“สว.รัชนีกร” เดือดจัด ท้า สส.รอบหน้าลงสมัคร สว.ด้วย จะได้รู้ว่ามันยากแค่ไหน ขณะที่ “หมออ๋อง” คัมแบคอีกรอบนั่ง กมธ.วิสามัญ ส่วน “สว.พันธุ์ใหม่” โวยไม่มีชื่อในกมธ.ฯ จน”วันนอร์”ต้องสั่งพักการประชุม สุดท้ายสว.เสียงข้างน้อยสมใจได้นั่งกมธ.
14 ม.ค.2568 - ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมรัฐสภา ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม พิจารณาเรื่องด่วน ร่างข้อบังคับการประชุมรัฐสภา (ฉบับที่...) พ.ศ.... เสนอโดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน
โดยน.ส.รัชนีกร ทองทิพย์ สว. อภิปรายด้วยความอัดอั้นตันใจ ไม่เห็นด้วยกับการตั้งคนนอกเป็นกรรมาธิการ ว่า สส.ที่กำลังคุยอยู่อย่างมากมายตอนนี้ ไม่ได้ฟังเลย ท่านอาจจะมาจากการเลือกตั้ง ประชาชนเลือกท่านมา 1 คนมีสิทธิ์ เลือก 1 ท่าน แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้เปิดโอกาสให้ผู้แทนกลุ่มอาชีพอย่างพวกเรา สว. เข้ามาเหมือนท่าน เราใช้รัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน แต่ท่านอาจจะลืม ถ้าท่านลืมขอให้กลับไปอ่านใหม่อีกรอบได้
น.ส.รัชนีกร กล่าวต่อว่า อีกประการหนึ่งก็คือสถานภาพของ สส.และสว. เป็นเครื่องรับรองและยืนยันว่าจะรับผิดชอบต่อการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ซึ่งการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญอยู่ในมือท่านอยู่แล้ว ตนไม่เห็นด้วยเลย กับการที่จะให้บุคคลภายนอกเข้ามาเป็น 1 เสียงในคณะ กมธ. แต่ตนเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ที่จะเชิญนักวิชาการ ภาคประชาสังคม ผู้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องรัฐธรรมนูญเข้ามาให้ความเห็นในฐานะของที่ปรึกษา และในส่วนที่เขาเชี่ยวชาญ เนื่องจากนักวิชาการ นักเคลื่อนไหวทางสังคมเหล่านั้น อาจจะไม่ต้องรับผิดโดยตรงต่อการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญเหมือนกับสถานภาพของ สส. และ สว.
“ประชาชนมีสิทธิ์ในการเข้าใช้สิทธิ์ตามช่องทางของรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เสียงใช้สิทธิ์ในการลงประชามติ การเข้าชื่อกันไม่น้อยกว่า 50,000 คน เสนอร่างรัฐธรรมนูญได้ รวมถึงการเลือกตั้ง สส. เหมือนที่ สส.บางท่านบอกว่ามาจากการเลือกตั้ง สมาชิกบางสภาไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ท่านคะ สมัยหน้าท่านลง สว.ไหมคะ ท่านจะได้รู้ว่าเราเข้ามายากแค่ไหน สมัคร 1 อำเภอ เลือกกันในกลุ่มตัวเองไม่พอ ยังจะไขว้กันอีก ไขว้กันโดยการจับสลากนะคะ ไม่สามารถมองตาใครแล้วให้เลือกเราได้เลย ซื้อก็ไม่ได้ เพราะไม่รู้จะซื้ออย่างไร มันเยอะ หลังจากตัวแทนอำเภอเข้ามาแล้ว เรายังไปเป็นตัวแทนจังหวัด ใช้วิธีการเดิมอีก ดิฉันเป็นตัวแทนของจังหวัดพังงา วันที่ดิฉันได้เป็นตัวแทนจังหวัด ดิฉันกล่าวด้วยความสัจจริงว่าวันนั้นดิฉันขอบพระคุณชาวพังงาอย่างมาก ดิฉันมาเกินจากที่ดิฉันคาดไว้เยอะ เกินจากนี้ดิฉันถือว่าเป็นกำไร สิ่งเดียวที่ดิฉันทำคืออธิษฐาน ท่าน สส.ท่านเข้ามาด้วยการอธิษฐานไหมคะ ดิฉันอธิฐานว่าหากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในประเทศนี้มีจริง หากท่านเห็นว่าดิฉันมีความรู้ความสามารถที่จะเข้ามาทำเพื่อประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองได้ ขอให้ดิฉันได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา แล้วดิฉันก็ได้รับเลือกในระดับประเทศที่มันยากไม่รู้จะยากอย่างไร” น.ส.รัชนีกร กล่าว
ส่วนนพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. อภิปรายว่า การแก้ไขข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ดูเหมือนเป็นการปูทางไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญ ตนติดใจในประเด็นการแก้ไขคุณสมบัติของบุคคลที่จะเป็นกรรมาธิการ โดยร่างแก้ไขนั้นได้ตัดเกณฑ์ที่กมธ.จะพ้นจากตำแหน่งใน (4) ว่าด้วยการขาดสมาชิกภาพแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกออก เท่ากับว่าจะให้คนที่ต้องคดีเข้ามาเป็นกมธ. อย่างไรก็ตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญ ควรให้สมาชิกรัฐสภาดำรงตำแหน่ง ซึ่งสมาชิกรัฐสภาที่มีรวม 700 คน คือ สส. 500 คน สว.200 คน ส่วนกมธ.ที่จะตั้งมีจำนวน 45 คน ดังนั้นเมื่อกมธ.พ้นตำแหน่งเพราะขาดจากสมาชิกภาพ พรรคการเมืองควรตั้งบุคคลตามสัดส่วนของพรรคมาทดแทน ไม่เป็นปัญหา แต่หากยังให้คนที่ขาดสมาชิกภาพเป็น กมธ.ได้ถือว่าดูแคลนกันไปหน่อย
“ในพรรคการเมืองมีผู้มีความรู้ความสามารถเป็นจำนวนมาก แต่การเสนอแบบนี้คงหลับตาดูแล้วเห็นว่าใครขาดสมาชิกภาพในอนาคตหรือไม่ ขอให้ทบทวน เพราะกมธ.แก้รัฐธรรมนูญนั้นมีความสำคัญ หากตัดส่วนคุณสมบัติที่ขาดคุณสมาชิกภาพออกไปจะเห็นใครมาทำหน้าที่ อ้าปากเห็นไปถึงริดสีดวงทวาร” นพ.เปรมศักดิ์ อภิปราย
ขณะที่ นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. อภิปรายไม่เห็นด้วยในการแก้ไขข้อบังคับข้อ 123 ที่กำหนดให้ กมธ.แก้รัฐธรรมนูญมาจากรายชื่อที่สมาชิกรัฐสภาเสนอ เท่ากับเปิดทางให้บุคคลภายนอกที่ไม่ใช่สมาชิกรัฐสภาเข้ามาทำหน้าที่ และการกำหนดสัดส่วนให้ประชาชนผู้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เข้าเป็นกมธ.จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของกมธ.ที่กำหนดให้มี 45 คน ถือว่าขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 ที่กำหนดว่า สส. สว. หรือสมมาชิกรัฐสภาเป็นตัวแทนปวงชนชาวไทย
“การเสนอแก้ไขแบบนี้เท่ากับว่าจะตั้งใครก็ได้ใน 45 คน ไม่ต้องมีสมาชิกรัฐสภาแม้แต่คนเดียวก็ได้ ผมมองว่าไม่เป็นเหตุที่สมควร เพราะไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจหน้าที่และสิทธิแก่สมาชิกรัฐสภา อีกทั้งการเสนอให้มีตัวแทนประชาชนที่เสนอแก้รัฐธรรรมนูญนั้นผมติดใจในกระบวนการคัดเลือกที่ต้องโปร่งใส ยุติธรรม ไม่ใช่ถูกเลือกเข้ามาเพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมือง แม้ว่าการเสนอประชชนเป็นกมธ.เป็นเจตนาดี เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วม แต่การปฏิบัติและโครงสร้างตั้งกมธ. อาจไม่สมดุล อาจลดทอนอำนาจการถ่วงดุลของสส.และสว. กลับเพิ่มอำนาจให้กับฝ่ายที่สนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญ แม้ไม่มีร่างแก้ไขของประชาชนเข้ามาก็ตาม จะทำให้กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญถูกชี้นำโดยเสียงข้างมาก” นายพิสิษฐ์ อภิปราย
ขณะที่น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. พันธุ์ใหม่ อภิปรายว่า ขอสนับสนุนข้อบังคับการประชุมรัฐสภาฉบับนี้ เพราะคือข้อบังคับของตัวแทนของประชาชนดำเนินการประชุมให้เป็นไปตามเจตจำนงค์ของประชาชน ต้องขอขอบคุณพรรคประชาชนที่เห็นความสำคัญของการพัฒนาข้อบังคับการประชุมที่ต้องเปลี่ยน และข้อบังคับการประชุมข้อที่ 123 ซึ่งถือเป็นหัวใจ เพราะก่อนหน้านี้ข้อบังคับการประชุมไม่มีการเปิดให้ประชาชนเข้ามาเป็นกรรมาธิการ แต่สมาชิกก็พูดว่านี่เป็นเขตพื้นที่ เขตอำนาจของเรา เราเปิดให้ประชาชนโดยใช้คำว่าคนนอก ตนคิดว่าประชาชนที่ฟังการอภิปรายอยู่เสียใจอย่างยิ่ง
“เมื่อเขาเลือกพวกคุณเข้ามาแล้ว พวกคุณเรียกเขาว่าเป็นคนนอกหรือ ตอนที่คุณจะให้เขาเลือกก็ไปกราบขอคะแนนเขา แต่พอเขาเลือกเสร็จแล้วคุณบอกว่าเขาเป็นคนนอก เขาไม่มีสิทธิ์เข้ามาในวงอำนาจนี้ กำลังหลงผิด และหวงอำนาจกันอยู่หรือเปล่า กำลังกลัวว่าโควต้าหนึ่งในสาม ที่จะเปิดให้ประชาชนเข้ามาเป็นกรรมาธิการร่วมพิจารณารัฐธรรมนูญนั้นจะเบียดบังโควต้าพรรคของท่าน กลุ่มของท่านไป น่าเสียใจ ดิฉันอยากจะให้ทุกท่านเปลี่ยนจากคำว่าบุคคลภายนอก เป็นบุคคลสำคัญ เพราะประชาชนนั้นคือเจ้าของอำนาจที่แท้จริง และถ้าเราจะพิจารณาในเรื่องรัฐธรรมนูญ ประชาชนเป็นผู้เลือกสมาชิกรัฐสภาเข้ามา แล้วเหตุใดจึงกรีดกันไม่ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนรวมในการที่จะพิจารณากฎหมายสูงสุด ตรงนี้จึงมองว่าสมาชิกรัฐสภาหลายท่านกังวลจนเกินเหตุในการที่จะเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นกรรมาธิการพิจารณากฎหมายสูงสุดของประเทศ แต่ควรเปิดใจให้กว้างยอมรับพัฒนาการนี้”น.ส.นันทนา กล่าว
จากนั้นนายพริษฐ์ อภิปรายสรุปว่า ประเด็นที่สมาชิกรัฐสภาติดใจการตัดเงื่อนไขให้กมธ.พ้นจากตำแหน่งกรณีที่ขาดจากสมาชิกภาพของสภาที่เป็นสมาชิกนั้น เป็นการแก้ไขเพื่อให้สอดรับกับกรณีที่บางพรรคหรือสว. เสนอบุคคลภายนอกเป็นกมธ. แต่หากเขียนไว้จะมีปัญหาทางกฎหมายทันที และที่บอกว่าอาจไม่มีสส. สว. เป็นกมธ.เลยนั้นอาจเป็นไปได้ กรณีที่พรรคการเมืองและสว.ไม่เสนอสมาชิกของสภาของตนเองได้ แต่หากเห็นว่าควรมีสมาชิกรัฐสภาอยู่ในกมธ.ในโควต้าของสว. ไม่ต้องเสนอคนนอก เพื่อปิดปัญหา อย่างไรก็ดีหากสว.หรือ สส. จะเสนอชื่อใครต้องขออนุมัติจากสมาชิกรัฐสภา หากพบว่ามี กมธ.ที่น้อยไป สามารถแก้ไขได้ หากต้องการหลักประกันสามารถรับหลักการแล้วไปแก้ไขในชั้นกมธ.ได้ ส่วนกรณีที่เสนอให้ผู้แทนประชาชนที่เข้าชื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นกมธ. นั้นเป็นกรณีพิเศษที่เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยประชาชน ส่วนจำนวน และถ้อยคำนั้นตนดึงมาจากรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้
จากนั้น เวลา 12.00 น. ที่ประชุมลงมติเห็นด้วย 415 เสียง ไม่เห็นด้วย 185 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง เป็นอันว่าที่ประชุมเห็นสมควรรับหลักการแห่งร่างข้อบังคับการประชุม ฉบับที่ ... พ.ศ. ... จากนั้นตั้ง กมธ.วิสามัญ จำนวน 18 คน โดยแบ่งเป็นสส.13 คน สว. 5 คน แปรญัตติ 15 วัน และนัดประชุมกมธ.ฯครั้งแรกวันที่ 16 ม.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการตั้ง กมธ.วิสามัญในครั้งนี้ มีรายชื่อที่น่าสนใจ ได้แก่ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีต สส.พิษณุโลก อดีตรองประธานสภาฯ ถูกเสนอชื่อในสัดส่วนพรรคประชาชนด้วย ขณะที่ในการตั้งกมธ.สัดส่วนของวุฒิสภานั้นก็เกิดปัญหาขึ้น เมื่อโควตาสว. 5 คน ไม่มีรายชื่อสว.เสียงข้างน้อยร่วมอยู่ในกมธ.ด้วย ทำให้สว.เสียงข้างน้อยไม่พอใจ จึงเสนอรายชื่อสว.เสียงข้างน้อยเพิ่มขึ้นมาอีก 4 คน ทำให้มีจำนวนสว.เป็นกมธ. 9 คน ซึ่งเกินโควตา 5 คนที่ได้รับ ทำให้เกิดการโต้เถียงกันในกลุ่มสว.เสียงข้างมากกับเสียงข้างน้อย
ขณะที่สส.บางส่วนเสนอให้ที่ประชุมรัฐสภาลงคะแนนโหวตตัดสินเลือกคนเป็นกมธ. ในที่สุดนายวันมูหะมัดนอร์ สั่งให้พักประชุม 15 นาที เพื่อให้สว.เสียงข้างมากและเสียงข้างน้อยไปตกลงเรื่องโควตาสว.ที่จะมาเป็นกมธ.ให้ลงตัวก่อน
จากนั้นเวลา 13.15 น. การประชุมร่วมรัฐสภา กลับมาประชุมใหม่ หลังพักประชุมไป 45 นาที โดยมีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม โดยสว.ได้เปลี่ยนแปลงรายชื่อ กมธ. 5 คน โดยมี สว. เสียงข้างน้อยร่วมเป็นกมธ.ด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หนังม้วนเก่า! เพื่อไทยยื่นญัตติ ถามศาลรธน. 'ไม่ต้องทำประชามติก่อน'
สส.เพื่อไทยเข้าชื่อเสนอญัตติ ถามศาลรธน. 'รัฐสภามีอํานาจแก้รัฐธรรมนูญ โดยไม่ต้องทําประชามติก่อนหรือไม่' เผยยื่นปะธานสภาฯพรุ่งนี้ ขณะที่ 'ชูศักดิ์' ระบุหากศาลฯไม่รับพิจารณา ก็ไม่มีทางอื่นต้องทำประชามติ 3 ครั้ง
'เอกนัฏ' ยันจุดยืน 'รทสช.' อิงคำวินิจฉัยศาลรธน. ปมแก้รัฐธรรมนูญ
'เอกนัฏ' ชี้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร ระบุพรรครวมไทยสร้างชาติ ยืนยันไม่แตะหมวดหนึ่ง หมวดสอง ย้ำไม่เคลียร์พรรคร่วม เพราะเคยคุยกันหลายรอบ
สส.ภูเก็ต เผยพฤติกรรมของชาวต่างชาติ ส่งผลกระทบกับภาคท่องเที่ยว
นายเฉลิมพงศ์ แสงดี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ตเขต 2 พรรคประชาชน เปิดเผยว่า "เป็นประเด็นต่อเนื่องสำหรับพฤติกรรมของชาวต่างชาติซึ่งเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะฤดูการท่องเที่ยวของ จ.ภูเก็ต
อภิปรายไม่ไว้วางใจสาวไส้‘นายใหญ่’ หรือทิ้งทวนเวทีสุดท้าย‘25สส.ปชน.’
ภายหลังเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้มีการรวบรวมญัตติของ พรรคร่วมฝ่ายค้าน ว่าแต่ละพรรคจะอภิปรายรัฐมนตรีคนไหน และมีข้อกล่าวหาเป็นอย่างไร เพื่อนำมาเรียบเรียงเขียนเป็นญัตติเดียว
คำวินิจฉัยศาลรธน.ผูกพันทุกองค์กร 'ดร.ณัฏฐ์' ฟันธง 44 สส.รอดยาก!
ดร.ณัฏฐ์ นักกฎหมายมหาชน ฟันธงคดีมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงอดีต 44 สส.ก้าวไกล รอดยาก เหตุคำวินิจฉัย ศาลรธน.ในคดีล้มล้างฯ เบ็ดเสร็จเด็ดขาดและผูกพันทุกองค์กร
ซักฟอก สั่งลา!! | ห้องข่าวไทยโพสต์
ห้องข่าวไทยโพสต์ : วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568