
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ซัดฝ่ายค้าน เลือกอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ แพทองธาร เพียงลำพัง ไม่แตะพรรคการเมืองที่ถูกพัวพันคดีฮั้วเลือก สว. ชี้ลดความน่าเชื่อถือของการตรวจสอบ อัดยับ! ประชาชนอาจมองว่าฝ่ายค้าน ‘เลือกมุมเล่นการเมือง’ มากกว่าทำหน้าที่แท้จริง
8 มีนาคม 2568 - นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นเกี่ยวกับการอภิปรายไม่ไว้วาง ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ ว่า นี่เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรกของรัฐบาลนี้ นับจากนายกฯ เศรษฐา เป็นต้นมา
เดิมทีเดียวข่าวออกมาว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านกำหนดเป้าเป็นรัฐมนตรี 10 คนที่จะยื่นอภิปรายฯ แต่โค้งสุดท้ายเหลือเพียงนายกรัฐมนตรีแพทองธาร คนเดียวเท่านั้น ถ้าให้ผมประเมินเรื่องนี้ไม่อยู่เหนือความคาดหมายเท่าไหร่ล่ะครับ เพราะเคยนั่งคุยกับทีมงานใกล้ชิดอยู่บ้างว่าฝ่ายค้านอาจจะพลิกเกมเดินแต้มนี้ก็ได้ เพราะถ้าดูจากประวัติศาสตร์การเมืองไทย การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ครั้งนะครับ และทุกครั้งภายใต้ข้อสมมติฐานทางการเมืองว่ารัฐบาลกำลังมีปัญหา ภายใน หรือมีปัญหาเรื่องเสถียรภาพของพรรคร่วมรัฐบาล
ครั้งแรกที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีคนเดียว คือในยุครัฐบาลพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เวลานั้นในสภาก็ไม่ค่อยดีครับ นอกสภานายทหารยังเติร์กก็เคลื่อนไหวเป็นคลื่นใหญ่ขึ้นทุกวันๆ สุดท้ายฝ่ายค้านอภิปรายฯ นายกฯ เกรียงศักดิ์คนเดียว และท่านก็ต้องลาออกจากตำแหน่งในที่สุด
ครั้งที่ 2 ในยุครัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นะครับ ตอนนั้นฝ่ายค้านก็อ่านเกมคล้ายๆ นี่แหละครับว่า รัฐบาลพลเอกเปรม ทำท่าจะกระท่อนกระแท่น ยื่นอภิปรายฯ คนเดียว แต่ลืมนึกไปครับว่าพลเอกเปรม แกโชว์ศักยภาพเหนือกว่า ผ่านไปไม่กี่วันเท่านั้นนะครับ รายชื่อ สส. ที่เข้าชื่อกันอภิปรายฯ ค่อยๆ ทยอยหายๆ ส่วนจะหายไปแบบไหน โดยใครไปค้นดูในประวัติศาสตร์กันก็แล้วกันนะครับ
อีก 2 ครั้งหลังคือรัฐบาลนายกฯ บรรหาร ศิลปอาชา,รัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่ง 2 ท่านนี้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเพียงลำพัง แล้วหลังจากนั้นไม่นานก็เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง นายกฯ บรรหาร พลิกเกมยุบสภา , พลเอกชวลิต ลาออก ดังนั้นคราวนี้ฝ่ายค้านเขาก็อาจจะมองเกม ว่าเมื่อเกิดคดีฮั้ว สว. เกิดกรณีการคัดง้างเรื่องแนวทางการทำงานในพรรคร่วมรัฐบาล เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์หรืออื่นๆ ก็อาจจะทำให้สถานะของนายกรัฐมนตรีอยู่ในสภาพคล้ายๆ กับยุคพลเอกเกรียงศักดิ์ , คุณบรรหาร , คุณชวลิต หรือเปล่า เลยเปลี่ยนจาก 10 คนมายื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจคนเดียว
อย่างไรก็ตามนะครับ บริบททางการเมืองวันนี้ ผมมองว่ามันไม่ได้เหมือนกับยุคหลายสิบปีที่แล้ว ผมยังคงยืนยันภาพนี้เสมอนะครับว่า การเมืองปัจจุบันมันเข้าสู่ยุค 3 ก๊กและปฏิสัมพันธ์ของ 3 ก๊กนี้ มันมีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกัน บางช่วงเวลา 2 ก๊กยืนอยู่บนผลประโยชน์ร่วมทางการเมือง ในขณะที่อีกก๊กนึงเนี่ยยืนอยู่ฝ่ายตรงข้าม
ดังนั้นถ้าหากมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีเพียงลำพังคราวนี้ แล้วจะคาดหวังว่าพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคหรือมากกว่า 1 พรรคจะโหวตคว่ำนายกรัฐมนตรี หรือจะสร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ ผมว่าในยุค 3 ก๊กนี่ ไม่ง่ายนักครับ
แต่ก็เถอะ อย่างน้อยที่สุดมันก็ทำให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจคราวนี้เพิ่มความเซ็กซี่ขึ้นมา เพราะพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลายกล้ามใหญ่ขึ้นมาทันทีนะครับ เนื่องจากว่านายกรัฐมนตรีเป็นคนเดียวที่ต้องการเสียงโหวตไว้วางใจ คือมันไม่มีว่าต่างพรรคต่างต้องโหวตให้รัฐมนตรีของแต่ละพรรค เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียว ก็จะทำให้พรรคร่วมรัฐบาลแต่ละคะแนนมีนัยยะ มีความสำคัญมากขึ้น และวินาทีที่โหวตคือวินาทีที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลชุดนี้พลาดไม่ได้ เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาในตอนโหวต ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองทันที รัฐบาลเดินต่อไม่ได้ ต้องจบลงตรงนั้น แต่ว่ามิติแบบนี้จะให้ลุ้นให้ตื่นเต้นให้วิเคราะห์กันก็พอได้อะครับ แต่จะคาดหวังว่ามันจะเป็นจริง ผมไม่เชื่อว่าจะเดินไปถึงจุดนั้น
แต่เรื่องที่อยากจะเปิดอกพูดกันนะครับก็คือ เมื่อฝ่ายค้านตัดสินใจที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ แพทองธารคนเดียว ก็เท่ากับว่าเลือกที่จะเดินในมิติทางการเมืองเป็นหลัก ทำให้ในทางกลับกันบทบาทของการทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาลทุกแง่ทุกมุม มันอ่อนด้อยหรือเลือนหายไป ประชาชนเขาอาจจะรู้สึกได้ ว่านี่หมายความว่าพรรคฝ่ายค้านไม่ติดใจ ไม่สงสัย ไม่คิดจะอภิปราย เพราะไว้วางใจรัฐมนตรีบางคนบางท่านที่ถูกมองว่ากำลังมีปัญหาในบาง เรื่องบางประเด็น เช่น ฮั้ว สว. ฝ่ายค้านก็ไม่ติดใจนะครับ
"จะเป็นเรื่องเขากระโดงก็ไม่ติดใจ เรื่องประกันสังคมก็ไม่ติดใจ หรือเรื่องอื่นๆ ของรัฐมนตรีทั้งในพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายค้านล้วนแล้วแต่ให้ความไว้วางใจทั้งหมดหรือไม่"
และผมคิดว่าบรรยากาศการอภิปรายจริงๆ ก็คงยุ่งกันพอสมควร เพราะว่าแต่ละเรื่อง แต่ละนโยบายที่รัฐบาลขับเคลื่อนอยู่ ก็มีรองนายกฯ หรือมีรัฐมนตรีที่เขารับผิดชอบโดยตรง แม้การอภิปรายจะพุ่งเป้าที่ตัวนายกรัฐมนตรี แต่พอไปเกี่ยว ไปพาด ไปพิงเอากับเนื้องานของผู้รับผิดชอบ เขาก็ย่อมมีสิทธิที่จะลุกขึ้นชี้แจงตอบคำถามตอบข้อกล่าวหา ฝ่ายค้านก็คงไม่ยอมง่ายๆ ฝ่ายรัฐบาลเขาก็ยอมไม่ได้ ยุ่งพิลึกอะครับ
ผมคิดว่าการตัดสินใจอภิปรายแบบนี้ มันคงมีทั้งคนเห็นด้วยและเห็นต่าง อย่างไรก็ตามนะครับ ก็ต้องดูเวลาฝ่ายค้านเขาทำหน้าที่ละ ว่าจะออกมาเป็นที่ยอมรับกับประชาชนมากน้อยแค่ไหน ส่วนจะอภิปรายกันกี่วัน ขอให้ฝ่ายสภาเขาตกลงกันเถอะครับ แต่จะเอา 5 วันเนี่ยผมว่ามากไป คือนายกฯ เพิ่งทำงานมาได้ประมาณ 6 เดือน อภิปรายนายกฯ กันคนเดียว 5 วัน ผมว่าคงไม่ถึงนะครับ แต่จะเป็นหนึ่งวัน สองวัน สามวัน ก็สุดแท้แต่จะหาข้อสรุปกันมา
.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'จุลพันธ์' กั๊กวันยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ลั่น 'ต่อให้รู้ก็บอกไม่ได้'
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุหากจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเป็นช่วงเวลาใด ต่อให้รู้ก็บอกไม่ได้
'เด็จพี่' โผล่หยัน 'ปชน.' ไม่กล้าซักฟอก 'อนุทิน' กลัว 'ยุบสภา' ทำแก้รัฐธรรมนูญค้างเติ่ง
‘พร้อมพงศ์’ อัด ปชน. ตรรกกะย้อนแย้ง จี้ ‘อนุทิน’ ปลดรัฐมนตรีทุนเทา ไม่ได้ผล สอนมวย ยื่นอภิปรายใช้เสียงสภาฯ เกินครึ่งโหวตคว่ำ ปลดได้แน่ ผิดหวังห่วงเรื่องแก้รธน. มากกว่า ซักฟอกในสภาฯ ชี้ ทำแฟนคลับผิดหวัง เตรียมโดนลงโทษวันเลือกตั้ง
🛑LIVE ‘ดร.สุวิชา’ เปิดชัดๆ นิด้าโพล เลือกตั้ง’69 พลิกล็อก.!? พรรคต่อพรรค-ภาคต่อภาค | อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร
‘ดร.สุวิชา’ เปิดชัดๆ นิด้าโพล เลือกตั้ง’69 พลิกล็อก.!? พรรคต่อพรรค-ภาคต่อภาค อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร : วันเสาร์ที่ 06 ธันวาคม พ.ศ.2568
การเรียนประวัติศาสตร์ สำคัญต่อเรื่องการเมือง-นโยบายหรือไม่ 'เอ็ดดี้' มีคำตอบ
ไม่มีชาติใดกำหนดอนาคตได้ ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองเดินมาจากไหน ประเทศที่มองอดีตไม่ออก จะถูกครอบงำโดยผู้นำที่อ้างประวัติศาสตร์ผิดๆ
🛑LIVE ร้องข้ามกำแพงคุก!! | ห้องข่าวไทยโพสต์
ร้องข้ามกำแพงคุก!! ห้องข่าวไทยโพสต์ : ประจำวันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2568
'ไอติม' เลี่ยงยื่นซักฟอก ใช้กลไกอื่นตรวจสอบรัฐบาลแทน
'พริษฐ์' ปัดตอบยื่นซักฟอกรัฐบาล ขอใช้กลไกอื่นของสภาตรวจสอบเข้มข้นแทน เชื่อถกแก้ รธน. วาระ 2 จบภายใน 3 วัน นัดประชุมวิปฝ่ายค้านวางกรอบ 9 ธ.ค.

