หอมกลิ่นความเจริญ! 'ทักษิณ' ประกาศปั้น GDP ประเทศไทยให้ถึง 4-5 %

“ทักษิณ” ดัน ใช้มหาลัยเป็นศูนย์กลางพัฒนาคน บอก คนอีสานจนลงเพราะมีผูกขาด ชี้ ต่อไปเทคโนโลยีดีขึ้นเกษตรอีสานต้องแม่นยำ พร้อม ปรับปรุงโอท๊อปสมัยใหม่

20 ธ.ค.2567 - ที่หอประชุมราชภัฏรังสฤษฏ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บรรยายพิเศษหัวข้อ อนาคตอีสาน โอกาสประเทศไทย ในงานสัมมนา ISAN NEXT : พลิกเศรษฐกิจไทย ฝ่าวิกฤตโลก ซึ่งจัดโดยมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ร่วมกับเครือมติชน

โดยนายทักษิณ กล่าวบนเวทีว่า วันนี้ตนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ตนจะพยายามพูดว่าตนคิดยังไงกับการที่ตั้งพรรคไทยรักไทยมาจนถึงทุกวันนี้ พี่น้องชาวอีสานก็ยังไว้วางใจตลอดเวลา เพราะตนไปเห็นพี่น้องชาวอีสานทุกซอกทุกมุม ซึ่งคิดตลอดในใจว่าจะทำอย่างไรถึงจะพลิกฟื้นได้ จะว่ายากก็ยากมาก จะว่าไม่ยากก็ไม่ยาก แต่ปัญหาคือหลังจากวางแนวทางแล้วต้องมีเจ้าภาพ ผู้ปฏิบัติ ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่ไม่ค่อยมีเจ้าภาพ เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นหน่วยงานใครหน่วยงานมันก็ทำหน้าที่ของตัวเองไป แต่ไม่มีเจ้าภาพที่จะรวมพลังของแต่ละภาคส่วนเข้าหากัน

ขอเริ่มต้นในคำว่ากันดารคือสินทรัพย์ คือภาคอีสานมีความกันดารมาก่อนที่จะมีการพัฒนามาจนถึงทุกวันนี้ ความกันดาร ความยากจน ทำให้คนอีสานมีความแข็งแรงเพราะต้องดิ้นรนช่วยตัวเองมาตลอด ซึ่งในตอนนั้นพี่น้องชาวอีสานสร้างองค์ความรู้ที่เกิดจากการต้องเอาตัวรอด ยารักษาโรคไม่มีก็ต้องใช้สมุนไพร และคนอีสานก็มีความอดทน เข้มแข็ง และพยายามจะสร้างวัฒนธรรมของความเป็นนักสู้ สู้ชีวิตด้วยความอดทนและค้นหาปัญญาใหม่ๆมาตลอด ซึ่งนี่คือข้อดีของความลำบาก แต่ก็หวังว่าเราต้องทำให้คนอีสานหมดความลำบาก เพราะที่ลำบากมายาวนานพอแล้ว ฉะนั้น ถึงเวลาที่เราต้องพลิกฟื้นอีสานให้ได้

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า สิ่งที่คนอีสานมีคือพื้นที่กว้างขวางที่สุด ประชากรมากที่สุด และวัฒนธรรมเก่าแก่ แล้วเราจะทำอย่างไรกับสิ่งที่มีอยู่ นั่นคือสร้างความแข็งแกร่งให้กับคน ซึ่งตนมองว่าเรื่องการสร้างความแข็งแกร่งให้กับคนอีสานนั้น ต้องเริ่มต้นด้วยสิ่งที่เขามีอยู่แล้ว คือซอฟต์พาวเวอร์ คนอีสานมีความสามารถ ตนเคยไปอาหารญี่ปุ่นที่ประเทศออสเตรเลีย เข้าไปปรากฏว่าเชฟออกมาสวัสดีเป็นคนอีสานทั้งนั้น โดยสามารถทางทักษะฝีมือ สามารถฝึกได้ ซึ่งถ้าจะเริ่มที่คนต้องเริ่มที่ซอฟต์พาวเวอร์ เพราะเอาวัฒนธรรมที่มีอยู่ เอาศิลปะวัฒนธรรมที่มีอยู่ เอาความอดทนของคนอีสาน แตกแขนงไปในแต่ละด้าน

อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะบอกว่าวัฒนธรรมของคนไทยมักจะอยากเห็นลูกได้ปริญญา ซึ่งความจริงแล้วการได้ปริญญา หลายคนยังหางานไม่ได้ เพราะปริญญาได้ประกาศนียบัตร สิ่งที่ได้คือความรู้และปัญญา บางคนจบมาความรู้ไม่ได้ ปัญญาไม่ได้แต่ได้ประกาศนียบัตร ยิ่งมหาวิทยาลัยเอกชนบางแห่ง ส่งเสริมการเรียนถึงปริญญาเอก มีประกาศนียบัตรแน่นอน แต่ถามว่าจบแล้วมีความรู้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับคน เพราะบางโครงการจ่ายครบจบแน่จึงทำให้คนเห่อปริญญาโดยทิ้งสิ่งที่เป็นสาระสำคัญของการเรียนหนังสือคือความรู้ ถ้าเรามีความรู้มากๆ ก็จะนำไปสู่ปัญญา วันนี้สิ่งเหล่านี้สังคมไทยขาด

อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า โดยในวันนี้โลกปัจจุบันสนใจคำว่าสกิลมากกว่าคำว่าปริญญา คือต่อไปนี้เรามีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สามารถทำงานแทนเราได้เยอะแยะ แต่คนที่มีความชำนาญ มีความฉลาด มีความวิเคราะห์สามารถสั่งเทคโนโลยีหรือเอไอให้ทำงานแทนเราได้ ฉะนั้น ต่อไปนี้คนอีสานจะต้องได้รับการผสมผสานเทคโนโลยีไปสู่ชีวิตประจำวันของเขา นั่นคือสิ่งที่ต้องมีการเทรนแน่นอนเราอาศัยมหาวิทยาลัยที่มีอยู่ คือประเทศไทยในวันนี้เรามีมหาวิทยาลัยเยอะ เรามีครูบาอาจารย์เยอะ แต่เราใช้ประโยชน์จากเขาน้อย นอกจากการสอนหนังสือเพื่อให้คนได้ปริญญา แต่ความรู้ความชำนาญไม่พอ

วันนี้ต้องใช้มหาวิทยาลัยเหล่านี้เป็นแกนหลัก โดยเฉพาะเรื่องซอฟต์พาวเวอร์หรือโอท๊อปในยุคใหม่ ที่ต้องดีไซน์ใหม่ และอีกเรื่องคือคนอีสานจนลง เพราะการผูกขาด จนลงเพราะทุกอย่างผ่านระบบนายหน้า แต่วันนี้เทคโนโลยีมาแล้วคนอีสานต้องได้รับการดูแลจากภาครัฐให้ยกเลิกการผูกขาดให้มากที่สุด และใช้เทคโนโลยีเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง เขาจะได้ราคาที่เหมาะสมและจะได้แข่งขันได้ เช่น ข้าวหอมมะลิ ในวันนี้ข้าวทุกอย่างเราส่งออกต้องผ่านสมาคมผู้ส่งออก แต่ต่อไปเมื่อมีการเลิกสิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้ระบบอีคอมเมิร์ซที่ทำให้ชาวไร่ชาวนาหรือลูกหลาน เมื่อเข้าใจก็สามารถสามารถสร้างเว็บไซต์ของตัวเองได้ และขายสินค้าตัวเองไปในประเทศและต่างประเทศได้ โดยที่ไม่ต้องมีใบอนุญาตส่งออก

“วันนี้การพัฒนาคนเป็นหัวใจสำคัญ พัฒนาแล้วเอาเทคโนโลยีเข้ามา เพื่อให้เขาได้เข้าถึงผู้ให้บริการหรือลูกค้าได้ ซึ่งวันนี้หลายอย่างทำได้แล้วแต่อีกหลายอย่างก็ยังอยู่ในราชการอยู่ และนายกรัฐมนตรี ได้ให้รัฐมนตรีทั้งหลายไปดูว่ากระบวนการผูกขาดที่มีมานานทั้งของภาครัฐและภาคเอกชนจะแก้อย่างไรเพื่อให้ลดต้นทุนของประชาชน และสิ่งที่ซอฟต์พาวเวอร์พยายามจะผลักดันคือทำอย่างไรถึงจะใช้กลไกที่มีอยู่ของภาครัฐ เพื่อการลงทุนใหม่ที่ไม่มากเกินไป คือใช้กลไกของมหาวิทยาลัยเป็นตัวผลักดัน หรือศูนย์ฝึกความชำนาญในด้านซอฟต์พาวเวอร์แต่ละด้าน” นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า เกษตรของภาคอีสาน เป็นเกษตรที่ต้องการความแม่นยำที่สุด เพราะบางครั้งฝนฟ้าตกไม่ตรงตามฤดูกาล ความแห้งแล้งก็ยังยังมีอยู่บ้าง น้ำท่วมน้ำแรงก็เกิดขึ้นบ่อย ฉะนั้น การทำเกษตรแม่นยำหรือการใช้เทคโนโลยีมาทำนายภูมิอากาศ วัดคุณภาพดินเพื่อปลูกสิ่งที่เหมาะสมกับสภาพดินและสภาพอากาศ

ซึ่งเมื่อก่อนสมัยที่ตนทำมูลนิธิไทยคม มีเด็กคนหนึ่งใช้ซอฟต์แวร์ธรรมดาคำนวณเรื่องดินฟ้าอากาศได้บอกพ่อกับแม่ของเขาว่าปลูกลงดินและเก็บเกี่ยวช่วงไหน ก็ทำให้ผลผลิตมากขึ้น ซึ่งนี่คือแบบง่ายสมัยก่อนเทคโนโลยีไม่มีอะไรมาก แต่ต่อไปเทคโนโลยีดีขึ้นจึงคิดว่าเกษตรอีสานต้องเป็นเกษตรแม่นยำ

สิ่งที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รับไปเรื่องหนึ่งคือ เราจะขอให้ชาวบ้านได้เอาดินแลกน้ำ นั่นหมายความว่าขุดดินจากลำคลองแม่น้ำต่างๆเอาไปใช้ประโยชน์ได้ เพื่อให้เรามีพื้นที่รับน้ำมากขึ้น ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ทำให้คนอีสานมีรายได้เพิ่ม ทำมาหากินได้มากขึ้น เป็นสิ่งที่เราอยากเห็น ส่วนรถไฟความเร็วสูงกำลังจะมา ถ้าเราตกลงกันเรียบร้อย จากลาวไปเข้าถึงกรุงเทพฯ จะผ่านเส้นทางของอีสานหลายจังหวัด และจะทำให้คนอีสาน สามารถพัฒนาเกษตรเกษตรให้เป็นเกษตรอุตสาหกรรม หรือสามารถที่จะส่งเกษตรที่เป็นของสดส่งไปขายยังประเทศจีนได้ ทำให้โอกาสเกิดขึ้นอีกทางหนึ่ง

นายทักษิณ กล่าวว่า สิ่งที่เป็นห่วงคนอีสานคือคุณภาพของคน อันเกิดจากการที่ถูกมอมเมาของเด็กเยาวชนที่ถูกมอมเมาโดยยาเสพติด เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีสนใจเรื่องนี้มาก และอยากให้ทุกภาคส่วนช่วยกันจัดการเรื่องยาเสพติด เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้คนภาคอีสานอ่อนแอ พ่อแม่ก็ไม่มีกำลังที่จะทำมาหากินเพราะลูกติดยา เป็นเรื่องที่ต้องทำกันอย่างกว้างขวางและจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปราบปรามหรือการบำบัด เห็นว่าท่านนายกฯ กำลังสั่งให้ทำแอพเพื่อรับรายงานจากพื้นที่โดยตรงว่าพื้นที่ไหนมีพ่อค้ายาเสพติดอยู่ ก็จะจัดการโดยเด็ดขาด เพื่อจะทำให้คนอีสานมีความแข็งแรงขึ้น

นายทักษิณ กล่าวว่า ส่วนเรื่องโอทอปสมัยใหม่ ตนได้ใช้เงินส่วนตัวให้กับทางต่างประเทศได้ศึกษาเรื่องโอทอปทั้งหมดตอนช่วงที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี จึงพยายามทบทวนว่าให้โอทอปปรับปรุงอย่างไรบ้าง และเขาก็จะมาอธิบายให้ฟังหลังจากปีใหม่นี้แล้วเพื่อปรับปรุงโอทอปของเราให้สมัยใหม่ขึ้น โดยโอทอปสมัยใหม่จะต้องใช้เทคโนโลยี ใช้ดีไซน์ ที่เป็นที่ต้องการของต่างประเทศ

โดยทางด้านของโอทอปที่อีสานจะเป็นฐานใหญ่อีกฐานหนึ่ง จะต้องกลับมาปรับปรุงให้เป็นสิ่งที่ขายได้ทั้งโลก เราจะทำให้โอทอปกลับมาฟื้นอีกครั้งนึง แต่ฟื้นด้วยความที่เป็นสมัยใหม่มากขึ้น แต่ไม่ทิ้งวัฒนธรรมของไทยเพียงแต่ประยุกต์เพื่อให้เป็นที่ต้องการของสากล

ซึ่งตนอยากให้คนอีสานได้มีโอกาสเห็นหรือเรียนรู้อะไรแบบของต่างประเทศเพื่อนำมาสู่การปรับปรุงของตัวเอง และตนคิดว่าคงจะเริ่มต้นในปีหน้า ที่คุยกันไว้ทั้งหมดคิดว่าเรื่องโอทอปสมัยใหม่ เรื่องพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์โดยเฉพาะของภาคอีสานจะเริ่มต้นก่อน โดยการใช้สถาบันการศึกษาเป็นแกนในการพัฒนาและปรับปรุงทั้งหมด

“สิ่งที่คนอีสานต้องเรียนรู้อีกเรื่องหนึ่งคือ เรื่องเอไอ ไม่ใช่คนอีสานจะต้องมีความรู้ทางเทคนิค แต่การที่จะเรียนรู้เอไอ คือการสั่งให้เครื่องทำงานได้ โดยที่ไม่ต้องนั่งเขียนโปรแกรมเอง ซึ่งเราสามารถให้มหาวิทยาลัยเป็นแกนกลางในการสอน เราจะขอให้มหาวิทยาลัยต่างๆเป็นศูนย์กลางในการฝึก คนอีสานทางด้านซอฟต์พาวเวอร์ เทคโนโลยี และเรื่องโอทอปสมัยใหม่ คราวที่แล้วตอนที่ผมเป็นนายกฯ เราใช้มหาวิทยาลัยเยอะ แม้กระทั่งเรื่องของการตั้งกองทุนหมู่บ้าน ใช้นักศึกษาไปช่วยสอนให้เขาทำบัญชีและให้หน่วยกิตระหว่างซัมเมอร์ ได้ค่าจ้างด้วย

คราวนี้เชื่อว่ามหาวิทยาลัยต่างๆจะถูกขอความร่วมมือ เพื่อที่จะช่วยกันแก้ปัญหาและเจ้าภาพน่าจะเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด หรือนายกอบจ. ที่จะช่วยกันทำสิ่งเหล่านี้เพื่อให้คนอีสานได้มีความชำนาญและมีความรู้ โอกาสเข้าหาแหล่งผู้บริโภคโดยตรง ส่วนเรื่องแหล่งทุนไม่ใช่เรื่องใหญ่ งานของคนอีสานเป็นงานที่ไม่ได้ใช้เงินมาก ฉะนั้น แหล่งทุนจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่“นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยเป็นหนี้เยอะมาก สูงไป 60 กว่าเปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ซึ่งเรามีเพดานไว้ที่ 70 เปอร์เซ็นต์ ถ้าจะกู้เงินมาลงทุนอีกจะกู้ไม่ไหว ฉะนั้น รัฐบาลต้องหาทางลดหนี้ ด้วยการเพิ่มจีดีพี และด้วยการลดหนี้ลง ซึ่งเป็นเรื่องที่พูดง่ายทำยากแต่ต้องทำ นั่นคือเพิ่มจีดีพีที่จะเพิ่มได้ด้วยเราต้องเพิ่มเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ที่วันนี้เม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจเรามีน้อย เราโตน้อยกว่าทุกแห่งบนโลกโดยเฉลี่ย เพราะเราดูดเงินออกจากระบบเยอะ ตนได้คุยกับผู้เชี่ยวชาญทางด้านการคลังและด้านกฎหมาย ตนมองว่าที่ผ่านมารัฐบาลออกพันธบัตรขายให้สถาบันการเงินเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสถาบันก็เก็บพันธบัตรไว้ เมื่อถึงเวลาก็รับดอกเบี้ยไป ไม่ได้ช่วยเศรษฐกิจอะไร

บังเอิญว่าประธานาธิบดีทรัมป์ ได้เข้ามาเป็นประธานาธิบดีรอบสอง เอาจริงเอาจังกับเรื่องของคริปโต โดยเฉพาะเรื่องของบิทคอยน์ เรื่องการสร้างสกุลใหม่ผ่านระบบคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งอเมริกากำลังจะเพิ่มเม็ดเงินเข้าไปสู่ระบบเศรษฐกิจในรูปของคริปโต ฉะนั้น ถ้าเราไม่ทำ เราก็ไม่ทันเขา เราทำอย่างไรที่ไม่เป็นความเสี่ยง ไม่ให้ประชาชนเกิดความเสี่ยง

เรื่องหนึ่งก็คือพันธบัตรที่ต้องออกทุกปี เอาเม็ดเงินตรงนี้มาสู่ระบบเศรษฐกิจดีหรือไม่ นี่คือวิธีที่ตนคุยกับบรรดานักการคลังทั้งหลาย ตนบอกว่าเราออกพันธบัตรและขายบุคคลทั่วไป แล้วอายุพันธบัตรสั้นๆ เพื่อสามารถเอามาหมุนเวียนในตลาดได้ออกเป็นรูปของเหรียญหรือคอยน์ ในที่สุดเงินเหล่านี้ก็จะตกไปอยู่ในมือของประชาชนที่พร้อมใช้ก็ได้ หรือไม่ใช้ก็ได้ดอกเบี้ย ดีกว่าการที่เอาไปไว้ที่สถาบันแล้วไม่ได้ใช้ อันนี้ก็จะเอามาใช้กับทุกภาคทั้งประเทศ เพื่อให้มีเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ไม่เช่นนั้นจีดีพีเราไม่มีทางโต ทำนายทีไรก็สองกว่า ตนฟังแล้วทุเรศ ตนว่าจะต้องทำให้ขึ้นไป 4 หรือ 5 ให้ได้ และคิดว่าไม่น่าจะยากเกินไปเพื่อเราจะได้เพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ภาคอีสานได้ด้วยเช่นกัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘แม้ว’ สั่งถอนสัญชาติไทย เจ้าของตึก 25 ชั้นปอยเปต

“ทักษิณ” จ่อถอดสัญชาติไทยเจ้าของตึก 25 ชั้นที่ปอยเปต “ภูมิธรรม” โต้ข่าวเมียนมาปิดชายแดน บอกถ้าปิดเหมือนล็อกตัวเอง วางกรอบตัดไฟ 6 เดือน

'ทักษิณ' ยิ้มรับสิ้นมนตร์ขลัง เลิกฝันรัฐบาลพรรคเดียว

'ทักษิณ' ยิ้มรับสิ้นมนตร์ขลัง บอกแก่แล้ว ลั่นสนามใหญ่เพื่อไทย แย่ๆ ไม่ต่ำ 200 เลิกฝันรัฐบาลพรรคเดียว อ้างคนไม่มีเพื่อนไม่ดี แต่มากไปปวดหัว

จับตา! แพทยสภาขยับผลตรวจสอบจรรยบรรณหมอรพ.ตร. ทำ 'ทักษิณ' สั่นไหว

'จตุพร' จับตา! แพทยสภา ขยับผลตรวจสอบจรรยบรรณหมอ รพ.ตร. เชื่อเป็นข่าวดีทำ 'ทักษิณ' สั่นไหว สะเทือนบ่อนกาสิโนล้มไม่เป็นท่า ฟาด กสทช.อืดอาดตัดเน็ตกี่โมง