประชามติได้อย่างมาก
ทั้งนี้จากการลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มตัวอย่าง 4 ภาคของไทย มีแนวคำถามในการรับฟังความคิดเห็นเบื้องต้น โดยมีผู้ตอบคําถามจากกลุ่มประชาชนตัวอย่างทั้งสิ้น 240 คน โดยคำตอบที่สอบถามจะเป็น1.เห็นด้วยหรือไม่ที่จะให้มีการจัดทำรัฐธรมนูญฉบับใหม่ โดยเห็นด้วย 194 คน ไม่เห็นด้วย 46 คน 2.ในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เห็นด้วยหรือไม่ ที่จะคงเนื้อหาในหมวด 1 บททั่วไป และ หมวด 2 พระมหากษัตริย์ เห็นด้วย 167 คน ไม่เห็นด้วย 70 คน และ3.หากมีการจัดทำประชามติเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะไปใช้สิทธิออกเสียง หรือไม่ ไป 230 คน ไม่ไป 5 คน เป็นต้น
โดยขั้นต่อไป เมื่อเปิดสมัยประชุมสภา คณะอนุกรรมการฯ จะรอสรุปการรับฟังความคิดเห็น ที่ได้ส่งแบบสอบถามขอความคิดเห็นไปยังสมาชิกวุฒิสภา 250 คน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 500 คน แล้วนำมาสรุปรวมความคิดเห็นจากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด ตลอดจนตัวแทนกลุ่มอาชีพ15กลุ่มที่ได้เชิญมารับฟังแล้วที่ทำเนียบรัฐบาลตลอดจนความเห็นของประชาชนคนหนุ่มสาวตลอดรวมทั้งพรรคก้าวไกลที่ไม่ส่งคนมาร่วมในคณะกรรมการหลังจากนั้น ประมาณปลายปี 2566 นี้จะมีการจัดประชุมคณะกรรมการฯ ชุดใหญ่ของคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย เป็นประธาน ซึ่งในการประชุมดังกล่าวจะเป็นการสรุปผลคณะอนุกรรมการฯ 2 ชุด คือ คณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560และคณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางทำประชามติให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อสรุปความคิดเห็นเป็นรายงานผลการศึกษาเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อประกอบการตัดสินใจเพื่อดำเนินการต่อไป
“รัฐบาลมีความมุ่งมั่นตั้งใจเป็นอย่างมาก ในการรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงพื้นให้ครอบคลุมทั้ง 4 ภาคแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ควบคู่กับการเดินหน้าสร้างความเข้าใจ และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่า รัฐธรรมนูญมีความเกี่ยวพันกับประชาชนทุกคน รัฐบาลอยากให้ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วม เพื่อให้ได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่เป็นของคนไทยทุกคน” นางรัดเกล้า กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'เพื่อไทย' ย้อนแย้งปากด่ารัฐธรรมนูญเผด็จการแต่เอาประโยชน์เต็มๆ
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส. นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กว่า ปากด่ารัฐธรรมนูญเผด็จการ แต่เอาประโยชน์เต็มๆ
ดร.ณัฏฐ์ มือกม.มหาชน ฟันเปรี้ยง 'ประชามติชั้นเดียว' เจอด่านหิน! เป้าแก้รธน.ทั้งฉบับไม่ง่าย
สืบเนื่องจากตามที่ร่างพระราชบัญญัติประชามติ ในการแก้ไขหลักการประชามติชั้นเดียว ไม่ผ่านการพิจารณาของวุฒิสภา ทำให้ร่างดังกล่าวย้อนกลับมาพิจารณาของ สส.อีกครั้ง
'เทพไท' ชี้พรรคเพื่อไทยตัดสินใจถูก! ใส่เกียร์ถอยหลังเรื่องแก้มาตรฐานจริยธรรม
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก
พี่ศรี เอาแน่ยื่น ป.ป.ช. สอบนักการเมืองแก้ไขจริยธรรม
ศรีสุวรรณจ่อร้อง ป.ป.ช.สอบนักการเมืองขอแก้ไขจริยธรรมใน รธน.เข้าข่ายขัดกันแห่งผลประโยชน์หรือไม่
ย้อนเกล็ดแก้รัฐธรรมนูญปราบโกง จะเอาคนโกงมาเป็นรัฐมนตรี?
นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก "ชอบแก้กันนัก" ระบุว่าบ้านเมืองน้ำท่วม คนเดือดร้อนแต่นักการเมืองไม่สนใจ ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนรอไปก่อน
อดีตผู้พิพากษาฯ ชี้ 2 หมื่นคนได้ประโยชน์จากแก้รธน.ครั้งนี้ อีก 66 ล้านคนจะได้รับความเสียหาย
นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก มีเนื้อหาระบุ.....ในขณะที่ประชาชนไทยหลายล้านคนกำลังได้รับความเดือดร้อนมีความทุกข์ทั้งกายและจิตใจอย่าง