'เศรษฐา' สุดชิลซ้อมปั่นจักรยาน ไม่ยุ่งคดี 'บิ๊กโจ๊ก'  โยน 'ผบ.ตร.' รู้อยู่แล้วต้องทำอะไร

นายกฯ ลั่นไม่ยุ่งคดี ‘บิ๊กโจ๊ก’ ให้เป็นไปตามกระบวนการกฏหมาย บอก ‘เขารู้ผมเป็นคนอย่างไร’ ชี้เวลานี้คดียังไม่ถึงขั้นให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

17 มี.ค.2567 – เมื่อเวลา 17.45 น.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เดินทางถึงอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า จ.เชียงใหม่ เพื่อซ้อมปั่นจักรยาน โดยนายกฯสวมเสื้อโปโลสีเหลือง กางเกงวอร์มสีกรมท่า พร้อมใส่อุปกรณ์สำหรับปั่นจักรยานเสือภูเขา สวมหมวกกันน็อค ถุงมือจักรยาน โดยนายกฯ กล่าวว่า วันนี้เป็นการลองซ้อมปั่นเป็นครั้งแรก

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี  ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ถูกออกหมายเรียกแต่ก็ยังมาต้อนรับนายกฯที่จ.เชียงใหม่ ว่า ก็ต้องว่ากันไปตามกฏหมาย ปัจจุบันถูกออกหมายเรียกแต่ยังไม่ได้แจ้งจับ ก็ยังปฎิบัติหน้าที่ได้ ระหว่างนี้ก็เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม วันนี้ตนเองก็ยังทักท่านอยู่ ว่าท่านแต่งตัวผิดหูผิดตาไปนิดนึง หล่อเลยจำแทบไม่ได้

เมื่อถามว่าจะต้องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)พิจารณายุติปฏิบัติหน้าที่ก่อนหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ ตนเองรู้ว่าผบ.ตร.รู้อยู่แล้วว่าต้องทำอะไร ท่านรู้กระบวนการกฎหมาย เมื่อถามต่อว่าที่ต้องให้มีการยุติการปฎิบัติหน้าที่ เนื่องจากประชาชนอาจจะกังวลว่าอาจจะไปเกี่ยวข้องในเรื่องการตรวจสอบ นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้กระบวนการ ไปอยู่ที่เรื่องของกระบวนการยุติธรรมแล้ว ฝ่ายตำรวจก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอยู่แล้ว

เมื่อถามอีกว่ามีหลายคำถามว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มาเดินตามนักการเมืองระดับสูง เกรงว่าจะให้ช่วยเรื่องคดีหรือไม่ นายกฯ ถามกลับว่า ”หมายถึงผมใช่หรือไม่ ผมไม่มี“ จากนั้นผู้สื่อข่าวตอบกลับว่าหมายถึงพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นายกฯ กล่าวว่า  “ไม่มีไม่มีการพูดถึงเรื่องคดีของใครทั้งสิ้น เขารู้ว่าผมเป็นคนอย่างไร เรื่องพวกนี้ผมไม่ยุ่งอยู่แล้ว ให้ว่ากันไปตามกระบวนการกฎหมาย แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วย”

เมื่อถามว่าจะมีการเรียกประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีเรียกประชุมนัดพิเศษ นอกจากมีข้อมูลใหม่ หรือมีการขยับขึ้นไปเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมแล้ว และตนเองไม่แน่ใจว่าการประชุมในเดือนนี้จะมีขึ้นในวันไหน แต่น่าจะมี 1 ครั้งก่อนสิ้นเดือน เพราะปกติประชุมเดือนละ 1 ครั้ง

เมื่อถามอีกว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ นายกฯจำเป็นต้องกำชับอะไรหรือไม่ หรือให้เป็นหน้าที่ของผบ.ตร. นายเศรษฐา กล่าวว่า เมื่อเจอผบ.ตร. หรือรองผบ.ตร. หรือใครก็ตามจะคุยในเรื่องเนื้องานเป็นหลัก เมื่อครั้งก่อนเจอพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร. ก็เน้นเรื่องหนี้สินว่าคนที่มาเข้ากระบวนการหนี้นอกระบบยังน้อยอยู่ จึงสั่งให้ท่านกำชับกับผู้กำกับทุกอำเภอ ทำงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ให้คนเข้ามาสู่กระบวนการเยอะขึ้น รวมถึงยังกำชับให้อย่ามีเรื่องอำนาจข่มขู่ลูกหนี้ และยังได้มีการพูดคุยถึงเรื่องปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นการพูดคุยกันธรรมดาที่เกี่ยวกับการดูแลพี่น้องประชาชน แต่ในส่วนเรื่องของกระบวนการยุติธรรมก็ว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม ถ้าถึงจุดที่กฎหมายบอกว่าหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ ณ จุดนี้ค่อนข้างมั่นใจว่ายังไม่ถึงจุดนั้น

เมื่อถามต่อว่าหลายฝ่ายมองว่าในวงการสีกากีเป็นการรบกัน ตอบโต้กันไปมาระหว่างสองฝ่าย นายกฯ กล่าวว่า ตนเองเชื่อว่าก็บางลงไปแล้วจากเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว ก็ขอให้ทำงานกันไป อย่างที่บอกตนเองไม่ได้ฟังว่ามีการตอบโต้กันภายนอก เป็นการให้ข่าวหรือใช้เวทีของพี่น้องสื่อมวลชนเป็นการให้ข่าว ตนเองว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือพี่น้องประชาชนอยากให้ตำรวจปฎิบัติหน้าที่ของตัวเองมากกว่า ยังไงก็ต้องทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุดในทุกเรื่อง ทุกข์สุขของประชาชนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'บิ๊กต่าย' ยันไม่กระเหี้ยนกระหือรืออยากเป็นผบ.ตร. ไม่ติดใจถูกกล่าวหาหลอกนายกฯ

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ได้กล่าวพาดพิงจากประเด็นที่ลงนามคำสั่งให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อนว่า