30 ม.ค. 2568 - นายพงษ์ศักดิ์ หรือ “กำนันศักดิ์” จ่าแก้ว ผู้สมัครนายก อบจ.สุราษฎร์ธานี เบอร์ 2 กล่าวถึงกรณีพล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ออกมาแฉเรื่องการทุ่มเงินกว่า 200 ล้านบาท ซื้อเสียงหัวละ 500 บาท 4 วันๆ ละ 100,000 หัว รวม 400,000 หัว ว่าในส่วนของตัวเองและทีมผู้สมัคร ส.อบจ.ยืนยันว่า การลงพื้นที่หาเสียง หรือจัดเวทีปราศรัยใหญ่ ที่ผ่านมา พ่อแม่พี่น้องทุกคนที่มารับฟังปราศรัยมากกว่า 7 พันคน นั้น มากันแบบไม่ได้นัดหมาย มาด้วยใจ ไม่มีค่าหัว ไม่มีค่าจ้าง อย่างแน่นอน
“ให้รู้กันว่า คนสุราษฎร์มีศักดิ์ศรี ผมจะต่อสู้กับกลุ่มทุนใหญ่ ด้วยความมุ่งมั่นทำงานหนัก เพื่อตอบแทนบุญคุณประชาชนที่ไว้วางใจผมมาตลอด และจะตั้งใจสานงานต่อเพื่อประโยชน์ของชาวสุราฏร์ธานี ครับ” กำนันศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายพลัฏฐ์ นิลเนาวรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมบัติ ฉ่ำแสง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลและเจ้าหน้าที่ กกต. เพื่อหารือในประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง โดยในการประชุม ผอ.กกต.สุราษฎร์ โต้กระแสซื้อเสียง 500 ยังไม่มีมูลร้องเรียน แต่ได้เพื่อวางแผนและกำหนดมาตรการป้องกันการซื้อสิทธิ์ขายเสียง และป้องปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง โดยกำหนดให้มีการบูรณาการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกับฝ่ายปกครองในพื้นที่ทุกอำเภอ เฝ้าระวัง ตั้งจุดสกัด ตรวจค้น ลาดตระเวนเพื่อเป็นการป้องปรามการกระทำ ความผิดกฎหมายและระเบียบเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ตามข้อมูลการตั้งจุดตรวจรักษาความสงบเรียบร้อย
ประกอบกับมีการเสนอข้อมูลทางสื่อโซเชียลว่ามีแข่งขันค่อนข้างที่จะรุนแรงและมีการกระทำการที่อาจเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 รวมทั้งมีการซื้อเสียงเกิดขึ้นหลายพื้นที่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ไม่ว่าจะมีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงจริงหรือไม่ ประชาชนชาวสุราษฎร์ธานีต่างทราบกันดี เป็นบทพิสูจน์ความไว้เนื้อเชื่อใจ กกต.จังหวัด ว่าจะดำเนินการจัดการกับการทุจริตเลือกตั้งนายก อบจ. ได้หรือไม่ หรือจะซ้ำรอยกับผลงานในการเลือกตั้งก่อนๆ ที่ผ่านมา ซึ่งหากคำตอบของ กกต.จังหวัดสุราษฎร์ธานี สวนทางกับความจริงที่เกิดขึ้นในพื้นทที่ ทำให้เราต้องตั้งคำถามต่อไปว่า กกต. มีไว้ทำไม ทั้งนี้ประชาชนส่วนใหญ่ยังเชื่อมั่นการทำงานของหน่วยงานภาครัฐที่ต้องร่วมมือร่วมใจให้การใช้สิทธิ์ของประชาชนและการหาเสียงอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หน่วยงาน กกต.สุราษฎร์ฯ ต้องปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกลไกสำคัญของประชาธิปไตยอย่างเต็มประสิทธิภาพ มุ่งมั่นทำภารกิจให้บรรลุเป้าหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเป็นแบบอย่างที่ส่งผลกระทบต่อความโปร่งใสและเป็นธรรมของระบบเลือกตั้งในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดร.ณัฏฐ์ ชี้ชัดนิยาม ผู้สมัคร อบต. ต้องนับตั้งแต่ ‘เสนอตัว’ ไม่ใช่วันได้สมัครต่อ กกต.
“ดร.ณัฏฐ์ วงศ์เนียม” ผ่าปมกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น หลังนักการเมือง อบต.ฮือฮาแจกของช่วยน้ำท่วมหาดใหญ่ ระบุชัด สถานะ ผู้สมัคร เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ประกาศตัวลงสนาม ไม่ใช่วันที่ยื่นใบสมัครต่อ กกต. พร้อมเตือ
ดร.ณัฏฐ์ ชำแหละปมกฎหมายท้องถิ่น ถอยหลังลงคลอง เปิดทางผูกขาดอำนาจ
“ดร.ณัฏฐ์” นักกฎหมายมหาชน ชำแหละ ปมแก้ไขกฎหมายท้องถิ่น กรณีผู้บริหารท้องถิ่น “ลดอายุ” และ “ไม่จำกัดวาระ” ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ผูกขาดอำนาจท้องถิ่น
เกมท้องถิ่น 'ลดอายุ-ไร้วาระ' สัญญาณร่วมทางภูมิใจไทยกับพรรคส้ม?
เมื่อกติกาท้องถิ่นถูกขยับจากอายุถึงวาระ การเมืองไทยจึงเผยให้เห็นรอยต่อที่ไม่ธรรมดา ระหว่างความหวังของคนรุ่นใหม่กับเครือข่ายบ้านใหญ่เก่าแก่ และการที่ “ภูมิใจไทย” ขยับเคียงกับ
'บ้านใหญ่'ยึดเก้าอี้ท้องถิ่น 'พรรคส้ม'เขย่าฐานอำนาจ
การเลือกตั้ง สมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี ทั่วประเทศเมื่อวันที่ 11 พ.ค.2568 สิ้นสุดลงด้วยภาพที่ไม่ต่างจากอดีต เพราะการเมือง “บ้านใหญ่” ยังคงครองอำนาจในสนามท้องถิ่นอย่างเหนียวแน่น
นักวิชาการ มธ. วิเคราะห์เลือกตั้งท้องถิ่น กระแสพรรคดีไม่การันตีชนะเลือกตั้ง วัดผลกันที่ ‘ตัวบุคคล’ เป็นหลัก
“นักวิชาการธรรมศาสตร์” ชี้การเลือกตั้งเทศบาลครั้งนี้มีคนรุ่นใหม่ลงสมัครอย่างมีนัยสำคัญ ระบุในการเลือกตั้งท้องถิ่นกระแสความนิย
ดราม่าหาเสียง! คนขับรถป้ายส้มเดือด คว้าเก้าอี้หมายฟาดผู้สมัคร หลังถูกแซะ 'ส้มปลอม'
ผู้สมัคร สท. พันท้ายนรสิงห์ เข้าแจ้งความหลังถูกชายขับรถหาเสียงป้ายสีส้มบุกปรี่หมายทำร้าย คาดไม่พอใจคอมเมนต์ “ส้มปลอม” โชคดีชาวบ้านช่วยห้ามทัน




