“สส.ก้าวไกล” เตือน 3 ข้อเสี่ยง “ดิจิทัลวอลเล็ต” ถามแทนคนเงินเดือน 7 หมื่นทำไมต้องรับใช้หนี้ทั้งที่ไม่ได้เงิน ชี้เงื่อนไขโครงการตัดโอกาสร้านค้าขนาดเล็ก
18 เม.ย.2567 - เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวรัฐบาลยืนยันเดินหน้าดำเนินการโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ในฐานะที่ตนเป็นผู้บริหารธนาคารในระดับอาเซียน อดห่วงไม่ได้กับท่าทีรัฐบาลในโครงการนี้ จึงขอเตือนไปยังรัฐบาลในความเสี่ยง 3 เรื่องที่จะเกิดขึ้น ความเสี่ยงเรื่องแรกคือ การเตรียมตัวกับวิกฤตในอนาคต ในขณะนี้ ทุกท่านทราบข่าวการเกิดวิกฤตการสู้รบ ไม่ว่าจะเป็นในยุโรป ตะวันออกกลาง และอีกหลายแห่งทั่วโลกขึ้น และถ้าโลกเกิดวิกฤตจากความไม่สงบขึ้น จนกระทบเศรษฐกิจในระดับโลก หรือหากเกิดภัยธรรมชาติรุนแรงในประเทศ เช่น ปี 2554 ขึ้นอีก ในปีนี้ หรือปี 2568 ประเทศไทยจะประสบกับความยากลำบากในการเผชิญกับวิกฤต มองว่าเราใช้จ่ายเงินเกินตัว
นายจุลพงศ์ กล่าวอีกว่า ถ้ามีการแจกเงิน 5 แสนล้านบาทตามโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแล้ว แต่เศรษฐกิจของไทยไม่ได้เติบโตตามที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้หรือเติบโตน้อย ความเสี่ยงของประเทศไทยในการรับมือวิกฤตเศรษฐกิจโลกหรือภูมิภาคที่อาจจะเกิดขึ้นจะทำได้ยาก รัฐบาลคงจะคาดหวังจากการเก็บภาษีมาเป็นรายได้ เพื่อรองรับวิกฤตเศรษฐกิจในอนาคตไม่ได้ เพราะหากดูตัวเลขรายได้ของประเทศจากภาษี ประเทศไทยมีรายได้จากการเก็บภาษีราว 13.7% เมื่อเทียบกับจีดีพี ซึ่งน้อยมาก เพราะลดลงกว่าเมื่อก่อนที่อยู่ราว 17% ของจีดีพี เมื่อเทียบกับในประเทศพัฒนาแล้ว มีการเก็บภาษีได้ราว 35% ของจีดีพี ดังนั้น จึงถือเป็นความเสี่ยงมากขึ้นของประเทศในการรับมือกับวิกฤตในอนาคต พูดง่ายๆ คือ เราใช้จ่ายเกินตัว แต่มีรายได้ต่ำ
นายจุลพงศ์ กล่าวต่อว่า ความเสี่ยงเรื่องที่สอง คือการขาดงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกมากของรัฐบาล เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกรและคนชั้นกลาง คนยากจน และการช่วยเหลือเอสเอ็มอี หากเราไม่สามารถยกระดับเกษตรกรและคนยากจนขึ้นมาเป็นคนชั้นกลางได้ ประเทศไทยก็ไม่มีทางที่จะขับเคลื่อนด้วยคนชั้นกลางเหมือนประเทศอื่นๆ ที่เขาสามารถข้ามกับดักรายได้ปานกลางได้ และหากไม่สามารถเพิ่มสัดส่วนเอสเอ็มอีในจีดีพีให้มากขึ้น ประเทศไทยก็เดินหน้าต่อได้ยาก
“หากเป้าหมายของการแจกเงิน 5 แสนล้านบาทไม่สำเร็จ คือเศรษฐกิจไม่โตตามที่รัฐบาลคาดไว้ รัฐบาลนี้หรือรัฐบาลชุดหน้าก็จะไม่มีเงินมากพอที่จะดูแลคนยากจนและเกษตรกรได้ทั่วถึงอีกต่อไป ดูตัวอย่างง่ายๆจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อปลายปีที่แล้ว พบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่ของประเทศไทยมีหนี้โดยเฉลี่ย 450,000 บาทต่อครัวเรือน ดังนั้น การแจกเงินตามโครงการดิจิทัลวอลเล็ตคนละ 10,000 บาท โดยห้ามไม่ให้ใช้ในการชำระหนี้ คงไม่ได้ช่วยเกษตรกร” นายจุลพงศ์ กล่าว
นายจุลพงศ์ กล่าวว่า ความเสี่ยงเรื่องสุดท้ายคือการทุจริตคอร์รัปชัน ที่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของไทยยังมีช่องว่างเยอะมาก เช่น การจัดทำซุปเปอร์แอป ซึ่งรัฐบาลเพิ่งจะบอกว่าจะสร้างขึ้นใหม่นั้น ใครจะเป็นจัดทำ หากจะให้เอกชนเข้ามาทำ มีการจัดจ้างแล้วหรือไม่ ในเมื่อจะลงทะเบียนผู้ค้าในไตรมาส 3 คือเริ่มเดือนกรกฎาคมแล้ว หรือถ้ามีแล้ว ผ่านการประกวดราคาเมื่อใด ระบบบล็อกเชนที่อ้างว่าจะใช้นั้นไม่มีคนกลาง เราตรวจสอบไม่ได้ว่าใครทำอะไร แล้วระบบที่รัฐบาลจะมาใช้กับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้น จะตรวจสอบได้หรือไม่ ความเสี่ยงการเกิดคอร์รัปชันจึงเป็นเดิมพันที่รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ
นายจุลพงศ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ชาวบ้านเขาฝากมาถามว่ารัฐบาลกำหนดว่าคนที่ได้รับจากงานก็ต้องมีรายได้ต่ำกว่า 70,000 บาทต่อเดือนถึงจะมีสิทธิ์ได้รับการแจกเงิน ตัวเลขนี้มาจากไหน เราไม่เคยได้รับการอธิบายจากรัฐบาลเลย แล้วไม่รู้จะเปลี่ยนต่อไปอีกหรือไม่ ทำไมคนที่มีรายได้เกิน 70,000 บาท ต้องมารับใช้หนี้
เมื่อถามว่าในเงื่อนไขของรัฐบาลมีข้อสังเกตอะไรบ้าง นายจุลพงศ์ กล่าวว่า รัฐบาลเปลี่ยนเงื่อนไขมาโดยตลอด และในที่สุดเราก็ไม่รู้จะเปลี่ยนเงื่อนไขอีกหรือไม่ ตนกังวลว่าเงื่อนไขที่ออกมานั้น ร้านหาบเร่แผงลอบจะไม่ได้รับเหมือนตอนสมัยโครงการคนละครึ่ง
ถามอีกว่าโครงการนี้เอื้อนายทุนหรือไม่ นายจุลพงศ์ กล่าวว่า มันทำให้โอกาสของร้านค้าขนาดเล็กที่มีน้อยอยู่แล้ว ตัดโอกาสลงไปมากขึ้น ตนไม่ขอพูดว่าเอื้อใคร เราควรจะดูร้านค้าขนาดเล็ก ตนผ่านร้านค้าขนาดเล็ก เห็นมีคิวอาร์โค้ดห้อยอยู่ แต่เราจะไม่เห็นแบบนี้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'จุลพันธ์' ไม่กังวลถูก ป.ป.ช. สอบปมโยกงบ 35,000 ล้าน
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภา
ปชน. ชี้ปมเขากระโดงเป็นเครื่องพิสูจน์รัฐบาลอนุทิน ยึดหลักนิติธรรมหรือระบบพวกพ้อง
“จุลพงศ์” ชี้คดีเขากระโดงควรจบนานแล้ว แต่ถูกเตะถ่วงใช้เป็นเครื่องมือต่อรองการเมือง จี้ “พิพัฒน์” ใช้อำนาจ รมว.คมนาคม สั่ง รฟท. ฟ้องเพิกถอน 2 แปลงที่มีหลักฐานชัดเป็นที่การรถไฟฯ ได้ทันที พิสูจน์รัฐบาลนี้ยึดหลักนิติธรรมหรือใช้ระบบพวกพ้อง
'แม้ว' ปัดมี 'ดีลลับ' อ้างพระบรมราชโองการจะอยู่เฉยไม่ถูกต้อง โอด 'อิ๊งค์' โดนพักงานเรื่องเฮงซวย
'พ่อนายกฯ' ลั่นไม่มีเปลี่ยนตัวนายกฯ ต้องทำงานต่อเนื่อง โอด “อิ๊งค์”โดนพักงานด้วยเรื่องเฮงซวย พร้อมขออาสาเป็นเสมียนประเทศ รับปัญหาการเมืองหนักกว่าเศรษฐกิจ เพราะทำนายไม่ได้ ยันกลับบ้านไม่มี 'ดีลลับ' ส่วนลูกสาวถ้าอาสาทำงานแล้ว เขาไม่ให้ทำก็กลับไปเลี้ยงลูก อ้างพระบรมราชโองการลดโทษให้ ต้องรับใส่เกล้าฯ แล้วจะอยู่เฉยโดยไม่สนใจปัญหาบ้านเมืองถือว่าไม่ถูกต้อง รับ กลัวความเสี่ยงเสถียรภาพทางการเมืองที่สุด อ้างเศรษฐกิจแย่มานานจะแก้ข้ามคืนยาก ต้องอาศัยความร่วมมือ วิธีคิดไม่ตันแน่ โปรยยาหอม วันนี้ต้องเอาความหวังกลับให้คนไทย
'หมอวรงค์' เฮ! ชนะคดี 'พิธา-ก้าวไกล' ฟ้องเรียก 24 ล้าน
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม เผยศาลอุทธรณ์ยืนยกฟ้องคดีพิธาเรียกค่าเสียหาย 24 ล้าน
'ป้าเจี๊ยบ' ลั่น! นิรโทษกรรมต้องมี 112 ขู่ยุติธรรมไม่มี สามัคคีไม่เกิด
นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีตแกนนำพรรคก้าวไกล นักเคลื่อนไหวทางการเมือง โพสต์ข้อความว่า ยุติธรรมไม่มี สามัคคีไม่เกิด #มาตรา11
นายกฯ ยังไม่เห็นหนังสือ ป.ป.ช. รับไต่สวน โยกงบ 68 มาแจกเงินหมื่น เสี่ยงผิดรธน.
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับไต่สวนกรณีการโยกงบประมาณปี 2568 มาทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต อาจผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 144 นายกฯทราบเรื่องแล้วหรือยังว่า


