23 ม.ค.2565 – ที่ จ.นครพนม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ พร้อมด้วย นายสุพล ฟองงาม และนายวัชระ กรรณิการ์ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย ลงพื้นที่พบปะเครือข่ายกลุ่มสร้างอนาคตไทยภาคอีสานกว่า 100 คน โดยมีกลุ่มการเมืองเลือดอีสานเข้าร่วม อาทิ นายชัยมงคล ไชยรบ อดีตนายก อบจ.สกลนคร นายวิริยะ ทองผา อดีตรองนายก อบจ.มุกดาหาร นายเชิดศักดิ์ โภคกุลกานนท์ อดีตรองประธานสภา อบจ.อุบลราชธานี
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า หลังจากเปิดตัวพรรคสร้างอนาคตไทยและผู้ร่วมอุดมการณ์ก่อตั้งพรรคกลุ่มแรก เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา ทางพรรคตั้งใจจะเริ่มเดินหน้าลงพื้นที่พบปะเครือข่ายผู้ร่วมอุดมการณ์สร้างอนาคตไทย โดยประเดิมพื้นที่ภาคอีสานที่ จ.นครพนมเป็นที่แรก พื้นที่ภาคอีสานนั้นถือเป็นพื้นที่แม่ทางการเมือง เป็นหัวใจสำคัญทางการเมือง และมีความตั้งใจส่วนตัวที่อยากจะลงมาพบปะเป็นพื้นที่แรก
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า โดยโอกาสแรกคือ ตั้งใจมาสร้างความเข้าใจถึงแนวทางการดำเนินงานของพรรค ซึ่งได้รับการตอบรับเกินความคาดหมายจากที่คิดไว้ แสดงให้เห็นว่าพี่น้องกลุ่มการเมืองภาคอีสานมีความตื่นตัวต่อพรรคสร้างอนาคตไทยในการเข้ามาแลกเปลี่ยนพูดคุยเพื่อนำไปสู่การร่วมอุดมการณ์เดียวกัน ส่วนโอกาสที่สองคือ มาพบปะขุนพลหลักๆ ของภาคอีสานที่จะเป็นแกนนำสำคัญที่จะปักธงการทำงานการเมืองของพรรคร่วมกันซึ่งเชื่อว่าพรรคจะเป็นทางออกและทางเลือกสำคัญที่พี่น้องทางภาคอีสานจะให้ความไว้วางใจ
“นับจากนี้พรรคจะเริ่มเดินหน้าทางการเมืองเต็มรูปแบบ พร้อมจะติดตามสถานการณ์การเมืองอย่างใกล้ชิดและจะดำเนินการทางการเมืองให้สอดรับกับทุกสถานการณ์ จะไม่ทำการเมืองที่ประชาชนเข้าไม่ถึง แต่จะมุ่งเน้นการทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน เพราะหัวใจของการเมืองคือพี่น้องประชาชน โดยพรรคจะระดมผู้ที่มีความรู้ความสามารถให้ได้มากที่สุด มีคุณสมบัติดีที่สุด เหมาะสมที่สุด เพื่อเสนอต่อพี่น้องประชาชน และมุ่งเน้นการทำนโยบายที่พี่น้องประชาชนให้ความไว้วางใจ ผมขอยืนยันว่าพรรคจะเป็นพรรคแห่งความหวังของคนไทย ที่จะสร้างโอกาสด้านเศรษฐกิจ ภายใต้ขุนพลด้านเศรษฐกิจที่มากความสามารถและประสบการณ์”นายสนธิรัตน์ กล่าว
นายสนธิรัตน์ ยังได้กล่าวถึงคุณสมบัติของบุคคลที่จะมาเป็นแคนดิเดตนายกของพรรคว่า พรรคกำหนดคุณสมบัติแคนดิเดตนายกของพรรคไว้ชัดเจน คือ 1. ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถที่จะนำพาไปสู่การแก้วิกฤตของประเทศได้ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม และพี่น้องประชาชนมีความเชื่อมั่น 2. จะต้องเป็นผู้ที่มีบารมีมากพอที่จะรวบรวมพลังของคนที่จะเข้ามาแก้ปัญหาของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพลังของนักการเมือง นักธุรกิจ และพลังเครือข่ายด้านสังคม และ 3. จะต้องเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ และสามารถนำพาประเทศแข่งขันกับนานาชาติได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ทนายมือหนึ่ง' เผยคนฝากให้กำลังใจนายกฯเยอะ หลังถูก 'บิ๊กโจ๊ก' เอาคืน
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีชื่อเป็นรัฐมนตรี ว่า วันนี้ต้องให้กำลังใจนายกรัฐมนต
จะเอาให้ได้! 'เศรษฐา' เรียก 4 แบงก์ยักษเข้าทำเนียบฯ คุยลดดอกเบี้ย หลังธปท.ไม่เล่นด้วย
ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้เรียก 4 ธนาคารเข้าพบ
'เศรษฐา' กล่าวเปิดงาน ASEAN Future Forum 2024 ทุกคนต้องรับผิดชอบการกำหนดอนาคตของอาเซียน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถ้อยแถลงในพิธีเปิดงาน ASEAN Future Forum 202
เขย่าโผปรับครม. สะพัด! 'เศรษฐา' เก้าอี้หด เหลือแค่ตำแหน่งนายกฯ
ความเคลื่อนไหวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ต้องการให้จบเร็วภายในสิ้นเดือ
ไร้ถกปรับครม.! ‘รทสช.’ ระบุนายกฯคุยพรรคร่วม ช่วยตีปี๊บดิจิทัลฯเรื่องเดียว
รทสช. ยัน นายกฯเรียกคุยพรรคร่วมรัฐบาลให้ช่วยตีปี๊บดิจิทัลวอลเล็ต ไร้ถกปรับครม. ยันยังไม่มีสัญญาณ
ทำเนียบฯคึก! นายกฯ เรียกพรรคร่วมฯคุย ‘แก้รธน.-ดิจิทัลฯ’ จับตาถกปรับ ครม.
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.การคลัง เรียกหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าพบบนตึกไทยคู่ฟ้า